ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ บัลกาซาร์[1] | ||
วันเกิด | 1 มิถุนายน ค.ศ. 1988 | ||
สถานที่เกิด | กัวดาลาฮารา เม็กซิโก | ||
ส่วนสูง | 1.75 m (5 ft 9 in)[2] | ||
ตำแหน่ง | กองหน้าตัวเป้า | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | กัวดาลาฮารา | ||
หมายเลข | 14 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
1997–2006 | กัวดาลาฮารา | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2006–2010 | กัวดาลาฮารา | 64 | (26) |
2010–2015 | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 103 | (37) |
2014–2015 | → เรอัลมาดริด (ยืมตัว) | 23 | (7) |
2015–2017 | ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน | 54 | (28) |
2017–2019 | เวสต์แฮมยูไนเต็ด | 55 | (16) |
2019–2020 | เซบิยา | 9 | (1) |
2020–2023 | แอลเอ แกลักซี | 74 | (38) |
2024– | กัวดาลาฮารา | 2 | (0) |
ทีมชาติ | |||
2007 | เม็กซิโก อายุไม่เกิน 20 ปี | 2 | (1) |
2009–2019 | เม็กซิโก | 109 | (52) |
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 มีนาคม 2024 |
ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ บัลกาซาร์ (สเปน: Javier Hernández Balcázar; เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 1988) เป็นนักฟุตบอลชาวเม็กซิโก ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับกัวดาลาฮาราในประเทศเม็กซิโกอดีตเคยเล่นกับสโมสรฟุตบอลเม็กซิโก ชีบัสโกรัส ในกัวดาลาฮารา และสร้างชื่อกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ เขาลงแข่งในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกครั้งแรกในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 โดยแข่งขันกับทีมชาติโคลอมเบีย และยังเป็นตัวแทนแข่งขันในฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งเขาทำประตูได้ 2 ประตู เขาเป็นบุตรชายของนักฟุตบอล ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ และหลานชายของนักฟุตบอล โตมัส บัลกาซาร์
ชีวิตช่วงแรก
เอร์นันเดซ เกิดที่เมืองกัวดาลาฮารา รัฐฮาลิสโก เขาเริ่มเล่นในลีกสันทนาการเมื่อเขาอายุ 7 ปี พ่อของเขาชื่อ ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ ซึ่งเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า พ่อของเขาพูดว่า เขาไม่คิดว่าลูกชายของเขาจะสามารถเล่นในระดับอาชีพได้ เอร์นันเดซได้ร่วมสโมสรเซเดกัวดาลาฮารา เมื่ออายุ 9 ปี โดยเซ็นสัญญาระดับอาชีพเมื่อเขาอายุ 15 ปี[3] ในปี ค.ศ. 2005 เขาร่วมลงแข่งฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี แต่เขาเกิดบาดเจ็บ ไม่ได้ลงเล่นในฐานะทีมผู้ชนะเลิศ[4]
ระดับอาชีพ
เซเดกัวดาลาฮารา
เอร์นันเดซ เริ่มเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลชีบัสโกรัส ในเตปิก รัฐนายาริต ในฤดูกาล 2005–06 เขาลงเล่นครั้งแรกกับชีบัสในอาเปร์ตูรา 2006 โดยได้รับชัยชนะเหนือ เนกาชา ในสนามกีฬาฮาลิสโก กับประตู 3–0 เอร์นันเดซลงแทนโอมาร์ บราโบ ในนาทีที่ 82 ก่อนที่จะทำประตูที่ 4 ใน 5 นาทีต่อมา เป็นประตูเดียวในการลงสนาม 7 ครั้งในฤดูกาล 2006–07 จากนั้นเขาลงแข่งขันอีก 6 ครั้งในฤดูกาล 2007–08 แต่ไม่สามารถทำประตูได้
