โอบีวัน เคโนบี (ละครโทรทัศน์)
โอบีวัน เคโนบี | |
---|---|
ประเภท | |
เค้าโครงจาก | สตาร์ วอร์ส โดย จอร์จ ลูคัส |
กำกับโดย | เดโบราห์ ชาว |
แสดงนำ | ยวน แม็คเกรเกอร์ |
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่อง |
|
ผู้ประพันธ์เพลง | นาตาลี โฮลต์ |
ประเทศแหล่งกำเนิด | สหรัฐ |
ภาษาต้นฉบับ | อังกฤษ |
จำนวนตอน | 6 |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต |
|
ผู้อำนวยการสร้าง |
|
สถานที่ถ่ายทำ | ลอสแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย |
ผู้กำกับภาพ | ชังฮุน ชัง |
ผู้ลำดับภาพ |
|
ความยาวตอน | 36–53 นาที |
บริษัทผู้ผลิต | ลูคัสฟิล์ม |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | ดิสนีย์+ |
ออกอากาศ | 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 – 22 มิถุนายน ค.ศ. 2022 |
โอบีวัน เคโนบี (อังกฤษ: Obi-Wan Kenobi) เป็นละครชุดโทรทัศน์บันเทิงคดีอวกาศสัญชาติอเมริกา ผลิตโดยลูคัสฟิล์มสำหรับบริการสตรีมมิงดิสนีย์+ ละครชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส โดยดำเนินเรื่องสิบปีหลังจากการกวาดล้างนิกายเจไดระหว่างเหตุการณ์ในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005) ละครชุดเรื่องนี้ติดตามอาจารย์เจไดที่ยังมีชีวิตอยู่ชื่อ โอบีวัน เคโนบี ผู้โผล่ออกมาจากการซ่อนตัวเพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงเลอาที่ถูกลักพาตัวไปโดยเหล่าอินควิซิเตอร์ของจักรวรรดิกาแลกติก สิ่งนี้ทำให้เคโนบีต้องต่อสู้กับอดีตลูกศิษย์ของเขา ดาร์ธ เวเดอร์
ยวน แม็คเกรเกอร์ รับบทเป็นตัวละครนำ โดยกลับมารับบทเดิมจาก สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต้น นอกจากนี้ยังมีนักแสดงนำร่วมคนอื่น ๆ ที่กลับมารับบทบาทจากไตรภาคต้น เช่น โจล เอ็ดเกอร์ทอน, บอนนี พีส, จิมมี สมิตส์, เฮย์เดน คริสเตนเซน (เวเดอร์) และเอียน แม็คเดียร์มิด โปรเจ็กต์นี้มีต้นกำเนิดจากการเป็นภาพยนตร์แยกที่เขียนโดยฮอสเซน อามีนี และกำกับโดยสตีเฟน ดาลดรี แต่ได้รับการปรับแก้ใหม่ให้เป็นละครชุดจำกัดหลังจากการล้มเหลวในเรื่องรายได้ของภาพยนตร์เรื่อง ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 2018) แม็คเกรเกอร์ได้รับการยืนยันว่าเขาจะแสดงในละครชุดนี้ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 และเดโบราห์ ชาวได้รับตำแหน่งให้กำกับตอนทั้งหมดในเดือนต่อมา การผลิตมีกำหนดการเริ่มในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 แต่ละครชุดนี้ถูกสั่งให้หยุดในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 เนื่องจากลูคัสฟิล์มไม่พอใจกับบท โจบี แฮโรลด์ได้รับตำแหนงให้เขียนบทละครชุดนี้ใหม่และทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการผลิตในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 โดยเป็นผู้อำนวยการผลิตร่วมกับชาว, แม็คเกรเกอร์, เคธลีน เคนเนดี และมิเชลล์ เรจวาน การคัดเลือกนักแสดงเพิ่มเติมนั้นเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันในลอสแองเจลิส โดยใช้เทคโนโลยีกำแพงวิดีโอของสเตจคราฟต์และเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนปีเดียวกัน นาตาลี โฮลต์แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ในขณะที่จอห์น วิลเลียมส์ ผู้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ได้เขียนธีมหลักใหม่สำหรับเคโนบีที่วิลเลียม รอสดัดแปลงมาใช้ในหลาย ๆ ฉาก
โอบีวัน เคโนบี ฉายรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 โดยมีสองตอนแรก อีกสี่ตอนออกฉายทุกสัปดาห์จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน โดยทั่วไปละครชุดนี้ได้รับการวิจารณ์เชิงบวกจากนักวิจารณ์ โดยได้รับคำชมจากการแสดงของแม็คเกรเกอร์, ฉากโลดโผน, ธีมหลักใหม่ของจอห์น วิลเลียมส์, การเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร และน้ำหนักทางอารมณ์ของละครชุด แม้ว่างานเขียนจะได้รับการวิจารณ์ในเชิงลบบ้างก็ตาม นอกจากนี้ละครชุดนี้ยังได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงการได้รับรางวัลละครชุดจำกัดยอดเยี่ยมสำหรับสตรีมมิง และนักแสดงรับเชิญยอดเยี่ยมบนโทรทัศน์ (สำหรับคริสเทนเซน) ในงานแซทเทิร์นอวอร์ดสครั้งที่ 47 รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลละครชุดจำกัดหรือละครชุดรวมเรื่องยอดเยี่ยม ในงานไพรม์ไทม์เอมมีอวอร์ดสครั้งที่ 75
เรื่องย่อ
[แก้]ละครชุดนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ.2005) ซึ่งนิกายเจไดนั้นถูกกวาดล้างด้วยคำสั่งที่ 66 และลูกศิษย์ของปรมาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี ชื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ กลายเป็นซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ หลังจากที่ซ่อนตัวอยู่บนดาวทาทูอีนต่อไปอีกเป็นระยะเวลาสิบปีและเฝ้าดูลุค ลูกชายของอนาคิน เคโนบีถูกเรียกให้ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือเลอา ลูกสาวของอนาคิน เมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยอินควิซิเตอร์ที่ตามล่าเจไดของจักรวรรดิกาแลกติก โดยเป็นแผนเพื่อล่อเคโนบีออกมา[1][2][3] สิ่งนี้ทำให้เคโนบีต้องต่อสู้กับเวเดอร์[2] ซึ่งเขาคิดว่าตายไปแล้ว ทำให้ให้เคโนบีต้องเผชิญกับอดีตที่แสนเจ็บปวดของเขาและความรู้สึกผิด[4][5]
ตอน
[แก้]ตอน | ชื่อ | กำกับโดย | เขียนโดย | วันที่เผยแพร่ครั้งแรก | |
---|---|---|---|---|---|
1 | "Part I" | เดโบราห์ ชาว | บทประพันธ์โดย: สตวร์ต บีตที และ ฮอสเซน อามีนี บทละครโทรทัศน์โดย: โจบี แฮโรลด์ และ ฮอสเซน อามีนี และ สตวร์ต บีตที | 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 | |
สิบปีหลังจากคำสั่งที่ 66 ซึ่งส่วนใหญ่ของนิกายเจไดนั้นถูกฆ่าไป อดีตปรมาจารย์เจไดผู้สันโดษ โอบีวัน เคโนบี ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำบนดาวทาทูอีนโดยใช้นามแฝงว่า "เบน" เขาคอยดูแลลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นลูกชายของอดีตลูกศิษย์ของเขาที่กลายเป็นคนชั่ว อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ โดยในตอนนี้นั้น ลุคอาศัยอยู่กับลุงและป้าของเขา โอเวนและเบรู ลาร์ส และโอเวนนั้นไม่ชอบเคโนบี โคโนบีได้สูญเสียการสัมผัสถึงพลังของเขาไป และไม่สามารถติดต่อกับวิญญาณของอดีตอาจารย์ของเขา ไควกอน จินน์ ได้ และต้องพบเจอกับฝันร้ายจากเรื่องในอดีตของเขา อินควิซิเตอร์ซึ่งนำโดยแกรนอินควิซิเตอร์ได้ออกตามหาเจไดชื่อนารีบนดาวทาทูอีน นอกจากนี้ รีวา เซแวนเดอร์ ซึ่งเป็นภคินีที่ 3 นั้นยังคลั่งไคล้ในการตามหาเคโนบี ผู้ถูกเชื่อว่าตายแล้ว เพื่อล่อเขา เธอจึงจ้างนักล่าเงินรางวัลให้ลักพาตัวเจ้าหญิงเลอา ออร์กานาจากดาวอัลเดอราน นารีพยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากเคโนบีแต่ถูกปฏิเสธไปและต่อมาเธอก็ถูกจับแขวนคอในเมือง เคโนบีตกลงที่จะออกช่วยเลอาหลังจากที่เบล ออร์กานาซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของเธอมาเยี่ยมเข้าที่ถ้ำ | |||||
2 | "Part II" | เดโบราห์ ชาว | บทประพันธ์โดย: สตวร์ต บีตที และ ฮอสเซน อามีนี บทละครโทรทัศน์โดย: โจบี แฮโรลด์ | 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 | |
หลังจากที่ติดตามผู้ลักพาตัวเลอาไปยังดาวไดยู เคโนบีพบกับนักต้มตุ๋นชื่อฮาจา เอสทรีผู้พยายามปลอมแปลงเป็นเจได ฮาจาพาเคโนบีไปยังตำแหน่งของเลอาและเคโนบีก็เอาชนะผู้ลักพาตัวและช่วยเธอไว้ได้ แกรนด์อินควิซิเตอร์รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั้นจึงสั่งปิดเมือง รีวาไม่เชื่อฟังคำสั่งและวางเงินรางวัลไว้ที่เคโนบี ทำให้ทหารรับจ้างรอบ ๆ เมืองนั้นพุ่งเป้าไปที่เขาและเลอา ในตอนที่เลาตระหนักว่าพวกนั้นตามเคโนบี เธอเสียความเชื่อใจที่มีให้เขาและวิ่งหนีไป หลังจากที่เลอาวิ่งหนีจากทหารรับจ้างที่พยายามฆ่าเธอบนหลังคา เลอากระโดดและเคโนบีช่วยเธอไว้ด้วยพลัง ทำให้ได้รับความเชื่อใจจากเธออีกครั้ง ฮาจาพาพวกเขาไปยังท่าขนสินค้าที่ไม่มีใครเฝ้าซึ่งพวกเขาสามารถหนีได้ แต่เขาไม่สามารถหยุดรีวาให้เลิกตามได้ แกรนด์อินควิซิเตอร์มาถึงเพื่อจับเคโนบีด้วยตนเองแต่รีวากลับแทงเขาด้วยกระบี่แสงของเธอ ในตอนที่เคโนบีและเลอาหนี รีวาเปิดเผยว่าอนาคิน ซึ่งเคโนบีคิดว่าตายไปแล้ว นั้นยังมีชีวิตอยู่ในฐานะดาร์ธ เวเดอร์ ในที่ ๆ อื่น เวเดอร์ตื่นขึ้นมาในถังแบกตา | |||||
3 | "Part III" | เดโบราห์ ชาว | โจบี แฮโรลด์ กับ แฮนนาห์ ฟรายด์แมน และ ฮอสเซน อามีนี และ สตวร์ต บีตที | 1 มิถุนายน ค.ศ. 2022 | |
ภายในปราการของเวเดอร์บนดาวมุสตาฟาร์นั้น เวเดอร์ได้สั่งให้รีวาหาตัวเคโนบี โดยสัญญาว่าจะเลื่อนขั้นให้เธอเป็นแกรนด์อินควิซิเตอร์หากเธอทำสำเร็จ ยานขนส่งของเคโนบีและเลอาลงจดบนดาวเหมือง ชื่อ มาปูโซ และพวกเขาเดินทางไปยังจุดนัดพบที่นัดไว้กับฮาจา เมื่อพวกเขาไปถึงแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่จึงขึ้นไปนั่งบนยานขนส่งของจักรวรรดิ พวกเขาถูกพบตัวและทหารของจักรวรรดิถูกส่งตัวมาเพื่อจับตัวพวกเขา แต่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิ ทาลา ซึ่งเป็นสมาชิกของ เดอะพาธ เครือข่ายใต้ดินที่ซ่อนตัวผู้ที่หลบหนีจากจักรวรรดิ เธอพาพวกเขาไปยังทางเดินลับใต้ดิน แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกมาได้นั้น เวเดอร์และอินควิซิเตอร์มาถึงและเริ่มที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์รอบ ๆ เพื่อล่อให้เคโนบีเผยตัวออกมา เคโนบีส่งเลอาและทาลาไปในขณะที่เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เขาเผชิญหน้ากับเวเดอร์ซึ่งทรงพลังมากกว่าเคโนบีและเขาก็ถูกเวเดอร์เผา ทาลาสร้างจุดสนใจเพื่อช่วยเหลือเคโนบี แต่เลอานั้นถูกจัขตัวไปโดยรีวา | |||||