เอร์นันเดซลงแข่งในอาเปร์ตูรา 2008 จำนวน 10 นัดแต่ไม่สามารถทำประตูได้ แต่เขาทำประตูได้ 4 ประตูในการลงแข่ง 15 ครั้งใน เกลาซูรา 2009 และในอาเปร์ตูรา 2009 เอร์นันเดซเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดลำดับที่ 3 กับ 11 ประตูในการลงแข่ง 17 นัด[5] เขาลงแข่งในตอร์เนโอบีเซนเตนารีโอ 2010 ทำประตูได้ 8 ประตูในการลงแข่ง 5 นัด[6] เมื่อจบเกม เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดใน ตอร์เนโอบีเซนเตนารีโอ 2010 กับจำนวน 10 ประตู ในการลงแข่ง 11 นัด[7]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เปิดตัว
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในอังกฤษ เริ่มรู้ความสามารถของเอร์นันเดซ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 โดยแมวมองได้เดินทางไปเม็กซิโกในเดือนธันวาคมของปีนั้น และได้รายงานในทางบวกหลังจากดูกาลเล่นของเขาไม่กี่เกม แต่เพราะด้วยอายุของเอร์นันเดซ เดิมทีสโมสรตั้งใจจะรอก่อนที่จะเริ่มเซ็นสัญญา แต่เพราะว่าการพัฒนาอันโดดเด่นที่เขาเล่นให้กับทีมชาติในฟุตบอลโลก เป็นแรงผลักดันให้สโมสรเร่งที่จะประมูลค่าตัว จิม ลอว์เลอร์ หัวหน้าแมวมองของยูไนเต็ด ได้เดินทางไปเม็กซิโกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เพื่อดูการเล่นให้เอร์นันเดซ และได้รายงานด้านบวกอีกครั้งในตัวเขา หลังจากนั้นทนายของสโมสรได้เดินทางไปเม็กซิโกเพื่อดำเนินการเรื่องงานเอกสาร[8]
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2010 เอร์นันเดซได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับค่าตัวที่ไม่เปิดเผย ภายใต้การขอใบอนุญาตทำงาน[9] ก่อนหน้านั้น เอร์นันเดซได้เปิดตัวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่ทีมแข่งขันกับสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิก ที่สนามกีฬาโอลด์แทรฟฟอร์ด[10] โดยการตกลงกันนี้เป็นไปด้วยความลับ เอเยนต์ของเอร์นันเดซ เก็บเป็นความลับ โดยที่ปู่ของเขา โตมัส บัลกาซาร์ คิดว่าเอร์นันเดซเดินทางไปที่แอตแลนตา ในสหรัฐอเมริกาเสียด้วยซ้ำ[11][12] และภายใต้สัญญา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้แข่งขันนัดกระชับมิตรกับชีบัส เพื่อเปิดสนามใหม่ ที่จุผู้ชมได้ 45,000 คน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม[13] เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ใบอนุญาตทำงานผ่าน ทำให้เขาย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม[14]
ฤดูกาล 2010–11
เอร์นันเดซได้ลงแข่งครั้งแรกกับยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ในนาทีที่ 63 เปลี่ยนตัวแทน นานี ในการแข่งขันกับทีมรวมดาวเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ 2010 จากนั้นเขาได้ทำประตูแรกใหักับสโมสรในอีก 18 นาทีต่อมา โดยเตะลูกโด่งข้าม นิก ริมานโด ผู้รักษาประตูจากนอกเขตโทษ โดยได้รับบอลผ่านจากดาร์เรน เฟล็ตเชอร์[15] 2 วันหลังจากนั้น เอร์นันเดซยิงประตูแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในนัดกระชับมิตรที่เขาเล่นให้กับสโมสรเก่า ชีบัส โดยทำประตูได้ในนาทีที่ 8 จากนั้นเขาก็เปลี่ยนข้าง แต่ก็ไม่สามารถทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ชัยชนะได้ โดยพ่ายไป 3-2[16] ในช่วงก่อนฤดูกาลเขาลงแข่งในครึ่งหลัง ยิงประตูที่ 3 ให้กับยูไนเต็ดในชัยชนะ 7–1 เหนือต่อลีกไอร์แลนด์ ในนัดการเปิดตัวสนามกีฬาเอวิวา เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม[17]