4 | "Part IV" | เดโบราห์ ชาว | โจบี แฮโรลด์ กับ แฮนนาห์ ฟรายด์แมน | 8 มิถุนายน ค.ศ. 2022 | |
หลังจากที่เคโนบีและทาลาหนีจากเวเดอร์บนดาวมาปูโซได้ พวกเขาไปถึงศูนย์ของเดอะพาธบนดาวจาบีม ในขณะเดียวกัน เลอาถูกจับตัวไว้ในฟอร์เทรสอินควิซิทอเรียสซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการขอบเหล่าอินควิซิเตอร์บนดาวเนอร์ เธอถูกรีวาสอบสวนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับเดอะพาธ เคโนบีและทาลาวางแผนเพื่อแทรกซึมเข้าไปในปราการนี้เพื่อช่วยเลอา เมื่อได้เข้าไปข้างในแล้ว เคโนบีพบกับห้องเก็บรางวัลซึ่งเต็มไปด้วยศพของเจไดที่ถูกจับตัว ถูกฆ่า และรักษาสภาพศพไว้ นอกจากนี้ยังรวมถึงเจไดเด็กด้วย พวกเขาช่วยเหลือเลอาออกมาได้ แต่การแฝงตัวของทาลานั้นถูกเปิดโปงและพวกเขาก็ถูกพบ ในท้ายที่สุดพวกเขาหลบหนีมาได้ด้วยความช่วยเหลือของผู้บัญชาการโรเคนของเดอะพาธและทหารของเขา ด้วยความโมโห เวเดอร์จึงไปฆ่ารีวาแต่ก็ไว้ชีวิตเธอเมื่อเธอเปิดเผยว่าได้ติดเครื่องติดตามไว้บนดรอยด์เพื่อนของเลอา โลลา เผื่อไว้รอการช่วยเหลือ | |||||
5 | "Part V" | เดโบราห์ ชาว | โจบี แฮโรลด์ กับ แอนดรูว์ สแตนตัน | 15 มิถุนายน ค.ศ. 2022 | |
เวเดอร์นึกถึงการฝึกกระบี่แสงที่เขาได้ฝึกกับเคโนบีก่อนสงครามโคลน ในขณะที่เขาตามเครือข่ายเดอะพาธไปยังจาบีม เวเดอร์เลื่อนขั้นให้รีวาเป็นแกรนอินควิซิเตอร์ เธอนำกำลังไปล้อมศูนย์ของเดอะพาธและปิดประตูหลบหนี เพื่อยื้อเวลา เคโนบีจึงพูดคุยกับรีวาและสามารถอนุมานได้ว่ารีวารู้ตัวตนที่แท้จริงของเวเดอร์ เพราะเธอเห็นเหตุการณ์สังหารหมู่ของเขาที่วิหารเจไดบนดาวคอรัสซังในตอนที่เธอเป็นเจไดเด็ก เธอเปิดเผยว่าเธอต้องการเอาใจเวเดอร์เพื่อแก้แค้นและฆ่าเขา หลังจากที่ศูนย์นั้นถูกเจาะเข้ามาได้ ทาลาได้เสียสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเคโนบี เคโนบีรู้ว่าเขาไม่สามารถชนะได้ จึงยอมแพ้และถูกนำตัวไปหารีวา เขาโน้มน้าวรีวาให้ฆ่าเวเดอร์ในตอนที่เธอส่งตัวเคโนบี ในขณะเดียวกัน เลอาเปิดประตูศูนย์หลังจากที่เธอเอ่าองติดตามออกจากโลลาได้ ทำให้เดอะพาธนั้นสามารถหลบหนีได้ในตอนที่เวเดอร์มาถึงที่ท่าเทียบยาน รีวาใช้โอกาสนี้ในการพยายามฆ่าเวเดอร์ แต่เธอก็ไม่สามารถเอาชนะเวเดอร์ได้และถูกแทง เธอถูกปล่อยให้ตายในขณะที่แกรนอินควิซิเตอร์คนเดิมนั้นกลับมาเพื่อยึดตำแหน่งคืน ในตอนที่เครือข่ายเดอะพาธหลบหนีมาได้ รีวาค้นพบข้อความของเบลบนเครื่องส่งสัญญาณของเคโนบีและตำแหน่งของลุคบนดาวทาทูอีนก็ถูกเปิดเผย | |||||
6 | "Part VI" | เดโบราห์ ชาว | บทประพันธ์โดย: สตวร์ต บีตที และ โจบี แฮโรลด์ กับ แอนดรูว์ สแตนตัน บทละครโทรทัศน์โดย: โจบี แฮโรลด์ กับ แอนดรูว์ สแตนตัน และ ฮอสเซน อามีนี | 22 มิถุนายน ค.ศ. 2022 | |
รีวามาถึงดาวทาทูอีนเพื่อตามหาลุค ในขณะที่ดาร์ธ เวเดอร์และจักรวรรดิไล่ตามเครือข่ายเดอะพาธ เคโนบีตัดสินที่จะล่อเวเดอร์ไปและเผชิญหน้าเขาตัวต่อตัวบนดาวที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เดอะพาธสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่ได้รับการสัมผัสถึงพลังอีกครั้ง เคโนบีเอาชนะเวเดอร์ได้ หลับจากที่รู้ว่าเวเดอร์นั้นได้น้อมรับตัวตนการเป็นดาร์ธ เวเดอร์อย่างเต็มตัวแล้ว เคโนบีจึงจากไปด้วยความเสียใจ เมื่อรีวาไปถึงบ้านของลุคนั้น รีวาถูกเผชิญหน้าโดยโอเวนและเบรู เธอปราบพวกเขาและตามลุคเข้าไปในทะเลทราย หลังจากที่นึกถึงการสังหารหมู่ที่วิหารเจไดของอนาคิน เธอตัดสินใจที่จะคืนลุคให้กับครอบครัวของเขา เคโนบีแสดงความดีใจที่เธอสามารถเอาชนะบาดแผลภายในใจของเธอและเป็นอิสระจากด้านมืด บนดาวมุสตาฟาร์ เวเดอร์ที่รักษาตัวแล้วนั้นเลิกตามหาเคโนบีหลังจากที่อาจารย์ของเขา จักรพรรดิพัลพาทีน ตั้งคำถามถึงเป้าหมายและความภักดีของเขา บนดาวอัลเดอราน เลอาตั้งปนิธานใหม่ในการเป็นเจ้าหญิง เคโนบีมาเยี่ยมครอบครัวออร์กานาและยืนยันว่าเขาจะช่วยเมื่อมีการขอความช่วยเหลือ หลังจากที่เขากลับมายังดาวทาทูอีน เขาเจรจากับโอเวนโดยตกลงที่จะปล่อยให้ลุคมีชีวิตปกติและเขาก็พบกับลุคเป็นครั้งแรก หลังจากที่พบความสงบภายในใจแล้ว เคโนบีก็สามารถที่จะติดต่อกับวิญญาณของไควกอน จินน์ได้สำเร็จ |
นักแสดงและตัวละคร
[แก้]นำแสดงโดย
[แก้]- ยวน แม็คเกรเกอร์ รับบทเป็น โอบีวัน เคโนบี:
ปรมาจารย์เจไดผู้รอดชีวิตจากคำสั่งที่ 66 และตอนนี้ลี้ภัยภายใต้ชื่อ "เบน" บนดาวทาทูอีน โดยเฝ้าดูลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์[2][7] แม็คเกรเกอร์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เล่นตัวละครในเวอร์ชันที่มีการแสดงใกล้เคียงกับของการแสดงของอเล็ก กินเนสส์ จากไตรภาคเดิมของ สตาร์ วอร์ส มากกว่าเวอร์ชันที่เด็กกว่าของเขาเองจากไตรภาคต้น[8] โดยในจุดเริ่มต้นของละครชุดนั้น เคโนบีเป็นผู้ที่ "แตกสลาย ไร้ศรัทธา และพ่ายแพ้ แลดูจะยอมแพ้แล้ว"[9] ผู้อำนวยการสร้าง มิเชลล์ เรจวานบรรยายว่าเคโนบีอยู่ใน "ช่วงเวลาที่ค่อนข้างบอบช้ำทางจิตใจ" หลังจากการพ่ายแพ้ของเขาใน ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005) รวมถึงการที่ลูกศิษย์ของเขา อนาคิน ตกสู่ด้านมืดของพลังด้วย เคโนบีปล่อยให้อนาคินตายบนดาวมุสตาฟาร์ในตอนจบของภาพยนตร์และรู้สึกผิดที่ทำเช่นนั้นไป[4] โดยผู้กำกับ เดโบราห์ ชาวรู้สึกทึ่งกับความคิดที่ว่าเคโนบีอาจยังคงห่วงใยอนาคินอย่างลึกซึ้ง[10] หัวหน้านักเขียนบท โจบี แฮโรลด์กล่าวว่าละครชุดนี้จะเชื่อมโยงเคโนบีรูปแบบที่ "อ่อนไหวทางอารมณ์มาก" ในไตรภาคก่อน เข้ากับรูปแบบของอเล็ก กินเนสส์ที่เป็น "ผู้บรรลุ" ใน ความหวังใหม่ (ค.ศ. 1977)[6] แม็คเกรเกอร์เข้าร่วมการสนทนาเกี่ยวกับการสร้างลักษณะตัวละครของเคโนบีในละครชุดนี้[4] และชมภาพยนตร์ในมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์อีกครั้งเพื่อเตรียมความพร้อม นอกจากนี้เขายังอ่านนวนิยายวิทยาศาสตร์ รวมถึงนวนิยายที่เขียนโดย เอียน เอ็ม. แบงกส์ สำหรับบทบาทนี้ด้วย[11]
นักแสดงนำสมทบ
[แก้]- รูเพิร์ต เฟรนด์ เป็น แกรนด์อินควิซิเตอร์:
สมาชิกของเผ่าพันธ์เปาอันจากดาวยูทาเปา ซึ่งเป็นอินควิซิเตอร์ที่ดำรงตำแหน่งสูงที่สุดในจักรวรรดิกาแลกติก[9] เขาเคยเป็นสมาชิกนิกายเจได โดยเป็นผู้พิทักษ์วิหารเจได เฟรนด์กล่าวว่าตัวละครของเขานั้นชอบเสียงของตนเองและเชื่อว่าเขานั้น "อยู่ระดับเดียว" กับดาร์ธ เวเดอร์ โดยหวังจะแทนที่เขาในฐานะศิษย์ของจักรพรรดิพัลพาทีน เฟรนด์ตื่นเต้นที่จะนำแกรนด์อินควิซิเตอร์สู่รูปแบบคนแสดงและต้องการให้ความเคารพตัวละครของเขาในแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ แต่กระนั้น ชาว, และเดฟ ฟิโลนี ซึ่งเป็นผู้ร่วมให้กำเนิด เรเบลส์ นั้น ไม่ต้องการให้เขาเลียนแบบการแสดงของเจสัน ไอแซกส์ ซึ่งเป็นนักแสดงเดิม[12] - ซุง กัง เป็น ฟิฟบราเธอร์ (ภราดรที่ 5): อินควิซิเตอร์ผู้เป็นคู่ปรับของรีวาและทำตามคำสั่งจากทั้งแกรนด์อินควิซิเตอร์ และดาร์ธ เวเดอร์อย่างเคร่งครัด ฟิฟบราเธอร์นั้นเคยได้รับการพากย์เสียงโดยฟิลิป แอนโธนี-โรดรีเกส ใน เรเบลส์[13]
- โมเสส อินแกรม เป็น รีวา เซวานเดอร์ / เธิร์ดซิสเตอร์ (ภคินีที่ 3):
อินควิซิเตอร์ผู้โหดร้ายและทะเยอทะยาน และรู้สึกว่าเธอต้องพิสูจน์ตัวเองให้แกรนด์อินควิซิเตอร์และดาร์ธ เวเดอร์เห็น[9][13] ด้วยความที่เธอเป็นอดีตเจไดเด็ก เธอแอบวางแผนที่จะล้างแค้นเวเดอร์ที่ฆ่าเพื่อน ๆ ของเธอในคำสั่งที่ 66[14] รีวามีเป้าหมายร่วมกับคนอื่น ๆ ในการตามหาเคโนบี แต่เธอเปิดใจในการใช้กลยุทธ์ที่หุนหันขึ้น[9][13] แฮโรลด์เชื่อว่ารีวานั้นจะ "เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งสืบทอดจากตัวร้าย สตาร์ วอร์ส ในรูปแบบที่น่าสนใจ" ในขณะที่อินแกรมอธิบายตัวละครเธอว่า "นักกีฬาเต็มตัว" และเท่[6] อินแกรมรู้สึกว่าการรู้สึกถึงการให้อภัยนั้นเป็นธีมหลักของตัวละครเธอ และว่ารีวานั้นมีความทะเยอทะยานจากความชอกช้ำจากความเจ็บปวดในอดีตของเธอ และเพิ่มเติมว่า "ถ้าเธอสามารถปล่อยมันไปได้ หรือว่าอย่างน้อย หากเธอสามารถจัดการกับมันได้ดีกว่านี้ เธอคงจะไม่ต้องทำในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่"[15] นอกจากนี้ เธอยังมีอิทธิพลต่อลักษณะของรีวา โดยยืนกรานให้ตัวละครของเธอใช้ผมหยิกธรรมชาติของเธอแทนวิก เพื่อให้เด็กชาวแอฟริกัน-อเมริกันสามารถเลียนแบบตัวละครได้ในฮาโลวีน[16] อายามี เสดจ์แสดงเป็นรีวาในวัยเด็ก[17] - วิเวียน ไลรา แบลร์ เป็น เลอา ออร์กานา: ลูกสาวของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์, แฝดหญิงของลุค และเจ้าหญิงแห่งอัลเดอรานที่ถูกจับตัวไปโดยนักล่าเงินรางวัล[18]
- คูเมล นานเจียนี เป็น ฮาจา เอสทรี: นักต้มตุ๋นข้างถนนที่ทำงานตามถนนของดาวไดยู โดยปลอมแปลงเป็นเจได นานเจียนีได้ศึกษาเรื่องนักต้มตุ๋นและนักมายากลในชีวิตจริงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับบทนี้[19][20]
- เฮย์เดน คริสเตนเซน เป็น อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ / ดาร์ธ เวเดอร์:
อดีตลูกศิษย์ของเคโนบี ผู้ตกเข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นซิธลอร์ด เขาเป็นพ่อของลุค สกายวอล์คเกอร์ และเลอา ออร์กานา[1][2][21] ด้วยความที่เขาไม่ได้แสดงเป็นตัวละครนี้ตั้งแต่ ค.ศ. 2005 เฮย์เดน คริสเตนเซนได้ดูภาพยนตร์ของมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์อีกครั้ง รวมถึงแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส และ เรเบลส์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับบทนี้ เขาชื่นชอบเมื่อได้เห็นว่าแอนิเมชันชุดนี้นั้นได้สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างอนาคินและเคโนบีมากขึ้น[11] คริสเตนเซนตื่นเต้นที่จะได้แสดงเป็นดาร์ธ เวเดอร์ เนื่องด้วยเขาเคยเล่นเป็นอนาคิน สกายวอล์คเกอร์เป็นหลัก และพูดคุยกับชาวเรื่องว่าเขาจะแสดงความทรงพลังอย่างต่อเนื่องและพันธนาการของเวเดอร์ได้อย่างไร[10] เขาบอกว่าเวเดอร์ในละครชุดนี้นั้น "ทรงพลังมาก"[6] ถึงแม้ว่าคริสเตนเซนแสดงเป็นเวเดอร์ แต่ดิมิเทรียส บิสเทรฟสกีนั้นแสดงเป็นนักแสดงภายในชุดของเวเดอร์ และทอม โอ'คอนเนลล์แสดงเป็นสตันท์[22] เสียงของเจมส์ เอิร์ล โจนส์นั้นถูกนำมาใช้สำหรับดาร์ธ เวเดอร์ ดังเช่นสื่อก่อนหน้าของ สตาร์ วอร์ส แต่เสียงของเขาในละครชุดนี้นั้นถูกสร้างโดยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ชื่อ รีสปีเชอร์ (ซึ่งก็ถูกสำหรับลุคใน คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์) โดยยึดจากเสียงอัดของโจนส์จากภาพยนตร์ต่าง ๆ[23] - อินดิรา วาร์มา เป็น ทาลา ดูริธ: เจ้าหน้าที่จักรวรรดิที่ตาสว่าง บนดาวมาปูโซ ผู้ช่วยให้เจไดหลบหนีจากจักรวรรดิด้วยความช่วยเหลือจาก เดอะพาธ[20]
- โอ'เชีย แจ็กสัน จูเนียร์ เป็น คาวลาน โรเคน: หัวหน้าเครือข่ายเดอะพาธ ผู้ช่วยให้เจไดหลบหนีจากจักรวรรดิ[20]
นักแสดงร่วมคนอื่น ๆ
[แก้]- เบ็นนี แซฟได เป็น นารี: เจไดที่หลบหนีคำสั่งที่ 66 ในฐานะเจไดเด็กและซ่อนตัวอยู่บนดาวทาทูอีน[18]
- โจล เอ็ดเกอร์ทอน เป็น โอเวน ลาร์ส: เกษตรกรเก็บเกี่ยวความชื้นบนดาวทาทูอีน, น้องชายต่างแม่ของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ และลุงของลุค ผู้สงสัยถึงการอยู่บนดาวทาทูอีนและความต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตลุคของเคโนบี[24][25]
- บอนนี พีส เป็น เบรู ไวท์ซัน ลาร์ส: ภรรยาของโอเวน และป้าของลุค[24]
- ซิโมน เคสเซลล์ เป็น เบรฮา ออร์กานา: ราชินีแห่งอัลเดอราน แม่บุญธรรมของเลอา และภรรยาของเบล ออร์กานา[18] เดิมทีเบรฮานั้นแสดงโดยรีเบ็กกา แจ็คสัน เมนโดซาใน ซิธชำระแค้น[26]
- ฟลี เป็น เวกต์ โนครู: นักล่าเงินรางวัลที่ถูกจ้างให้ลักพาตัวเลอา ออร์กานา[18]
- จิมมี สมิทส์ เป็น เบล ออร์กานา: พ่อบุญธรรมของเลอา และวุฒิสมาชิกดาวอัลเดอราน[18]
- มาริเซ่ แอลวาเรซ เป็น นิช ฮอร์น: ผู้ลี้ภัยพร้อมลูกชายตัวน้อยที่ต้องการยานขนส่งจากดาวไดยู ไปยังคอเรลเลีย[20]
- ไรอา คิลห์สเทดต์ เป็น ฟอร์ธซิสเตอร์ (ภคินีที่ 4): อิวควิซิเตอร์[18]
- แซ็ค บราฟฟ์ ให้เสียงเป็น เฟร็ก: พนักงานขับรถขนส่งของโรงงานเหมืองแร่ของจักรวรรดิบนดาวมาปูโซ[27]
- มายา เออร์สกิน เป็น ซัลลี: สมาชิกในเครือข่ายเดอะพาธ ผู้ช่วยให้เจไดหลบหนีจากจักรวรรดิ[20]
- เอียน แม็คเดียร์มิด เป็น จักรพรรดิพัลพาทีน: ดาร์กลอร์ดแห่งซิธ และปรมาจารย์ของดาร์ธ เวเดอร์[28]
นอกจากนี้แล้ว หมิง ชิว ซึ่งเป็นสตันท์จากละครชุดของ สตาร์ วอร์ส เรื่อง เดอะแมนดาลอเรียน และ คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์ แสดงเป็นปรมาจารย์เจได มีนาส เวลตี ในช่วงฉากย้อนหลังของคำสั่งที่ 66[18] แกรนต์ ฟีลี แสดงเป็นลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นลูกชายของอนาคิน[29] และแอนโธนี แดเนียลส์ กลับมารับบทเป็นซีทรีพีโอ ในขณะที่เทมูเอรา มอร์ริสันแสดงเป็นโคลนทรูปเปอร์หลังจากที่แสดงเป็นโคลนในสื่อก่อน ๆ ของ สตาร์ วอร์ส[18] ลูกสาวของยวน แม็คเกรเกอร์ เอสเธอร์-โรส แม็คเกรเกอร์ แสดงเป็น เทธา กริก นักค้าสไปซ์ที่เคโนบีพบเจอบนท้องถนนของดาวไดยู[30] ดัสติน ซีทเฮเมอร์ แสดงเป็นดรอยด์ เน็ด-บี[31] เลียม นีสันกลับมารับบทเป็นไควกอน จินน์ ซึ่งเป็นปรมาจารย์ของโอบีวันที่ตายไปแล้ว โดยเขาเป็นนักแสดงรับเชิญที่ปรากฏตัวแบบสั้น ๆ และไม่ได้รับเครดิต[28]
การผลิต
[แก้]ภูมิหลัง
[แก้]บ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิสนีย์ ได้ประกาศการพัฒนาภาพยนตร์ภาคแยกต่าง ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013[32] โอบีวัน เคโนบีนั้นเป็นผู้ชนะอย่างท่วมท้นจากการสำรวจความคิดเห็นของ เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เทอร์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016 ซึ่งถามว่าตัวละคร สตาร์ วอร์ส คนใดสมควรได้รับภาพยนตร์แยก[33] ยวน แม็คเกรเกอร์ผู้แสดงเป็นเคโนบีในไตรภาคภาคก่อนของ สตาร์ วอร์ส ได้แสดงความตั้งใจอย่างที่จะกลับมารับบทบาทนี้อีกครั้งไม่เป็นทางการ ซึ่งนำไปสู่การพบกับลูคัสฟิล์มอย่างเป็นทางการ เพื่อที่บริษัทจะได้วัดความสนใจของเขาในการกลับมารับบทนี้ในภาพยนตร์ภาคแยก[6] การพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มขึ้นในไม่ช้า โดยสตีเฟน ดาลดรีเข้าได้พูดคุยเพื่อกำกับโปรเจ็กต์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2017[34] แม็คเกรเกอร์ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการผลิตโปรเจ็กต์นี้[10] ดาลดรีถูกคาดหวังให้ดูแลการพัฒนาและการเขียนร่วมกับลูคัสฟิล์ม[34] และติดต่อโฮสเซน อามีนีเกี่ยวกับการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ อามีนีเข้าร่วมโครงการในช่วงปลายปี ค.ศ. 2017[35]
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 มีรายงานว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า โอบีวัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส โดยมีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเคโนบีในการปกป้องลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์บนดาวทาทูอีน ในช่วงที่เกิดความตึงเครียดระหว่างเกษตรกรท้องถิ่นและทัสเคนเรดเดอร์[36] การผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในไอร์แลนด์เหนือ ภายใต้ชื่อระหว่างการถ่ายทำ โจชัว ทรี[36][37] โดยจะเริ่มในปี ค.ศ. 2019 ที่เพนท์ฮอลล์สตูดิโอส์ในเบลฟัสต์ เมื่อการผลิตซีซันสุดท้าย มหาศึกชิงบัลลังก์ สิ้นสุดลงในปลายปี ค.ศ. 2018[38] อย่างไรก็ตาม ดิสนีย์ยกเลิกภาพยนตร์ภาคแยกของ สตาร์ วอร์ส ที่วางแผนไว้ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ของเคโนบีด้วย หลังจากที่ ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 2018) ประสบความล้มเหลวด้านการเงิน จุดมุ่งหมายของลูคัสฟิล์มจึงเปลี่ยนไปสู่การสร้างละครชุดสำหรับบริการสตรีมมิง ดิสนีย์+ เช่น เดอะแมนดาลอเรียน[39][6] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 แม็คเกรเกอร์กล่าวว่าเขาถูกถามเกี่ยวกับภาคแยกของเคโนบี "มาเป็นเวลาหลายปีมาก" และยินดีที่จะมีส่วนร่วม แต่บอกว่าในขณะนั้นยังไม่มีแผนสำหรับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เขาสนใจที่จะสำรวจตัวละครในช่วงเวลาระหว่างการแสดงของเขาในภาพยนตร์ไตรภาคต้นกับของการแสดงของอเล็ก กินเนสส์ ในไตรภาคเดิม[40] และอยากเห็นเรื่องราวของ "ชายผู้สูญเสียศรัทธา" ที่สามารถแสดงให้เห็นว่ารูปแบบของเขาที่ "มีคำพูดตลก ๆ อยู่เสมอ หรือดูเหมือนจะใจเย็นและเป็นนักรบที่ดีอยู่เสมอ" นั้นกลายเป็น "คนที่แตกหัก" และต้อง "กลับมารวมกันอีกครั้ง" เพื่อให้เข้ากับการแสดงของกินเนสส์[10]
การพัฒนา
[แก้]แม็คเกรเกอร์เข้าสู่การเจรจาเพื่อแสดงละครชุดโทรทัศน์สำหรับ ดิสนีย์+ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่โอบีวัน เคโนบี ภายในกลางเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019[39] ต่อมาในเดือนเดียวกันนั้นที่งาน D23 ของดิสนีย์ เคธลีน เคนเนดีซึ่งเป็นประธานของลูคัสฟิล์มและแม็คเกรเกอร์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าแม้คเกรเกอร์จะกลับมารับบทเป็นเคโนบีอีกครั้งในละครชุดใหม่สำหรับดิสนีย์+ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแปดปีหลังจากเหตุการณ์ใน สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005)[7] มีกำหนดเริ่มการถ่ายทำในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020[35][41] และบทสำหรับละครชุดจำกัดที่มีหกตอนนี้นั้นได้รับการเขียนโดยอามีนีเรียบร้อยแล้ว ณ เวลาที่ประกาศ[35] แม็คเกรเกอร์กล่าวว่าการประกาศดังกล่าวทำให้รู้สึกโล่งใจ โดยอธิบายว่าเขาได้โกหกเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการแยกตัวของเคโนบีมาเป็นเวลาสี่ปี[42] หนึ่งเดือนต่อมา เคนเนดีประกาศว่าเดโบราห์ ชาวจะกำกับละครชุดของเคโนบีหลังจากที่ทำให้เคนเนดีประทับใจ ด้วยผลงานการกำกับตอนต่าง ๆ ของ เดอะแมนดาลอเรียน[43]
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 อามีนีกล่าวว่าช่วงเวลาของละครชุดนี้น่าสนใจมากเนื่องจากเคโนบีกำลังรับมือกับการสูญเสียเพื่อนของเขาและนิกายเจได ทำให้อามีนีสามารถสำรวจแง่มุมต่าง ๆ ของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส นอกเหนือจากฉากโลดโผน เช่น ด้านจิตวิญญาณ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากแหล่งที่มาที่จอร์จ ลูคัส ผู้สร้าง สตาร์ วอร์ส ได้รับแรงบันดาลใจตั้งแต่แรก รวมถึงเรื่อง วีรบุรุษหนึ่งพันหน้า ของโจเซฟ แคมป์เบลล์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซามูไร และพระพุทธศาสนา เมื่อเปรียบเทียบบทของละครชุดนี้กับแผนภาพยนตร์ต้นฉบับของเขา อามีนีกล่าวว่าเขาสามารถสำรวจตัวละคร การเมือง และประวัติศาสตร์ในละครชุดนี้ได้มากกว่าในภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมงซึ่ง "ดูจะบังคับให้เกิดเหตุการณ์และโครงเรื่องเสมอ เพื่อให้สามารถดำเนินเรื่องได้อย่างรวดเร็ว"[35] ชาวรู้สึกว่างานของเธอใน เดอะแมนดาลอเรียน เป็นการฝึกฝที่ดีที่สุดสำหรับละครชุดของเคโนบี โดยเรียนรู้จากผู้อำนวยการสร้างละครชุดนั้น จอน แฟฟโรว์ และเดฟ ฟิโลนี[44]