เอร์นันเดซเปิดตัวการแข่งขันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม โดยทำประตูแรกในประตูที่ 3 ของยูไนเต็ด 3–1 ชนะเชลซีไปได้ ในเอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 2010 เขาลงในครึ่งหลัง โดยเอร์นันเดซได้รับผ่านบอลจากอันโตเนียว บาเลนเซีย พุ่งตัวยิงเข้าประตู[18] ในวันที่ 16 สิงหาคม เอร์นันเดสลงการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกครั้งแรก โดยเปลี่ยนตัวแทนเวย์น รูนีย์ ในนาทีที่ 63 ในนัดที่ทีมชนะสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด[19] เมื่อวันที่ 29 กันยายน เอร์นันเดซทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่เขาทำให้ทีมชนะ 1–0 ต่อสโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย[20] เขาทำประตูแรกให้กับยูไนเต็ดครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกเสมอ 2–2 กับสโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมมิชอัลเบียน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม[21] ต่อมาอีก 8 วัน เขาทำประตูแรกในฐานะทีมเยือน โดยทำ 2 ประตู ชัยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลสโตกซิตี[22] 2 วันต่อมาเขาออกจากม้านั่งสำรองในนาทีที่ 81 เปลี่ยนตัวแทน เบเบ ทำประตูในนาทีสุดท้าย เป็นประตูแรกในลีกคัพของเขา โดยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลวูล์ฟเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์ ในบ้านตัวเอง 2–1[23] เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2011 เอร์นันเดซออกจากที่นั่งสำรองที่ฮอว์ทอร์นส นำทีมชนะ 2–1 ต่อเวสต์บรอมมิชอัลเบียน.[24] 3 วันต่อมาเอร์นันเดซถือสถิติชาวเม็กซิโกในพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูมากที่สุด หลังจากทำประตู 2–1 ชนะสโตกซิตี[25]ในวันที่ 21 มกราคม เอร์นันเดซทำประตูตีเสมอ ในนัดกลับมาชนะ 3–2 เหนือสโมสรฟุตบอลแบล็กพูล[26] 4 วันต่อมา เขาทำประตูแรกในเอฟเอคัพ นำชัยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลเซาแธมป์ตัน 2–1 ในการเยือน[27] เอร์นันเดซทำ 2 ประตูในการทำประตู 4–0 ในการเยือนสโมสรฟุตบอลวีแกนแอธเลติก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์[28] 8 วันต่อมาเขาทำประตูในนัดดาร์บีในการเยือนกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แต่พ่ายไป 3–1[29] เมื่อวันที่ 15 มีนาคม เอร์นันเดซทำประตู 2 ประตูชนะโอแล็งปิกเดอมาร์แซย์ ทำให้ยูไนเต็ดเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ[30] ในวันที่ 2 เมษายน เขาทำประตูสุดท้ายในนัดเจอกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ตีตื้น 2 ประตู ในนัดที่แมนยูไนเต็ดชนะในการเยือน 4–2[31] เขายังเป็นผู้ทำประตูแรกใน 2–1 ของรอบก่อนชิงชนะเลิศ ชนะเหนือสโมสรฟุตบอลเชลซีในแชมเปียนส์ลีก จนจบการแข่งขันที่ 3–1 ทำให้ยูไนเต็ดผ่านสู่รอบรองชนะเลิศ[32]
เรอัลมาดริด
ในช่วงต้นฤดูกาล 2014–15 เอร์นันเดซ ได้ย้ายไปร่วมทีมเรอัลมาดริด ในลาลิกาของสเปน แบบยืมตัว หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคนใหม่
เอร์นันเดซเคยทำประตูครั้งแรกในลาลิกาในนัดที่เรอัลมาดริดไปบุกถล่มลาคอรุ่นญา 8-2 เอร์นันเดซทำประตู 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากการเปลี่ยนตัวเอากาแร็ธ เบล ออกจากสนามในนาทีที่ 77
ในยูฟ่าแชมเปียนลีกฤดูกาลเดียวกัน ในรอบก่อนรองชนะเลิศนัดที่ 2 ที่เรอัลมาดริด พบกับ แอตแลนติโกมาดริด ที่สนามซานเตียโกเบร์นาเบว เอร์นันเดซเป็นผู้ยิงประตูให้ทีมเอาชนะไปได้ 1–0 ในนาทีที่ 87 ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ทีมได้ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ เนื่องจากในการแข่งนัดแรกทั้งคู่เสมอกันไป 0–0 [33]
ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน
ในช่วงต้นฤดูกาล 2015–16 เอร์นันเดซได้ย้ายไปร่วมทีมไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน ในบุนเดิสลีกาของเยอรมนี หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของลูวี ฟัน คาล ด้วยราคา 12 ล้านปอนด์ (ประมาณ 660 ล้านบาท) และระยะเวลาสัญญา 3 ปี
การแข่งขันระหว่างประเทศ
เม็กซิโก อายุไม่เกิน 20 ปี
เอร์นันเดซ เป็นหนึ่งใน 21 คนของฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกอายุไม่เกิน 20 ปี ในการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ปี 2007 ที่จัดขึ้นที่ประเทศแคนาดา โดยเขาสวมเสื้อเบอร์ 11[34]
ทีมชาติเม็กซิโก
เมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2009 เอร์นันเดซ ลงแข่งเปิดตัวครั้งแรกในฐานะทีมชาติเม็กซิโก โดยแข่งกับฟุตบอลทีมชาติโคลอมเบีย เขาได้ช่วยส่งการทำประตูไปใน 2–1 แต่ก็แพ้ไป[35] เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เอร์นันเดซ ทำประตู 2 ประตูในนัดแข่งกับโบลิเวีย และเขาได้ช่วยส่งทำประตูให้กับเบราเลียว ลูนา ต่อมา 3 มีนาคม เอร์นันเดซทำประตูทีมนิวซีแลนด์ ส่งผลให้เม็กซิโกชนะไป 2–0[36] เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เอร์นันเดซทำประตูที่ 4 ในฐานะทีมชาติ โดยชนะทีมเกาหลีเหนือไป 2–1[37] เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม เขาทำประตูในนัดแข่งกับเนเธอร์แลนด์ แต่ก็พ่ายไป 2–1[38] วันที่ 30 พฤษภาคม เอร์นันเดซยิง 2 ประตู ในนัดชนะแกมเบีย 5–1[39]
ฟุตบอลโลก 2010
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2010 เอร์นันเดซ เปิดตัวเล่นในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก ในเกมนัดเปิดระหว่างฟุตบอลทีมชาติแอฟริกาใต้ โดยเสมอไป 1-1 เขาลงแข่งในนาทีที่ 73 แทนที่ กีเยร์โม ฟรันโก[40] เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน เอร์นันเดซ ออกจากที่นั่งตัวสำรอง ลงแข่ง ครั้งนี้เขาสามารถทำประตูแรกในฟุตบอลโลกได้ โดยได้รับชัยชนะเหนือฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส 2–0 เขาดีดตัวออกจากกับดักล้ำหน้า รับบอลจาก ราฟาเอล มาร์เกซ โดยหลบ อูโก โลลิส (Hugo Lloris) และแปเข้าตาข่ายไป[41][42] เช่นเดียวกับที่ปู่ของเขา โตมัส บัลกาซาร์ เคยทำประตูในฟุตบอลโลก 1954 เมื่อแข่งกับฝรั่งเศส[43] เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะแห่งนัดนี้[44] ในวันที่ 27 มิถุนายน เอร์นันเดซทำประตูที่ 2 ในฟุตบอลโลก โดยหลบ มาร์ติง เดมีเชลิส ในสุดปลายเขตโทษ ก่อนที่จะใช้เท้าซ้ายยิงเข้าทะลุหลังคาประตู[45] แต่ในนัดนี้เม็กซิโกก็พ่ายให้กับอาร์เจนตินาไป 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย[46] จากสถิติของฟีฟ่า แสดงให้เห็นว่าเอร์นันเดซเป็นผู้เล่นที่มีความไวที่สุดในฟุตบอลโลก 2010 กับความเร็วสูงสุด 32.15 กิโลเมตร/ชั่วโมง[47]
หลังฟุตบอลโลก
เขาทำประตูในนัดแรกหลังจากที่เม็กซิโกแข่งฟุตบอลโลก ในนัดกระชับมิตร แข่งกับฟุตบอลทีมชาติสเปน แชมป์ฟุตบอลโลก ในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2010 เขาทำประตูได้ในนาทีที่ 12 แต่ต่อมา ดาบิด ซิลบา ทำประตูเสมอในนาทีสุดท้าย ทำให้ผลเสมอกัน 1–1[48] เอร์นันเดซทำประตูในการแข่งขันระหว่างประเทศครั้งแรกของเม็กซิโกในปี ค.ศ. 2011 โดยเขาทำประตูแรกในชัยชนะ 2-0 ในการแข่งขันกับฟุตบอลทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์[49]