ละครชุดนี้อยู่ระหว่างพรีโปรดักชันที่ไพน์วูดสตูดิโอส์ในลอนดอนภายในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020[45] และมีการคัดเลือกนักแสดงที่มีศักยภาพในการแสดงร่วมกับแม็คเกรเกอร์[46] ภายในสิ้นเดือนนั้น มีข่าวลือว่าละครชุดนี้ถูกยกเลิกเนื่องจากปัญหาในการผลิต ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นเช่นดังนั้น ละครชุดนี้ก็ถูกระงับไว้อย่างไม่มีกำหนด และทีมงานที่รวมตัวกันแล้วก็ถูกส่งกลับบ้าน[45][46] ว่ากันว่าเคนเนดีนั้นไม่พอใจกับบทของละครชุดนี้[46] โดยมีรายงานว่ามีโครงเรื่องที่คล้ายกับเรื่องราวของ เดอะแมนดาลอเรียน ซึ่งเดอะแมนดาลอเรียนปกป้อง "เด็กทารก" โดยมีเคโนบีปกป้องสกายวอล์คเกอร์เด็กจากภัยคุกคามต่าง ๆ[29][46] ชาวได้แสดงบทเหล่านี้แก่แฟฟโรว์และฟิโลนี ซึ่งก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความคล้ายคลึงกับ เดอะแมนดาลอเรียน และสนับสนุนให้ชาวและละครชุดนี้ "เล่นใหญ่ขึ้น"[29] ลูคัสฟิล์มเริ่มมองหานักเขียนบทใหม่สำหรับละครชุดนี้เพื่อเริ่มต้นเขียนบทใหม่ทั้งหมด โดยที่ชาวยังคงถูกคาดหวังว่าจะกำกับ[46] เคนเนดีอธิบายว่าพวกเขาหวังว่าจะมี "เรื่องราวที่มีความหวังและยกระดับจิตใจ" และกล่าวว่าทำให้เป็นอย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากหากพิจารณาจากสถานะที่เคโนบีอยู่หลังจาก ซิธชำระแค้น เธอยังเสริมอีกว่า "คุณไม่สามารถโบกไม้กายสิทธิ์ใส่นักเขียนคนใดก็ตามและได้เรื่องราวที่สะท้อนถึงสิ่งที่คุณต้องการรู้สึกได้เลยในทันที"[6] เป้าหมายนั้นคือการเริ่มพรีโปรดักชันอีกครั้งในช่วงกลางปี ค.ศ. 2020 เมื่อเขียนบทใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว[45] มีรายงานว่าละครชุดนี้กำลังถูกทำใหม่จากหกตอนเป็นสี่ตอน[46] แต่แม็คเกรเกอร์บอกว่าเขาไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เขาเสริมว่าลูคัสฟิล์มได้ตัดสินใจที่จะใช้เวลามากขึ้นในการทำงานกับบทหลังจากการเปิดตัวของ สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (ค.ศ. 2019) และการถ่ายทำถูกเลื่อนออกไปไปจนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 แต่เขาไม่คิดว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อกำหนดการเปิดตัวที่วางไว้ของละครชุดนี้[47]
โจบี แฮโรลด์ได้รับการว่าจ้างให้รับหน้าที่นักเขียนแทนอามีนีในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020[48] และทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างรายการ[49] ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน การถ่ายทำถูกเลื่อนไปจนถึงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19[50] ในงานดิสนีย์อินเวสเตอร์เดย์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม เคนเนดีได้ประกาศว่าละครชุดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการ ว่า โอบีวัน เคโนบี และยืนยันว่าชาวเป็นผู้กำกับ[1] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 แม็คเกรเกอร์เปิดเผยว่าการถ่ายทำละครชุดนี้จะเกิดขึ้นในลอสแองเจลิสแทนที่จะเป็นลอนดอนและบอสตัน, ลินคอล์นเชียร์, ประเทศอังกฤษ ตามที่เคยรายงานไว้[51][52] ละครชุดนี้อำนวยการสร้างโดยเคนเนดี, มิเชลล์ เรจวาน, ชาว, แม็คเกรเกอร์ และแฮโรลด์[53] และประกอบไปด้วยตอนทั้งหมดหกตอน[54]
โอบีวัน ถูกมองว่าเป็นละครชุดจำกัด โดยชาวอธิบายว่าเป็น "เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เรื่องเดียวที่มีจุดเริ่มต้น ตรงกลาง และจุดสิ้นสุด" อย่างไรก็ตาม เคนเนดีกล่าวว่ามีโอกาสที่จะสร้างละครชุดเรื่องนี้เพิ่มอีกเนื่องจากช่วงเวลาที่สนุกสนานในระหว่างที่นักแสดงและทีมงานสร้างมันขึ้นมา ตราบใดที่มีเหตุผลของเรื่องราวที่น่าสนใจพอในการกลับไปสำรวจตัวละครนี้[6] โดยทั้งแม็คเกรเกอร์และคริสเตนเซนแสดงความสนใจที่จะสร้างซีซันใหม่[55][56] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 เคนเนดีตั้งข้อสังเกตว่าซีซันที่สองไม่ถือเป็น "การพัฒนาที่กระตือรือร้น" สำหรับลูคัสฟิล์ม โดยย้ำถึงความสนใจของชาวและ แม็คเกรเกอร์มากขึ้น และระบุว่าบริษัทอาจกลับมาที่ตัวละครและโครงเรื่อง "ในภายหลัง"[57]
การเขียนบท
[แก้]ชาวกล่าวว่าเรื่องราวดังกล่าวนั้นผ่าน "การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ" หลังจากการจ้างแฮโรลด์[6] แม้ว่าองค์ประกอบเรื่องราวบางอย่างที่อามีนีคิดไว้จะถูกรวมอยู่ในสามตอนแรกและตอนสุดท้ายโดยที่อามินีและสตวร์ต บีตทีจะได้รับเครดิตสำหรับบทส่วนดังกล่าว แฮนนาห์ ฟรายด์แมน และแอนดรูว์ สแตนตันเป็นผู้เขียนบทเพิ่มเติมในละครชุดนี้[58][59] แฮโรลด์ต้องการสำรวจว่าอะไรเกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาการแสดงเป็นเคโนบีโดยเคโนบีของแม็คเกรเกอร์ กับของอเล็ก กินเนสส์ในไตรภาคเดิม และตั้งข้อสังเกตว่าละครชุดนี้เกิดขึ้นเมื่อจักรวรรดิ "ขึ้นมามีอำนาจ" และเจไดถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว โดยผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดนั้นอยู่ระหว่างการหลบหนีหรือซ่อนตัว[6] เขากล่าวว่าอดีตของเคโนบี โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอนาคินนั้น ทำให้เขาเป็น "ชายผู้ได้รับการนิยามโดยประวัติศาสตร์นั้น แม้ว่าเขาอยากจะเป็นหรือไม่ก็ตาม" เขายังเพิ่มเติมว่าส่วนสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของเคโนบีนั้นเกี่ยวกับ "การคืนดีกับอดีตนั้นและเข้าใจมันและเข้าใจบทบาทของเขาในช่วงเวลานั้น" และยังเกี่ยวกับ "สถานที่ต่าง ๆ ที่เขาต้องไป ทั้งด้วยอารมณ์ความรู้สึก และด้วยกายหยาบของตัวเอง และยังมีศึกต่าง ๆ ที่เขาต้องต่อสู้" ซึ่งสุดท้ายแล้วจะ "ต้องเผชิญหน้ากับอดีตของเขา และเข้าใจว่าเขาเป็นใคร บทบาทของเขาในประวัติศาสตร์ของเขา และในประวัติศาสตร์ของผู้อื่น"[5]
แฮโรลด์ยังเลือกที่จะใส่เลอาไว้ในละครชุดนี้เพราะเขารู้สึกว่าเคโนบีก็คงจะจะดูแลเลอาด้วย ในการเขียนบทพูดของเขา เขาต้องการให้เธอนั้น "มีจิตวิญญาณและไม่ใช่แค่บทที่ผู้ใหญ่เขียนให้เด็ก" และใช้ภาพยนตร์ พระจันทร์กระดาษ (ค.ศ. 1973) และ 2 กวนได้ 3 กำ (ค.ศ. 1988) เป็นแรงบันดาลใจสำหรับปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเคโนบี นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นว่าละครชุดนี้นั้นอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ในภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องในอนาคตด้วยบริบทใหม่ เช่น การให้บริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อความของเลอาถึงเคโนบีใร ความหวังใหม่ (ค.ศ. 1977) และด้วยเหตุนี้เขาจึง "มุ่งเน้นไปที่ [โอบี-วัน เคโนบี] อย่างเต็มที่ โดยให้เป็นเอพพิโซด 3.5 ระหว่างไตรภาคเดิมและไตรภาคต้น เนื่องจากต้องผสมผสานตัวเลือกในการเล่าเรื่องระหว่างไตรภาคทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน และอยากให้มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็น "ความเชื่อมโยงอย่างเป็นธรรมธรรมชาติ" ระหว่างไตรภาคเดิมและไตรภาคต้น[60] แฮโรลด์ยังชี้แจงด้วยว่าละครชุดนี้จะไม่ทำลายเส้นเวลาหลักหลังจากมีการคาดเดากันว่าละครชุดนี้จะเบี่ยงเบนไปเส้นเวลาหลักเนื่องจากรีวาแทงแกรนด์อินควิซิเตอร์ใน "Part II" โดยมีแฟน ๆ หลายคนสันนิษฐานว่าเขาตายแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับเหตุการณ์ของ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์[61][62]
เคนเนดีและชาวเตือนผู้เขียนบทไม่ให้สร้างการเชื่อมโยงอย่างเปิดเผยกับ เดอะแมนดาลอเรียน และละครชุดภาคแยกต่าง ๆ โดยชาวระบุว่าความเชื่อมโยงที่เหนียวแน่นที่สุดระหว่าง โอบีวัน เคโนบี กับแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส ที่เหลือคือต้องเป็นกับภาพยนตร์ไตรภาคต้น[6] ชาวต้องการที่เคารพวิสัยทัศน์เดิมของจอร์จ ลูคัสสำหรับแฟรนไชส์นี้ และทำงานเพื่อเชื่อมโยงองค์ประกอบจากไตรภาคเดิมและไตรภาคต้น[63] เธอค้นคว้าจักรวาลขยายเพื่อเตรียมความพร้อมในละครชุดนี้ โดยอ้างถึงนวนิยายเรื่อง สตาร์ วอร์ส: เคโนบี (ค.ศ. 2013) ของจอห์น แจ็กสัน มิลเลอร์ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง "โทน" แต่เนื้อเรื่องนั้นไม่ได้มีอิทธิพลต่อเขา และยังมีรูปปั้นเคโนบีของไซด์โชว์ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาพอ้างอิงสำหรับชาว[64][65] เธอยังทำงานเพื่อทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร โดยเปรียบเทียบเรื่องนี้กับภาพยนตร์อย่างโลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน (ค.ศ. 2017) และ โจ๊กเกอร์ (ค.ศ. 2019) โดยบอกว่าการทำแบบนี้คือ "การที่คุณดึงตัวละครตัวหนึ่งออกมาจากแฟรนไชส์ใหญ่ แล้วคุณจะมีเวลาจริง ๆ และคุณเจาะลึกตัวละครตัวนี้ลงไปมาก"[66] แรงบันดาลใจเพิ่มเติม ได้แก่ "ภาพยนตร์ตะวันตกที่งดงามและกล้าหาญ" เช่น แผนสังหารตำนานจอมโจร เจสซี่ เจมส์ (ค.ศ. 2007) และ เดนเมืองดิบ (ค.ศ. 2005) รวมถึง ผลงานของอากิระ คูโรซาวะ เธอรู้สึกว่ามี "ความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น" ระหว่างเจไดและโรนิงซึ่งมี "หลักจริยธรรมที่สอดคล้องกับมัน ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก"[67] ดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่ได้รับการแนะนำในละครชุดนี้คือดาวไดยู ซึ่ง แฮโรลด์เปรียบเทียบกับฮ่องกงที่มี "ชีวิตยามค่ำคืนที่ขับเคลื่อนด้วยรอยขูดขีดเขียน" ซึ่งทำหน้าที่เป็นสิ่งตรงข้ามกับดาวทะเลทรายทาทูอีนที่เป็นสถานที่ดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ในละครชุดนี้[6]
มีการพูดคุยกันเป็นเวลานานก่อนที่จะมีการตัดสินใจที่จะรวมดาร์ธ เวเดอร์ไว้ในละครชุดนี้[6] และ ชาวกล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ... อนาคินและเวเดอร์เป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งมากในชีวิต[ของเคโนบี] ในท้ายที่สุดแล้ว เรารู้สึกว่าการมีเขานั้นสมเหตุสมผลในการเล่าเรื่องนี้”[68] ชาวสนับสนุนแนวคิดที่จะรวมเวเดอร์ในละครชุดนี้เมื่อผู้บริหารของลูคัสฟิล์มไม่แน่ใจว่าควรทำเช่นนี้หรือไม่[10] ชาวกล่าวว่าตัวละครของเวเดอร์คล้ายกับตัวละครของเคโนบีในละครชุดนี้โดยตัวละครเหล่านี้นั้น "ไม่ได้พัฒนาจนสมบูรณ์แบบที่เห็นใน ความหวังใหม่ "[69] และเธอเสริมว่าการปรากฏตัวของเวเดอร์ในละครชุดนี้นั้นอธิบายฉากของตัวละครนี้กับเคโนบีใน ความหวังใหม่ ในบริบทใหม่[10] ละครชุดนี้ยังเปิดตัวเหล่าอินควิซิเตอร์ของเวเดอร์ในรูปแบบคนแสดงซึ่งได้รับมอบหมายให้ตามล่าเจไดที่หลงเหลืออยู่ หลังจากที่เคยปรากฏตัวในสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ[6] รูปแบบการปรากฏตัวของเวเดอร์ในละครชุดนี้และแนวคิดในการแนะนำเหล่าอินควิซิเตอร์ต่างก็ถูกเสนอโดยฟิโลนี[29] บทเดิมนั้นมีตัวร้ายที่ต่าง ๆ รวมถึงดาร์ธ มอล[29] แต่ชาวตัดสินใจที่จะไม่ใช้เขาเพราะเธอรู้สึกว่าการมีทั้งมอลและเวเดอร์จะ "มากไปหน่อย" เนื่องด้วยผลกระทบที่เวเดอร์นั้นส่งต่อเรื่องราวนี้นั้นมากอยู่แล้ว เธอยังทราบว่าฟิโลนีได้เล่าเรื่องราวของเคโนบีและมอลในช่วงเวลานี้ไว้อยู่แล้วในแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส เรเบลส์[68]
การคัดเลือกนักแสดง
[แก้]นอกจากการประกาศละครชุดนี้ที่ D23 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 ยังมีการยืนยันว่าแม็คเกรเกอร์จะแสดงในละครชุดนี้ โดยรับบทเป็นเคโนบีจากไตรภาคต้น[7] ในตอนที่การสร้างนั้นถูกหยุดชะงักในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 นั้น เรย์ พาร์คกำลังเตรียมที่จะกลับมารับบทบาทของเขาในฐานะดาร์ธ มอล และยังมีการคัดเลือกนักแสดงให้รับบทเป็นลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ออกจากละครชุดนี้หลังจากการที่มอลนั้นถูกตัดออกจากบทใหม่และการที่การสร้างนั้นล่าช้า[29]
เคนเนดีประกาศในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 ว่า เฮย์เดน คริสเตนเซนจะกลับมารับบทของเขาจากไตรภาคต้นเพื่อเป็นอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ / ดาร์ธ เวเดอร์ ในละครชุดนี้[1][21] ชาวได้พบกับคริสเตนเซนที่ฟาร์มของเขาในประเทศแคนาดาเมื่อปลายปี ค.ศ. 2019 เพื่อเสนอละครชุดนี้ให้เขาฟังด้วยตัวเอง[6][10] แม็คเกรเกอร์กล่าวว่าการกลับมารวมตัวกับคริสเตนเซนในละครชุดนี้เป็น "สิ่งที่สวยงามที่สุด" ในขณะที่เคนเนดีอธิบายว่าเป็น "การพบกันอีกครั้งแห่งศตวรรษ"[2] เจมส์ เอิร์ล โจนส์ได้รับการประกาศว่าเขาจะกลับมารับบทของเขาในแฟรนไชส์ ในฐานะเสียงของดาร์ธ เวเดอร์[70] แม้ว่าเสียงของเขาจะถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า รีสปีเชอร์ โดยใช้บันทึกเสียงก่อน ๆ ของโจนส์นี้ก็ตาม[23] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 โมเสส อินแรม, คูเมล นานเจียนี, อินดีรา วาร์มา, รูเพิร์ท เฟรนด์, โอ'เชียร์ แจ็คสัน จูเนียร์, ซุง กัง, ซิโมน เคสเซลล์ และเบบนี แซฟได เข้าร่วมทีมนักแสดง[53] และมีโจล เอ็ดเกอร์ทอน และบอนนี พีส กลับมารับบทเป็นโอเวน ลาร์ส และเบรู ไวท์ซัน ลาร์สจากภาพยนตร์ไตรภาคต้น ตามลำดับ มีรายงานว่าอินแกรมจะมาเล่น "บทบาทที่สำคัญ" สำหรับละครชุดนี้[24] หนึ่งเดือนต่อมา มายา เออร์สกินได้รับบทเป็นตัวประกอบโดยมีรายงานว่าจะปรากฏตัวอย่างน้อยสามตอน[71] ในขณะที่ โรรี รอสส์ เปิดเผยว่าเขามีส่วนร่วมในละครชุดนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022[72]
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 อินแกรม เฟรนด์ และกังนั้นได้รับการเปิดเผยว่าจะมารับบทเป็น อินควิซิเตอร์ รีวา / เธิร์ดวิสเตอร์, แกรนด์อินควิซิเตอร์ และฟิฟบราเธอร์ ตามลำดับ[9][13] แกรนด์อินควิซิเตอร์และภราดรที่ 5 นั้นเคยปรากฏตัวใน สตาร์ วอร์ส และพากย์เสียงโดยเจสัน ไอแซก และฟิลิป แอนโธนี-โรดรีเกสตามลำดับ[73] ก่อนหน้านี้ไอแซกเคยแสดงความสนใจที่จะรับบทบาทของเขาในรุปแบบคนแสดงอีกครั้ง[74] วาร์มาได้รับการยืนยันว่าจะมารับบทเป็นเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิ[9] และแกรนต์ ฟีลีนั้นถูกเปิดเผยว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงคนใหม่ของลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์[29] การฉายรอบปฐมทัศน์ของละครชุดนี้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 เปิดเผยว่าจิมมี สมิตส์กลับมารับบทของเขาจากภาพยนตร์ไตรภาคต้นในฐานะวุฒิสมาชิก เบลล์ ออร์กานา เคสเซลล์รับบทเป็นราชินีเบรฮา ภรรยาของเขา โดยแทนที่รีเบกกา แจ็คสัน เมนโดซาซึ่งแสดงเป็นตัวละครเป็นช่วงสั้น ๆ ใน ซิธชำระแค้น วิเวียน ไลรา แบลร์ได้รับการเปิดเผยว่าจะรับบทเป็นเลอา ออร์กานาในวัยเยาว์[18]
เอียน แม็คเดียร์มิด และเลียม นีสัน กลับมารับบทเป็นพัลพาทีนและไควกอน จินน์ในตอนจบของละครชุดนี้อีกด้วย โดยเขาเป็นนักแสดงรับเชิญที่ปรากฏตัวแบบสั้น ๆ แม้ว่านีสันเคยแสดงความลังเลที่จะแสดงบทบาทในละครโทรทัศน์อีกครั้งเพราะเขาชอบภาพยนตร์มากกว่า[28] แต่เขาก็ตกลงที่จะปรากฏตัวเพื่อแสดงความเคารพต่อลูคัส และเพราะเขาไม่ต้องการให้ตัวละครไควกอนนั้นถูกแสดงโดยคนอื่น[75]
งานออกแบบ
[แก้]ดัก เชียง และทอดด์ เชอร์เนียฟสกี เป็นนักออกแบบงานสร้างในละครชุดนี้[76][77] โดยมีสุทธิรัตน์ แอนน์ ลาลาภเป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย[78] เชียงซึ่งเป็นรองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของลูคัสฟิล์มที่ดูแลการออกแบบโปรเจ็กต์ทั้งหมด กล่าวว่าความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของละครชุดนี้คือการเชื่อมโยงการออกแบบของไตรภาคต้นและไตรภาคเดิมเข้าด้วยกัน และยังคงเคารพภาพยนตร์เหล่านั้นในขณะที่เพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น การออกแบบของดาวทาทูอีนยังคงสอดคล้องกับภาพยนตร์ แต่พวกเขาสามารถนำองค์ประกอบใหม่ ๆ มาสู่ละครชุดนี้สำหรับเมืองแองเคอร์เฮด ซึ่งได้รับการกล่่วถึงเป็นครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 1977) แต่ยังไม่เคยแสดงบนหน้าจอมาก่อน[77] เชียงและเชอร์เนียฟสกีร่วมมือกันสร้างงานออกแบบและบรรลุ "ความสมดุล" ตามที่ชาวต้องการ [15]
ผู้อำนวยการอุปกรณ์ประกอบฉาก แบรด เอลเลียต ได้ชมภาพยนตร์ทั้งหมดในไตรภาคต้นอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานของเขาในละครชุดนี้ เขาได้รับอิทธิพลจากสิ่งของต่าง ๆ ที่พาโบล ฮีดาลโกนำมาให้ทีมสร้างสรรค์ ซึ่งคืองานของราล์ฟ แม็คควอรีในไตรภาคเดิม และเทคนิคที่ผู้สร้างอุปกรณ์ประกอบฉากใช้ในไตรภาคเดิม[79] เขาเลือกที่จะเก็บของบางส่วนของเคโนบี เช่น กล้องส่องทางไกล โฮโลโปรเจ็กเตอร์ และดาต้าแพดจากไตรภาคต้น เขารู้สึกว่า "มันสมเหตุสมผลแล้วที่เคโนบีจะนำสิ่งของสองสามชิ้นติดตัวไปด้วยเพื่อดูแลลุค" และอธิบายว่าเขาเก็บโฮโลโปรเจ็กเตอร์ไว้เผื่อในกรณีที่เบล ออร์กานาติดต่อเขา การสร้างกระบี่แสงของเคโนบีถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้สร้างอุปกรณ์ประกอบฉาก เนื่องจากผู้ออกแบบอุปกรณ์ประกอบฉากจากไตรภาคต้นและไตรภาคเดิมไม่ได้ใช้การออกแบบด้ามดาบแบบเดียวกัน ทำให้ทีมงานอุปกรณ์ประกอบฉากในละครชุดนี้ต้องผสานสองรูปแบบนี้เข้าด้วยกัน "ให้กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนจริง" เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าภาพรวมที่สวยงามของด้ามดาบนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ไตรภาคต้นเป็นหลัก แต่ทีมงานได้อัพเกรดตัวปล่อยแสงให้เเหมือนกระบี่แสงของกินเนสส์ใน สตาร์ วอร์ส[80] เมื่อถึงคราวสร้างกระบี่แสงให้กับอินควิซิเตอร์ ฟิโลนีแนะนำให้พวกเขาจินตนาการว่ารูปแบบแอนิเมชันนั้นเป็น "รูปแบบเกินจริง" ของรูปแบบคนแสดง เอลเลียตกล่าวว่าสิ่งนี้ช่วยให้ทีมสามารถรักษารูปร่างโดยรวมของกระบี่แสงจาก เรเบลส์ ซึ่งเหล่าอินควิซเตอร์นั้นปรากฏตัวเป็นครั้งแรก แต่สามารถเปลี่ยนสัดส่วนสำหรับให้มนุษย์สัมผัสได้ ทีมงานปรับแต่งเส้นผ่านศูนย์กลางของกระบี่แสงเพื่อรองรับนักแสดง[79]
การถ่ายทำ
[แก้]การถ่ายทำนั้นถูกกำหนดให้เริ่มในเดือนเมษายน ค.ศ. 2021[53] ในลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย[51] โดยมีเดโบราห์ ชาวเป็นกำกับ[1] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[81] ชังฮุน ชังทำหน้าที่เป็นช่างถ่ายภาพยนตร์สำหรับละครชุดนี้[82] และละครชุดนี้ใช้เทคโนโลยีกำแพงวิดีโอของสเตจคราฟต์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้สำหรับ เดอะแมนดาลอเรียน และ คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์[83][84] ละครชุดนี้ยังถ่ายทำในฉาก วอลูม ซึ่งเป็นเวทีที่ใช้สเตจคราฟต์ ที่แมนฮัตตันบีชสตูดิโอ ในลอสแอนเจลิส[85] ชาวเลือกชุงเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์เพราะเธอชอบรุปแบบภาพของเขาและรู้สึกว่า "เขาได้ทำสิ่งที่เล็กกว่านี้และมีความเข้มข้นทางอารมณ์พร้อมมีเอกลักษณ์ทางภาพที่ชัดเจน แต่เขาก็ยังได้ทำโปรเจ็กต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่อีกด้วย"[15]