การทำประตูในการแข่งขันระหว่างประเทศ
ยู 20
- ข้อมูลล่าสุดของเกมการแข่งขันวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2007[50]
# | วันที่ | สถานที่ | คู่แข่ง | คะแนน | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 2 กรกฎาคม 2007 | สนามกีฬาเนชันแนลซอกเกอร์, โทรอนโต, แคนาดา | แกมเบีย | 4–0 | 4–0 | ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ค.ศ. 2007 |
ทีมชาติ
- ข้อมูลล่าสุดของเกมการแข่งขันวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2011
# | วันที่ | สถานที่ | คู่แข่ง | คะแนน | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 24 กุมภาพันธ์ 2010 | แคนเดิลสติกพาร์ก, ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา | โบลิเวีย | 2–0 | 5–0 | นัดกระชับมิตร |
2. | 4–0 | |||||
3. | 3 มีนาคม 2010 | โรสโบวล์, พาซาดีนา, สหรัฐอเมริกา | นิวซีแลนด์ | 1–0 | 2–0 | นัดกระชับมิตร |
4. | 17 มีนาคม 2010 | เอสตาเดียวโกโรนา, ตอร์รีออง, เม็กซิโก | เกาหลีเหนือ | 2–1 | 2–1 | นัดกระชับมิตร |
5. | 26 พฤษภาคม 2010 | ไดรซัมสตาดีออน, ฟรีดบูร์ก, เยอรมนี | เนเธอร์แลนด์ | 1–2 | 1–2 | นัดกระชับมิตร |
6. | 30 พฤษภาคม 2010 | ฮันส์-วัลเทอร์สตาดีออน, ไบรอยท์, เยอรมนี | แกมเบีย | 1–0 | 5–1 | นัดกระชับมิตร |
7. | 2–0 | |||||
8. | 17 มิถุนายน 2010 | สนามกีฬาปีเตอร์โมคาบา, โพโลเควน, แอฟริกาใต้ | ฝรั่งเศส | 1–0 | 2–0 | ฟุตบอลโลก 2010 |
9. | 27 มิถุนายน 2010 | ซอกเกอร์ซิตี, โจฮันเนสเบิร์ก, แอฟริกาใต้ | อาร์เจนตินา | 1–3 | 1–3 | ฟุตบอลโลก 2010 |
10. | 11 สิงหาคม 2010 | เอสตาเดียวอัซเตกา, เม็กซิโกซิตี, เม็กซิโก | สเปน | 1–0 | 1–1 | นัดกระชับมิตร |
11. | 12 ตุลาคม 2010 | เอสตาเดียวโอลิมปีโกเบนีโตฮัวเรซ, ซิวดัดฮัวเรซ, เม็กซิโก | เวเนซุเอลา | 1–1 | 2–2 | นัดกระชับมิตร |
12. | 9 กุมภาพันธ์ 2011 | จอร์เจียโดม, แอตแลนตา, สหรัฐอเมริกา | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | 1–0 | 2–0 | นัดกระชับมิตร |
13. | 26 มีนาคม 2011 | โอ๊กแลนด์-อลาเมดาเคาน์ตีโคลิเซียม, โอ๊กแลนด์, สหรัฐอเมริกา | ปารากวัย | 1–0 | 3–1 | นัดกระชับมิตร |
14. | 3–0 |
สถิติ
สโมสร
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วย1 | ลีกคัป | ระดับทวีป2 | อื่น ๆ3 | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงแข่ง | ประตู | ลงแข่ง | ประตู | ลงแข่ง | ประตู | ลงแข่ง | ประตู | ลงแข่ง | ประตู | ลงแข่ง | ประตู | ||
กัวดาลาฮารา | 2006–07 | 7 | 1 | 0 | 0 | – | 1 | 0 | 1 | 0 | 9 | 1 | |
2007–08 | 5 | 0 | 0 | 0 | – | 5 | 0 | 1 | 0 | 11 | 0 | ||
2008–09 | 22 | 4 | 3 | 0 | – | 7 | 3 | 0 | 0 | 32 | 7 | ||
2009–10 | 28 | 21 | 0 | 0 | – | 0 | 0 | 0 | 0 | 28 | 21 | ||
รวม | 62 | 26 | 3 | 0 | – | 13 | 3 | 2 | 0 | 80 | 29 | ||
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 2010–11 | 27 | 13 | 5 | 1 | 3 | 1 | 9 | 4 | 1 | 1 | 45 | 20 |
2011-12 | 23 | 10 | 1 | 0 | 0 | 0 | 7 | 2 | 0 | 0 | 31 | 12 | |
รวม | 50 | 23 | 6 | 1 | 3 | 1 | 16 | 6 | 1 | 1 | 76 | 32 | |
รวมทั้งหมด | 114 | 49 | 9 | 1 | 3 | 1 | 28 | 9 | 2 | 1 | 156 | 60 |
สถิตินับถึงการแข่งขันในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2011[51][52][53][54][55]
ทีมชาติ
Mexico national team | ||
---|---|---|
ปี | ลงเล่น | ประตู |
2009 | 1 | 0 |
2010 | 19 | 11 |
2011 | 1 | 1 |
รวม | 23 | 14 |
สถิตินับถึงการแข่งขันในวันที่ 30 มีนาคม 2011[56]
เกียรติประวัติ
สโมสร
- กัวดาลาฮารา
- แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- พรีเมียร์ลีก (2): 2010–11 , 2012–13
- เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ (1): 2010
เกียรติประวัติส่วนตัว
- ปริเมราดิบิซิออนเดเมฆิโก ผู้ทำประตูสูงสุด (1): Bicentenario 2010
- ผู้ชนะ "บาลอนเดโอโร" ในฐานะผู้ยิงประตูที่ดีที่สุด ในฤดูกาล 2009–10 ของ ปริเมราดิบิซิออนเดเมฆิโก หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ ตอร์เนียวบีเซนเตนาเรียว 2010 (Torneo Bicentenario 2010)
ชีวิตส่วนตัว
เอร์นันเดซเป็นบุตรชายของฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ เล่นให้กับ 3 สโมสรในเม็กซิโก และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโก ในชุดฟุตบอลโลก 1986[57] ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซลาออกจากงานที่เป็นผู้จัดการทีมสำรองกัวดาลาฮารา เพื่อดูบุตรชายของตนแข่งขันในฟุตบอลโลก 2010 ในแอฟริกาใต้[58] เอร์นันเดซเป็นหลานของโตมัส บัลกาซาร์[59] ที่เล่นกับสโมสรเซเดกวาดาลาฮาลา และเล่นในฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโก ชุดฟุตบอลโลก 1954[60] มีรายงานว่าครอบครัวของเขาได้ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ รวมถึงบัลกาซาร์ ปู่ของเขาด้วย[61][62]
ระหว่างที่เขาอยู่ที่ประเทศเม็กซิโกนั้น เขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอาเตมากักและอาศัยอยู่กับครอบครัวเขา และด้วยภาษาสเปนเป็นภาษาพูดพื้นฐานของเขา เอร์นันเดซยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วด้วย[63]
ชื่อเล่น
"ชิชาริโต" คือชื่อเล่นอันเป็นที่รู้จักกันดีของเอร์นันเดซ มีความหมายคือ "ถั่วน้อย" ในภาษาสเปน เพราะว่าเขาเป็นบุตรชายของฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ ผู้ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "ชิชาโร" (สเปน: Chicharo; ถั่ว) นั่นเป็นเพราะว่าเขามีตาสีเขียว[64]
สไตล์การเล่น
เอร์นันเดซ ได้รับการกล่าวถึงจากผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า เป็นนักเตะ 2 เท้า ที่เร็วมาก ครองบอลกระโดดได้ดี และเป็นมือยิงโดยธรรมชาติ เฟอร์กูสันยังบอกว่า การเล่นของเอร์นันเดซ ทำให้เขานึกถึงอดีตนักเตะของยูไนเต็ดอย่างอูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์ ที่มีฉายาว่า เพชฌฆาตหน้าเด็ก[65] ส่วนอดีตเพื่อนร่วมทีม เฆซุส ปาดิยา กล่าวว่า "น่าอัศจรรย์มากในอากาศ" ในเรื่องการกระโดดสูง[3]
หมายเหตุ
อ้างอิง
- ↑ "Premier League clubs submit squad lists" (PDF). PremierLeague.com. Premier League. 2 February 2012. p. 23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 27 February 2012. สืบค้นเมื่อ 2 February 2012.
- ↑ "Javier Hernandez – Quote, Unquote". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 27 April 2011.
- ↑ 3.0 3.1 Billy Witz (1 April 2010). "For World Cup, Javier Hernández Could Be Mexico's Next Big Thing". New York Times. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ "Javier Hernández". ESPN Soccernet. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-29. สืบค้นเมื่อ 1 July 2010.