แม็คเกรเกอร์ลองเครื่องแต่งกายสำหรับ โอบีวัน เคโนบี ในกองถ่าย เดอะแมนดาลอเรียน[86] และกล่าวว่าเทคโนโลยีสเตจคราฟต์ทำให้เขาสนุกกับการทำงานในละครชุดนี้มากกว่าที่เขาเคยทำในภาพยนตร์ไตรภาคต้นเนื่องมาจากการที่ภาพยนตร์ไตรภาคต้นนั้นใช้จอน้ำเงินและจอเขียวเป็นจำนวนมาก[83][87] ชาวยังระบุด้วยว่าประสบการณ์ของเธอในการกำกับตอนต่าง ๆ ของ เดอะแมนดาลอเรียน ช่วยให้ทีมผู้ผลิตใช้เทคโนโลยีนี้ได้ดีขึ้น[15] นักแสดง รูเพิร์ต เฟรนด์ถ่ายทำฉากของเขาเสร็จภายในเดือนสิงหาคมปีนั้น[88] การถ่ายทำทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในวันที่ 19 กันยายน[87] นิโคลัส ดี ทอธ และเคลลีย์ ดิกซัน เป็นผู้ตัดต่อภาพ[89][60]
ดนตรี
[แก้]นาตาลี โฮลต์ได้รับการว่าจ้างให้แต่งเพลงประกอบละครชุดนี้ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่แต่งเพลงให้กับโปรเจ็กต์ สตาร์ วอร์ส ฉบับคนแสดง[90] มีการรายงานในตอนที่จอห์น วิลเลียมส์บันทึกเพลงหลักของละครชุดร่วมกับวงออเคสตราในลอสแองเจลิส[91] ตอนกลางเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ว่าการบันทึกเพลงของเธอกินระยะเวลาหลายเดือน โฮลต์บอกกับ สตาร์ วอร์ส อินไซเดอร์ ในภายหลังว่าเธอได้รับการว่าจ้างให้เป็นนักแต่งเพลงใน "ปลายเดือนธันวาคม" และ "ต้องบันทึกเสียงในต้นเดือนมีนาคม"[92] ก่อนหน้านี้วิลเลียมส์เคยแต่งเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เรื่องหลัก และเดิมนั้นเคยเขียนธีมให้กับโอบีวัน เคโนบีใน สตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 1977) ซึ่งต่อมากลายเป็นว่ามีความเชื่อมโยงกับพลังแทน[93] วิลเลียมส์ติดต่อเคนเนดีเกี่ยวกับการเขียนธีมใหม่สำหรับละครชุดนี้ เนื่องจากเคโนบีเป็นตัวละครหลักเพียงตัวเดียวจากภาพยนตร์ต้นฉบับที่เขาไม่ได้เขียนธีมเดี่ยวให้ และโฮลต์กล่าวว่าธีมใหม่นี้นั้นสะท้อนความรู้สึก ดูโหยหา และมี "องค์ประกอบแห่งความหวัง" ซึ่ง "รวบรวมจิตวิญญาณของละครชุดนี้ไว้อย่างสมบูรณ์"[90] ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองที่วิลเลียมส์เขียนธีมสำหรับโปรเจ็กต์ สตาร์ วอร์ส โดยที่เขาไม่ใช่ผู้แต่งเพลงหลัก ต่อจาก ฮานโซโล และเป็นละครชุดโทรทัศน์รายสัปดาห์เรื่องแรกที่เขาแต่งธีมนี้นับตั้งแต่ อเมซิงสตอรีส์ ในปี ค.ศ. 1985[93]
ชาวบินไปยังลอนดอนเพื่อพบกับโอลต์และทำ "การดื่มด่ำอย่างเข้มข้นสองวัน" ในฟุตเทจที่ยังไม่เสร็จสำหรับละครชุดนี้ จากนั้นโฮลต์ก็ได้พัฒนาธีมสำหรับตัวละครใหม่และเขียนเพลงประกอบที่เธอกล่าวว่ามี "รากฐานมาจากธรรมเนียมของ สตาร์ วอร์ส" มากกว่าเพลง เดอะแมนดาลอเรียน ของลุดวิก เยอรันซอน ดังเช่นกับเพลงประกอบของ สตาร์ วอร์ส เรื่องก่อน ๆ โฮลต์ได้รับอิทธิพลจากดนตรีวัฒนธรรมในโลกแห่งความจริงเพื่อเป็นตัวแทนของดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในละครชุดนี้ รวมถึงการใช้ ดนตรีลาตินสำหรับดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง และเสียง "ที่ดูจะมาจากทางตะวันออก" จากประเทศไทยและฮ่องกง สำหรับอีกดวงหนึ่ง โฮลต์ใช้แตรสัญญานสำหรับล่าสัตว์ และเครื่องเพอร์คัชชันแปลก ๆ ที่เล่นโดยไบรอัน กิลกอร์ เพื่อสร้างเสียงของเหล่าอินควิซิเตอร์ซึ่งเธอกล่าวว่า "มันทำให้ท้องคุณปั่นป่วน มันหลอกหลอนคุณ...มันมีเสียงสัมผัสที่สั่นสะเทือนและเป็นจังหวะ" คริส โฟเกลซึ่งเป็นวิศวกรเสียงของเยอรันซอนทำงานร่วมกับโฮลต์ในการออกแบบเพลงประกอบให้กับ โอบีวัน เคโนบี ที่สตูดิโอของเยอรันซอน โฮลต์ทำเพลงให้กับละครชุดนี้เสร็จภายในปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 2022[90] เพลงของวิลเลียมส์ "ดิอิมพีเรียลมาร์ช", "ธีมแห่งพลัง" และ "ธีมของเจ้าหญิงเลอา" รวมอยู่ในเพลงประกอบของ "Part VI"[94]
ในการให้สัมภาษณ์กับ สตาร์ วอร์ส อินไซเดอร์ โฮลต์กล่าวในภายหลังว่า "เราไม่มีเวลามากนักกับ โอบีวัน เคโนบี " โดยระบุว่าเป็นเพราะว่า "กระบวนการที่รวบรัดมาก" ทำให้การสร้างเพลงประกอบ "ท้าทาย" สำหรับเธอและเชา[92]
การตลาด
[แก้]วิดีโอเพื่อการโปรโมตขนาดสั้นนั้นเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวันดิสนีย์+ และยังรวมถึงคอนเซ็ปต์อาร์ตอีกด้วย และมีแม็คเกรเกอร์และเชานั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับละครชุดนี้[95] ตัวอย่างแรกของละครชุดนี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2022 ระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของดิสนีย์[96] การใช้เพลงของวิลเลียมส์ในตัวอย่างเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจ[97][13][98] โดยแซ็ก ชาร์ฟจาก วาไรตี กล่าวว่า "ช่วงเวลาที่น่าเกรงขามที่สุด" ของตัวอย่างคือการใช้ "ดูเอิลออฟเดอะเฟตส์" เพราะว่ามันคือ "หนึ่งในเพลงของวิลเลียมส์ที่สนุกสนานที่สุด" และการที่ได้อยู่ในตัวอย่างนั้น "ชี้ถึงการกลับมารวมตัวกันของเพื่อน[เคโนบี] และศัตรู[อนาคิน สกายวอล์คเกอร์] ในละครชุดใหม่"[9] ดาเนียล ชินจาก เดอะริงเกอร์ ยังกล่าวชมตัวอย่างนี้โดยระบุว่าตัวอย่างนี้นั้น "นำเสนอความคิดถึงไตรภาคต้นของ สตาร์ วอร์ส อย่างเร่งรีบ" และยังกล่าวถึงการใช้ "ดูเอิลออฟเดอะเฟตส์" ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นตัวกำหนดโทนและการเดิมพันของละครชุดนี้[99] ตัวอย่างที่สองเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมเพื่อรำลึกถึงวัน สตาร์ วอร์ส โดยไรอัน พาร์เกอร์จาก เดอะฮอลลีวูดรีพอร์ตเตอร์ อธิบายว่า "เข้มข้น"[100][101] นักวิจารณ์หลายคนเน้นย้ำถึงการปรากฏตัวของดาร์ธ เวเดอร์ในตัวอย่าง[101][102][103][104] ไมเคิล แม็คเวอร์เทอร์จาก โพลีกอน รู้สึกว่าตัวอย่างนี้ทำให้ "ได้มองเห็นภาพถึงความเข้มข้มของจักรวรรดิในการตามล่าหนึ่งในผู้ใช้พลังไม่กี่คนที่ยังหลงเหลืออยู่"[102] ในขณะเดียวกัน จอสส์ ไวส์จาก Syfy เขียนว่าตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าเคโนบีจัดการกับ "ความผิดพลาดอันน่าละอายในอดีตของเขา"[103] อย่างไรก็ตาม แองเจลิกา วอเทอร์คัตเตอร์จาก Wired แสดงข้อกังขาในตัวอย่างดังกล่าวและให้ความเห็นว่า "ทุกสิ่งใน สตาร์ วอร์ส ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในระบบนำร่องอัตโนมัติ"[105]
ละครชุดนี้ได้รับการโปรโมตในงาน Star Wars Celebration เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งรวมถึงการฉายสองตอนแรกล่วงหน้าและการแสดงสดของธีมหลักโดยวงออเคสตรา แปซิฟิกซิมโฟนี ซึ่งมีวิลเลียมส์เป็นวาทยากร[106][107] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 ฟ็อลคส์วาเกินได้เปิดตัวโฆษณาที่โปรโมตละครชุดนี้และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ไอดี. บัซ โดยมี อาร์ทูดีทู, ซีทรีพีโอ และแม็คเกรเกอร์ รถยนต์สองรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก สตาร์ วอร์ส และถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างนักออกแบบจากฟ็อลคส์วาเกินและลูคัสฟิล์ม และต่อมาได้นำไปแสดงในงาน Star Wars Celebration ปี ค.ศ. 2022[108] โปรแกรมผลิตภัณฑ์ "โอบีวัน เวนซ์เดส์" ซึ่งเผยให้เห็นของเล่น เครื่องแต่งกาย แอ็คชันฟิกเกอร์ เครื่องประดับ หนังสือ และหนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับละครชุดนี้หลังจากการฉายใตแต่ละตอน โดยเริ่มวันที่ 25 พฤษภาคมและสิ้นสุดในวันที่ 29 มิถุนายน[109]
การเผยแพร่
[แก้]สตรีมมิง
[แก้]โอบีวัน เคโนบี เผยแพร่รอบปฐมทัศน์สองตอนแรกบนดิสนีย์+ ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 ตอนเหล่านี้นั้นถูกเผยแพร่ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เวลา 21:00 น. PDT แทนที่จะเป็น 24:00 น. PDT ของวันที่ 27 พฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าจากที่คาดการณ์ไว้เป็นเวลาสามชั่วโมง[110][54][111] มีการเตือนเรื่องเนื้อหาในตอนที่ 1, 5 และ 6 เนื่องด้วยตอนเหล่านี้เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็กในคำสั่งที่ 66 ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมรอบบ์ในวันที่ 24 พฤษภาคม[112][14] อีกสี่ตอนของละครชุดนี้นั้นถูกเผยแพร่ทุกวันพุธตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จนถึง 22 มิถุนายน[110][54] แต่เดิมนั้นละครชุดนี้ถูกกำหนดในเผยแพร่รอบปฐมทัศน์ในวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 45 ปีของภาพยนตร์เรื่องแรกของ สตาร์ วอร์ส ในปี ค.ศ. 1977[113]
โอมมีเดีย
[แก้]โอบีวัน เคโนบี เผยแพร่ทาง อัลตร้าเอชดี บลูเรย์ และบลูเรย์ โดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์ โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2024 โดยมีบรรจุภัณฑ์แบบสตีลบุ๊กและมีการ์ดคอนเซ็ปอาร์ต ส่วนเสริมนั้นประกอบไปด้วยสารคดีและความเห็นโดยชาว[114]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "Future Lucasfilm Projects Revealed". StarWars.com. December 10, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2020. สืบค้นเมื่อ December 16, 2020.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Bonomolo, Cameron (December 11, 2020). "Star Wars: Obi-Wan Kenobi Footage Description from Disney Investor Day 2020". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ Britt, Ryan (May 27, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' just fixed a 45-year-old Star Wars plot hole". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Edwards, Richard (April 20, 2022). "The Obi-Wan Kenobi series starts with the Jedi at a "traumatic moment", reveals producer". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2022. สืบค้นเมื่อ April 21, 2022.