- ↑ "Tabla de Goleo Individual". Femexfut. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ "History awaits flawless Chivas". FIFA.com. 26 February 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-09. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ "Estadística - Primera División Profesional - Temporada 2009-2010 Torneo Bicentenario". Femexfut. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-15. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ Coppack, Nick (9 April 2010). "Boss: We had to move fast". ManUtd.com. ManUtd.com. สืบค้นเมื่อ 1 July 2010.
- ↑ Communications Dept. (8 April 2010). "Reds agree Hernandez deal". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 8 April 2010.
- ↑ Thompson, Gemma (8 April 2010). "Chicharito's 'dream' move". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 13 April 2010.
- ↑ Duncan White (11 April 2010). "Javier Hernandez, aka El Chicharito, living the Manchester United dream". London: The Telegraph. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ T Marshall, S Bartram (9 June 2010). "United's covert operation". Maqn Utd.com. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ Marshall, Tom (8 April 2010). "Manchester United to play Chivas at new stadium". guadalajarareporter.com. Guadalajara Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-11. สืบค้นเมื่อ 8 April 2010.
- ↑ Tuck, James (27 May 2010). "Chicharito granted work permit". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 27 May 2010.
- ↑ Thompson, Gemma (28 July 2010). "MLS All-Stars 2 United 5". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 28 July 2010.
- ↑ Thompson, Gemma (30 July 2010). "Chivas 3 United 2". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 1 August 2010.
- ↑ Coppack, Nick (4 August 2010). "Ireland XI 1 United 7". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 4 August 2010.
- ↑ Fletcher, Paul (8 August 2010). "Chelsea 1-3 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Company. สืบค้นเมื่อ 8 August 2010.
- ↑ Chowdhury, Saj (16 August 2010). "Man Utd 3-0 Newcastle". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 16 August 2010.
- ↑ Stevenson, Johnson (29 September 2010). "Valencia 0-1 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 29 September 2010.
- ↑ Sanghera, Mandeep (16 October 2010). "Man Utd 2-2 West Brom". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 16 October 2010.
- ↑ McNulty, Phil (24 October 2010). "Stoke 1-2 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 24 October 2010.
- ↑ Stevenson, Jonathan (26 October 2010). "Man Utd 3-2 Wolves". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 26 October 2010.
- ↑ Chowdhury, Saj (1 January 2011). "West Brom 1-2 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 1 January 2011.
- ↑ Stevenson, Jonathan (4 January 2011). "Man Utd 2-1 Stoke". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 4 January 2011.
- ↑ McNulty, Phil (25 January 2011). "Blackpool 2-3 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 25 January 2011.
- ↑ Hughes, Ian (28 January 2011). "Southampton 1-2 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 28 January 2011.
- ↑ Whyatt, Chris (26 February 2011). "Wigan 0-4 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 26 February 2011.
- ↑ McNulty, Phil (6 March 2011). "Liverpool 3-1 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 6 March 2011.
- ↑ McNulty, Phil (15 March 2011). "Man Utd 2-1 Marseille". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 15 March 2011.
- ↑ Sanghera, Mandeep (2 April 2011). "West Ham 2-4 Man Utd". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 2 April 2011.
- ↑ McNulty, Phil (12 April 2011). "Man Utd 2-1 Chelsea". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 12 April 2011.
- ↑ ""ชิชาริโต" ซัดชัย "ชุดขาว" เฉือน "ตราหมี" ลิ่วตัดเชือก". ผู้จัดการออนไลน์. 23 April 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 23 April 2015.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-29. สืบค้นเมื่อ 2011-03-21.
- ↑ "Mexico 1-2 Colombia". mediotiempo.com. สืบค้นเมื่อ 30 September 2009.
- ↑ "Gutsy All Whites fall to fiery Mexicano". nzherald.co.nz. สืบค้นเมื่อ 6 March 2010.
- ↑ "Mexico 2-1 North Korea: Hernandez Strikes Again". goal.com. สืบค้นเมื่อ 18 March 2010.
- ↑ "Netherlands 2-1 Mexico". soccernet.espn.go.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-22. สืบค้นเมื่อ 30 March 2010.
- ↑ "Mexico 5-1 Gambia". soccernet.espn.go.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-29. สืบค้นเมื่อ 30 March 2010.
- ↑ "South Africa 1-1 Mexico". British Broadcasting Company. สืบค้นเมื่อ 11 June 2010.
- ↑ "Mexico subs shoot down France". FIFA. 17 June 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-20. สืบค้นเมื่อ 3 July 2010.
- ↑ "France 0-2 Mexico". British Broadcasting Company. สืบค้นเมื่อ 17 June 2010.
- ↑ Steve Bartram (17 June 2010). "Chicharito steals the show". Man Utd.com. สืบค้นเมื่อ 3 July 2010.
- ↑ "France-Mexico". 17 June 2010. FIFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-26. สืบค้นเมื่อ 3 July 2010.
- ↑ "Tevez shines as Argentina oust Mexico". FIFA. 27 June 2010. สืบค้นเมื่อ 3 July 2010.
- ↑ "Argentina 3-1 Mexico". British Broadcasting Company. สืบค้นเมื่อ 27 June 2010.
- ↑ "Statistical stars from the group stage". FIFA.com. 26 June 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-02. สืบค้นเมื่อ 6 March 2011.
- ↑ "Silva salvages draw for Spain". ESPNsoccernet. 11 August 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-23. สืบค้นเมื่อ 12 August 2010.
- ↑ Guzmán, Sergio (9 February 2011). "México 2-0 Bosnia-Herzegovina... Debut esperanzador". MedioTiempo.com (ภาษาสเปน). Medio Tiempo. สืบค้นเมื่อ 9 February 2011.
- ↑ "World Youth Cup (U-20) 2007 (Canada)". RSSSF.com. Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation. 16 March 2011. สืบค้นเมื่อ 16 March 2011.
- ↑ "Javier Hernández Medio Tiempo". MedioTiempo.com. Medio Tiempo. 10 April 2010. สืบค้นเมื่อ 10 April 2010.
- ↑ "Javier Hernández ESPN". Soccernet.ESPN.go.com. ESPN. 1 June 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-24. สืบค้นเมื่อ 1 June 2010.
- ↑ "Javier Hernández World Football". worldfootball.net. Worldfootball. 1 June 2010. สืบค้นเมื่อ 1 June 2010.
- ↑ "Javier Hernández Football Database". footballdatabase.eu. Football Database. 1 June 2010. สืบค้นเมื่อ 1 June 2010.
- ↑ Endlar, Andrew. "Javier Hernandez Stretford End". StretfordEnd.co.uk. สืบค้นเมื่อ 23 February 2010.
- ↑ "Javier Hernández International". National-Football-Teams.com. สืบค้นเมื่อ 30 January 2011.
- ↑ Tuck, James; Berkeley, Geoff (8 April 2010). "Get to know... Hernandez". Manchester United F.C. สืบค้นเมื่อ 15 June 2010.
- ↑ "Hernandez's father quits to see him play". ESPN Soccernet. 4 June 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-07. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-17. สืบค้นเมื่อ 2011-03-20.
- ↑ Witz, Billy (1 April 2010). "For World Cup, Javier Hernández Could Be Mexico's Next Big Thing". The New York Times.
- ↑ Andrea Martinez (3 June 2010). "Javier 'Chicharito' Hernandez's Father Quits Managerial Job To Watch Son In South Africa". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 30 June 2010.
- ↑ Matt Monaghan (13 April 2010). "Goal.com Q&A: Manchester United's new signing Javier Hernandez could be the new Ole Gunnar Solskjaer". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 1 July 2010.
- ↑ White, Duncan (11 April 2010). "Javier Hernandez, aka El Chicharito, living the Manchester United dream". Telegraph.co.uk. The Telegraph. สืบค้นเมื่อ 11 April 2010.
- ↑ http://bleacherreport.com/articles/375453-javier-chicharito-hernandez-manchester-united-new-prodigy
- ↑ http://www.tipsbladet.dk/nyhed/premier-league/javier-hernandez-bliver-den-nye-solskjaer
แหล่งข้อมูลอื่น
- Profile at ManUtd.com
- ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ ข้อมูลจาก National-Football-Teams.com
- สถิติของ Javier Hernandez ที่ Soccerbase
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2531
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักฟุตบอลชาวเม็กซิโก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด
- ผู้เล่นในลาลิกา
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ด
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2010
- บุคคลจากกัวดาลาฮารา
- กองหน้าฟุตบอล
- นักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโก
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2014
- ผู้เล่นในบุนเดิสลีกา
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2018
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเซบิยา
- ผู้เล่นไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน
- ผู้เล่นแอลเอ แกลักซี