- ↑ 5.0 5.1 Ross, Dalton (April 12, 2022). "Obi-Wan Kenobi will focus on 'a time of darkness in the galaxy'". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2022. สืบค้นเมื่อ May 1, 2022.
- ↑ 6.00 6.01 6.02 6.03 6.04 6.05 6.06 6.07 6.08 6.09 6.10 6.11 6.12 6.13 6.14 Ross, Dalton (March 10, 2022). "Inside the 17-year journey to reunite Ewan McGregor and Hayden Christensen for Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 13, 2022. สืบค้นเมื่อ March 14, 2022.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 "The Galaxy Far, Far Away Just Got A Little Bigger…". StarWars.com. August 23, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 24, 2019. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
- ↑ Davis, Brandon (October 28, 2019). "Ewan McGregor on Playing Obi-Wan More Like Star Wars' Alec Guinness". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 29, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 Sharf, Zack (March 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Trailer Breakdown: Young Luke, Grand Inquisitor, a New Planet and More". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 Breznican, Anthony (May 17, 2022). "Star Wars: The Rebellion Will Be Televised". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2022. สืบค้นเมื่อ May 17, 2022.
- ↑ 11.0 11.1 Ross, Dalton (April 19, 2022). "Hayden Christensen binged Star Wars animated shows to prepare for Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 20, 2022. สืบค้นเมื่อ April 19, 2022.
- ↑ Ross, Dalton (May 19, 2022). "Obi-Wan Kenobi[[:แม่แบบ:'s]] Grand Inquisitor speaks!". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2022. สืบค้นเมื่อ May 19, 2022.
{{cite magazine}}
: URL–wikilink ขัดแย้งกัน (help) - ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 Saavedra, John (March 9, 2022). "Star Wars: Obi-Wan Kenobi Trailer Breakdown: Luke Skywalker, Inquisitors, and Prequel Easter Eggs". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ 14.0 14.1 Parker, Ryan (June 15, 2022). "The Latest 'Obi-Wan Kenobi' Episode Comes With a Warning — for Good Reason". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 15, 2022. สืบค้นเมื่อ June 15, 2022.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 "Obi-Wan Kenobi Production Brief" (PDF). Disney Media and Entertainment Distribution. May 25, 2022. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2022. สืบค้นเมื่อ June 6, 2022.
- ↑ Ross, Dalton (April 6, 2022). "How Moses Ingram made a Star Wars Halloween character for Black girls on Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2022. สืบค้นเมื่อ June 16, 2022.
- ↑ Mohan, Monita (June 18, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Who is Reva and How Did She Become the Third Sister". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2022. สืบค้นเมื่อ June 22, 2022.
- ↑ 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 18.5 18.6 18.7 18.8 Saveedra, John (May 27, 2022). "Star Wars Obi-Wan Kenobi Cast: Meet the New Characters". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ Ross, Dalton (May 20, 2022). "Kumail Nanjiani shares first details of Obi-Wan Kenobi con-man character Haja". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 20, 2022. สืบค้นเมื่อ May 20, 2022.
- ↑ 20.0 20.1 20.2 20.3 20.4 Mathai, Jeremy; Shaw-Williams, Hannah (May 27, 2022). "Obi-Wan Kenobi: Complete Cast & Character Guide For The Disney+ Series". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ 21.0 21.1 Mathai, Jeremy (February 9, 2022). "Ewan McGregor Promises That The Obi-Wan Series Will Satisfy Fans, So Take That, Boba Fett". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2022. สืบค้นเมื่อ February 9, 2022.
- ↑ Yehl, Joshua (June 15, 2022). "Obi-Wan Kenobi Finally Justifies Bringing Back Hayden Christensen". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2022. สืบค้นเมื่อ June 19, 2022.
- ↑ 23.0 23.1 Breznican, Anthony (September 23, 2022). "Darth Vader's Voice Emanated From War-Torn Ukraine". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 23, 2022. สืบค้นเมื่อ September 26, 2022.
- ↑ 24.0 24.1 24.2 Romano, Nick (March 29, 2021). "Obi-Wan Kenobi series reveals main cast, set 10 years after Revenge of the Sith". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2021. สืบค้นเมื่อ March 29, 2021.
- ↑ Harrison, Alexander (May 21, 2022). "Uncle Owen Only Calls Obi-Wan "Ben" In New Kenobi Show Clip". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ May 21, 2022.
- ↑ Saavedra, John (May 27, 2022). "Star Wars Obi-Wan Kenobi Cast: Meet the New Characters". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ October 30, 2022.
- ↑ Langmann, Brady (June 1, 2022). "Dear Obi-Wan Kenobi, Give Us More of Zach Braff's Freck". Esquire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 2, 2022. สืบค้นเมื่อ June 2, 2022.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 Outlaw, Kofi (June 22, 2022). "Obi-Wan Kenobi Finale Features Some Major Star Wars Character Cameos". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2022. สืบค้นเมื่อ June 22, 2022.
- ↑ 29.0 29.1 29.2 29.3 29.4 29.5 29.6 Kit, Borys; Couch, Aaron (March 14, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Darth Maul Scenes Cut, Luke Skywalker Replaced During Creative Overhaul". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2022. สืบค้นเมื่อ March 14, 2022.
- ↑ Ewing, Jeff (May 27, 2022). "Ewan McGregor's Daughter Has A Cameo In Obi-Wan Kenobi Episode 2". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ Jirak, Jamie (June 17, 2022). "Obi-Wan Kenobi: Tala and NED-B Actors Pay Tribute to Their Characters After Episode 5". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 18, 2022. สืบค้นเมื่อ June 18, 2022.
- ↑ Breznican, Anthony (February 6, 2013). "'Star Wars' spin-offs: A young Han Solo movie, and a Boba Fett film". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 15, 2020. สืบค้นเมื่อ December 19, 2020.
- ↑ Couch, Aaron; McMillan, Graeme (August 26, 2016). "Darth Vader Deserves a 'Star Wars' Spinoff (But Not Everyone Agrees)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2018. สืบค้นเมื่อ November 10, 2017.
- ↑ 34.0 34.1 Kit, Borys (August 17, 2017). "'Star Wars' Obi-Wan Kenobi Film in the Works (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2017. สืบค้นเมื่อ August 18, 2017.
- ↑ 35.0 35.1 35.2 35.3 Slavin, Michael (November 7, 2019). "Hossein Amini Talks The Success Of 'The Alienist', Approaching The Screenplay For 'Drive' & His Upcoming Disney+ 'Obi-Wan' Series (Exclusive Interview)". DiscussingFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2019. สืบค้นเมื่อ November 8, 2019.
- ↑ 36.0 36.1 "Obi-Wan Kenobi 'Star Wars Story' Movie Has Its Plot and Director". TMZ. May 17, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ January 1, 2019.
- ↑ Jirak, Jamie (November 24, 2018). "Former UK Foreign Secretary Claims George Lucas Plans to Shoot Star Wars Spinoff Obi-Wan Kenobi Movie". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2018. สืบค้นเมื่อ November 25, 2018.
- ↑ "Belfast to join Star Wars universe as spin-off movie comes to town". Belfast Telegraph. February 12, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 12, 2018. สืบค้นเมื่อ February 13, 2018.
- ↑ 39.0 39.1 Kit, Borys (August 15, 2019). "'Star Wars': Ewan McGregor in Talks for an Obi-Wan Kenobi Series for Disney+". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 6, 2019. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
- ↑ Kitchener, Shaun (August 3, 2018). "Star Wars: Obi-Wan Kenobi's Ewan McGregor finally gives update on solo movie". Daily Express. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 17, 2018. สืบค้นเมื่อ August 24, 2018.
- ↑ Thorne, Will (August 23, 2019). "Ewan McGregor Confirms Obi-Wan Kenobi Disney Plus Series to Shoot Next Year". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 24, 2019. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
- ↑ Rapkin, Mickey (October 24, 2019). "Ewan McGregor Is Back on Top—Again". Men's Journal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 9, 2020. สืบค้นเมื่อ October 24, 2019.
- ↑ "Deborah Chow to Direct Obi-Wan Kenobi Series Exclusively on Disney+". StarWars.com. September 27, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2019. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ Itzkoff, Dave (November 22, 2019). "'The Mandalorian' Director: Baby Yoda 'Steals the Show'". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 23, 2019. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ 45.0 45.1 45.2 Chitwood, Adam (January 23, 2020). "Exclusive: 'Obi-Wan' Disney+ Series on Hold as Crew Sent Home". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 23, 2020.
- ↑ 46.0 46.1 46.2 46.3 46.4 46.5 Kit, Borys (January 23, 2020). "Obi-Wan Kenobi Series on Hold as Calls Go Out for New Scripts". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 23, 2020.
- ↑ Bankhurst, Adam (January 24, 2020). "Obi-Wan Kenobi Series Delay Won't Change Release Date, Says Ewan McGregor". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ Otterson, Joe (April 2, 2020). "Obi-Wan Kenobi Disney Plus Series Enlists Joby Harold as New Writer (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 2, 2020. สืบค้นเมื่อ April 2, 2020.
- ↑ Davis, Clayton (May 9, 2022). "Why 'Obi-Wan Kenobi' Won't Be in the Emmy Race for 2022 (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2022. สืบค้นเมื่อ May 9, 2022.
- ↑ Haring, Bruce (October 10, 2020). "Ewan McGregor Says Disney+ Obi-Wan Kenobi Series Will Start Shooting In March". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 11, 2020. สืบค้นเมื่อ October 11, 2020.
- ↑ 51.0 51.1 Pearson, Ben (February 2, 2021). "'Obi-Wan Kenobi' Updates: Ewan McGregor Confirms Where and When the Disney+ Show Will Film". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 3, 2021. สืบค้นเมื่อ February 3, 2021.
- ↑ Film & Television Industry Alliance (December 5, 2020). "Star Wars: Kenobi". ProductionList. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 3, 2021. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ 53.0 53.1 53.2 Otterson, Joe (March 29, 2021). "'Obi-Wan Kenobi' Disney Plus Series Adds 10 to Cast, Including O'Shea Jackson Jr, Joel Edgerton, Kumail Nanjiani". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2021. สืบค้นเมื่อ March 29, 2021.
- ↑ 54.0 54.1 54.2 Abramovitch, Seth (April 28, 2021). ""I Have the Career I Started Out Wanting": Ewan McGregor on Reviving Obi-Wan and "Going to the Extremes" to Play Halston". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2021. สืบค้นเมื่อ April 28, 2021.
- ↑ Ross, Dalton (May 23, 2022). "Ewan McGregor wants to make another season of Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2022. สืบค้นเมื่อ May 25, 2022.
- ↑ Tassi, Paul (June 17, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Was Supposed To Be A Miniseries, Now All Cast And Crew Want Season 2". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 9, 2022. สืบค้นเมื่อ June 20, 2022.
- ↑ Warmann, Amon; Earl, William (April 8, 2023). "Lucasfilm President Kathleen Kennedy on Daisy Ridley's New Rey Film, 'Obi-Wan Kenobi' Season 2 and Rian Johnson's 'Star Wars' Future". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 9, 2023. สืบค้นเมื่อ April 9, 2023.
- ↑ "Obi-Wan Kenobi (2021–2022)". Writers Guild of America West. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2022. สืบค้นเมื่อ April 1, 2022.
- ↑ Romanchick, Shane (March 31, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Series Writers Include 'Toy Story' and 'Finding Nemo's Andrew Stanton". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2022. สืบค้นเมื่อ April 1, 2022.
- ↑ 60.0 60.1 Davids, Brian (June 7, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Writer Joby Harold Relieved Leia Was Kept Secret". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 8, 2022. สืบค้นเมื่อ June 8, 2022.
- ↑ Zalben, Alex (May 27, 2022). "Did the Grand Inquisitor Die in 'Kenobi'?". Decider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
- ↑ Breznican, Anthony (June 3, 2022). "Obi-Wan Kenobi: Darth Vader Was Originally Even More Terrifying". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
- ↑ Ross, Dalton (April 26, 2022). "How Obi-Wan Kenobi changes the meaning behind a classic Star Wars line". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 26, 2022. สืบค้นเมื่อ April 26, 2022.
- ↑ Taylor, Chris (May 25, 2022). "Whatever 'Obi-Wan Kenobi' is, we know it isn't 'Kenobi'". Mashable. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2022. สืบค้นเมื่อ June 10, 2022.
- ↑ Weintraub, Steve (May 26, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Director Deborah Chow on Crafting the Lightsaber Fights & Why the Final Episode is Her Favorite". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ June 10, 2022.
- ↑ Edwards, Molly (May 20, 2022). "Obi-Wan Kenobi director compares the new series to Joker and Logan". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 20, 2022. สืบค้นเมื่อ May 20, 2022.
- ↑ Shepherd, Jack (April 28, 2022). "Obi-Wan Kenobi director reveals the surprise Westerns the series is inspired by". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 30, 2022. สืบค้นเมื่อ April 30, 2022.
- ↑ 68.0 68.1 Shepherd, Jack (April 25, 2022). "Darth Maul was never in the Obi-Wan Kenobi series, reveals director Deborah Chow". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2022. สืบค้นเมื่อ April 25, 2022.
- ↑ Ross, Dalton (March 24, 2022). "Obi-Wan Kenobi director explains the return of Darth Vader". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 24, 2022. สืบค้นเมื่อ May 1, 2022.
- ↑ Mishra, Shrishty (June 1, 2022). "James Earl Jones Reprises His Role as the Voice of Darth Vader on 'Obi-Wan Kenobi'". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2022. สืบค้นเมื่อ June 1, 2022.
- ↑ Wiseman, Andrea (April 22, 2021). "'Obi-Wan Kenobi': Disney+ Star Wars Series Adds 'PEN 15' Star Maya Erskine". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2021. สืบค้นเมื่อ April 22, 2021.
- ↑ Mathai, Jeremy (January 26, 2022). "Obi-Wan Kenobi Actor Rory Ross Says All The Right Things Star Wars Fans Want To Hear [Exclusive]". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 26, 2022. สืบค้นเมื่อ January 26, 2022.
- ↑ Gaughan, Liam (March 11, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Who is the Grand Inquisitor?". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 12, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ Nemiroff, Perri (January 19, 2021). "'Star Wars': Jason Isaacs on the Possibility of Playing a Live-Action Inquisitor: "It Could Happen"". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 9, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ Parker, Ryan (June 23, 2022). "'Star Wars' Favorite Discusses Surprise Return for 'Obi-Wan Kenobi'". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2022. สืบค้นเมื่อ July 1, 2022.
- ↑ Fisher, Jacob (March 16, 2021). "Todd Cherniawsky Joins 'Obi-Wan Kenobi' Series For Disney+ (Exclusive)". DiscussingFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2021. สืบค้นเมื่อ August 3, 2021.
- ↑ 77.0 77.1 Aguilera, Leanne; Trainor, Daniel (May 27, 2022). "Star Wars Creative Director Doug Chiang Answers All Our Obi-Wan Kenobi Questions". E! Online. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ Fisher, Jacob (January 18, 2020). "Suttirat Anne Larlarb Joins Disney+ 'Obi-Wan Kenobi' Series (Exclusive)". DiscussingFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 25, 2020. สืบค้นเมื่อ August 5, 2021.
- ↑ 79.0 79.1 Baver, Kristin (July 14, 2022). "Inside the Lucasfilm Archive: Weapons of the Inquisitorius From The Obi-Wan Kenobi Limited Series". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 14, 2022. สืบค้นเมื่อ August 12, 2022.
- ↑ Baver, Kristin (July 12, 2022). "Inside the Lucasfilm Archive: An Elegant Weapon And Other Jedi Artifacts From The Obi-Wan Kenobi Limited Series". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 12, 2022. สืบค้นเมื่อ August 12, 2022.
- ↑ Baumgartner, Drew (May 11, 2021). "Watch Ewan McGregor Confirm Production Has Started on 'Star Wars: Obi-Wan Kenobi'". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 12, 2021. สืบค้นเมื่อ September 20, 2021.
- ↑ ""There is a Strength in Asian Culture": A Conversation with Lucasfilm Legend Doug Chiang". StarWars.com. May 19, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2021. สืบค้นเมื่อ June 3, 2021.
- ↑ 83.0 83.1 Bui, Hoai-Tran (June 17, 2020). "The Obi-Wan Kenobi Disney+ Series Will Use the Same Technology as 'The Mandalorian'". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 18, 2020. สืบค้นเมื่อ June 18, 2020.
- ↑ Lane, Carly (June 9, 2021). "Exclusive: Here's When 'The Mandalorian' Season 3 Is Filming; New Details on 'Book of Boba Fett' Connection". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 9, 2021. สืบค้นเมื่อ June 9, 2021.
- ↑ Ehrenhofler, Courtney (June 11, 2022). "The Volume: How the Inventive Star Wars Tech Is Changing the Future of Film". ComingSoon.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2022. สืบค้นเมื่อ June 20, 2022.
- ↑ Cavanaugh, Patrick (October 21, 2020). "Star Wars: Ewan McGregor Recalls Doing Obi-Wan Costume Tests on The Mandalorian Set". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ 87.0 87.1 Grobar, Matt (September 20, 2021). "Ewan McGregor Teases 'Obi-Wan Kenobi' Series Following Emmy Win For 'Halston': "It Will Not Disappoint"". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 20, 2021. สืบค้นเมื่อ September 20, 2021.
- ↑ Kit, Borys (August 13, 2021). "Rupert Friend, Jason Schwartzman Join Wes Anderson's Next Film (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 13, 2021. สืบค้นเมื่อ July 25, 2023.
- ↑ "Nicolas De Toth Cuts Obi-Wan Kenobi Series". LUX. March 22, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 27, 2022.
- ↑ 90.0 90.1 90.2 Breznican, Anthony (April 22, 2022). "Obi-Wan Kenobi Composer Natalie Holt Reveals "Haunting" Approach". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2022. สืบค้นเมื่อ April 22, 2022.
- ↑ "Disney+'s 'Obi-Wan Kenobi' TV Series to Feature Theme by John Williams". Film Music Reporter. February 17, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 18, 2022. สืบค้นเมื่อ February 18, 2022.
- ↑ 92.0 92.1 Brandon Wainerdi (December 6, 2022). "Parallel Lines". Star Wars Insider. No. 215. Titan Publishing Group.
- ↑ 93.0 93.1 Burlingame, Jon (February 17, 2022). "John Williams Returns to 'Star Wars' Universe with 'Obi-Wan Kenobi' Theme (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 17, 2022. สืบค้นเมื่อ February 18, 2022.
- ↑ Erdmann, Kevin (June 24, 2022). "Darth Vader's Imperial March Gains A Whole New Meaning After Obi-Wan". Screen Rant. สืบค้นเมื่อ March 19, 2023.
- ↑ D'Alessandro, Anthony (November 12, 2021). "'Obi-Wan Kenobi': Ewan McGregor & EP Deborah Chow Tease New 'Star Wars' Series On Disney+ Day". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 29, 2021. สืบค้นเมื่อ January 24, 2022.
- ↑ Pallotta, Frank (March 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' trailer brings Star Wars' iconic Jedi to Disney+". CNN Business. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ Hibberd, James (March 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Teaser Trailer: First Look at Disney+ 'Star Wars' Series". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ Colangelo, BJ (March 9, 2022). "The Obi-Wan Kenobi Trailer Reminds Us That Duel Of The Fates Is One Of The Greatest Pieces Of Star Wars Music". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
- ↑ Chin, Daniel (March 9, 2022). "The 'Obi-Wan Kenobi' Trailer Transports a 'Star Wars' Icon into a New Era". The Ringer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 9, 2022. สืบค้นเมื่อ April 27, 2022.
- ↑ Tapp, Tom (May 4, 2022). "New 'Obi-Wan Kenobi' Trailer Arrives On Star Wars Day, Key Art For Disney+ Series Also Released – Update". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ 101.0 101.1 Parker, Ryan (May 4, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Drops Intense New Trailer Featuring Darth Vader for Star Wars Day". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ 102.0 102.1 McWhertor, Michael (May 4, 2022). "Darth Vader is really coming together in the new Obi-Wan trailer". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ 103.0 103.1 Weiss, Josh (May 4, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Teases Arrival Of Darth Vader In Latest Trailer For New Disney+ 'Star Wars' Series". Syfy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ Moreau, Jordan (May 4, 2022). "Darth Vader Finally Appears in 'Obi-Wan Kenobi' Trailer for Star Wars Day". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ Watercutter, Angela (May 4, 2022). "Star Wars Ain't What It Used to Be". Wired. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ Odman, Sydney (May 27, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Inside the Rip-Roaring Fan Screening at Star Wars Celebration". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ Burton, Carson; Jackson, Angelique (May 26, 2022). "Star Wars Celebration: Harrison Ford Makes Surprise Appearance for John Williams Birthday Tribute, Gives 'Indiana Jones 5' Update". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 26, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ "Volkswagen joins forces with "Obi-Wan Kenobi" for the launch of the new all-electric ID. Buzz". Volkswagen Newsroom. May 20, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
- ↑ ""Obi-Wan Wednesdays" Product Program To Kick Off May 25". StarWars.com. May 4, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
- ↑ 110.0 110.1 Goslin, Austen (March 31, 2022). "Obi-Wan Kenobi TV series delayed slightly, but will premiere first 2 episodes together". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 31, 2022. สืบค้นเมื่อ March 31, 2022.
- ↑ Vary, Adam B.; Shafer, Ellise (May 26, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' to Premiere Early on Disney+". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
- ↑ Hipes, Patrick; Patten, Dominic (May 27, 2022). "Disney "Working" On Adding Violence Advisory To 'Obi-Wan Kenobi' Series Due To Similarities To Texas School Shooting; 'Star Wars' Show Currently Has "Upsetting" Warning On Streamer Landing Page – Update". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ Maas, Jennifer (February 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Gets May Premiere Date at Disney Plus". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2022. สืบค้นเมื่อ February 9, 2022.
- ↑ Gilchrist, Todd (March 5, 2024). "'Andor,' 'Moon Knight,' 'Obi-Wan Kenobi' and 'The Falcon and The Winter Soldier' to Bow on Blu-ray With Deleted Scenes, Featurettes". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2024. สืบค้นเมื่อ March 5, 2024.
ดูเพิ่ม
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ
- โอบีวัน เคโนบี ใน ดิสนีย์+
- โอบีวัน เคนโนบี at StarWars.com
- โอบีวัน เคโนบี ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- โอบีวัน เคโนบี ใน วูกีพีเดีย วิกิของ สตาร์ วอร์ส