เออาเรนดิล
เออาเรนดิล | |
---|---|
ตัวละครจากปกรณัมของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน
| |
ตำแหน่ง | จอมนาวิก ผู้ขับวิงกิล็อท |
เผ่าพันธุ์ | ลูกครึ่งเอลฟ์-มนุษย์ |
วันเกิด | ยุคที่หนึ่ง |
วันจากไปสู่อามัน | ปลายยุคที่หนึ่ง |
อาณาจักร | กอนโดลิน |
เออาเรนดิลจอมนาวิก (อังกฤษ: Eärendil the Mariner) เป็นตัวละครหลักตัวหนึ่งในปกรณัมของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ในฐานะนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ขับนาวาของดวงดาวแห่งรุ่งอรุณ ตำนานของเขาแสดงอยู่ในเรื่อง ซิลมาริลลิออน และมีการกล่าวขวัญถึงเขาในเรื่อง ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ด้วย
ประวัติ
[แก้]เออาเรนดิลเป็นบุตรของทูออร์ มนุษย์แห่งตระกูลฮาดอร์ และอิดริล เคเลบรินดัล เจ้าหญิงโนลดอร์ พระธิดาของกษัตริย์ทัวร์กอนแห่งนครกอนโดลิน เมื่อเออาเรนดิลอายุได้เจ็ดปี นครกอนโดลินถูกทัพของมอร์กอธตีแตก เป็นวาระการล่มสลายของนครกอนโดลิน ทูออร์พาอิดริล เออาเรนดิล และชาวกอนโดลินจำนวนมากหลบหนีออกมา และเดินทางไปจนถึงปากแม่น้ำซิริออน พวกเขาตั้งถิ่นฐานขึ้นใหม่ที่นั่น ต่อมาทูออร์กับอิดริลแล่นเรือจากไป เออาเรนดิลจึงได้เป็นผู้นำของประชาชนในแถบลุ่มแม่น้ำซิริออน
เออาเรนดิลแต่งงานกับเอลวิง ธิดาของดิออร์ ซึ่งเป็นบุตรของเบเรนกับลูธิเอน เอลวิงหนีออกมาจากโดริอัธในวาระการล่มสลายของโดริอัธ แล้วมาเข้าร่วมกับบรรดาประชาชนแถบลุ่มแม่น้ำซิริออนด้วย เออาเรนดิลมีบุตรกับเอลวิงสองคน คือ เอลรอส และ เอลรอนด์
เออาเรนดิลสร้างเรือวิงกิล็อท (Vingilot) ด้วยความช่วยเหลือของเคียร์ดัน เขามักแล่นเรือไปสำรวจดินแดนต่างๆ ในทะเล ครั้งหนึ่งระหว่างที่เขาแล่นเรือออกไป บุตรแห่งเฟอานอร์ยกทัพมาโจมตีเมืองท่าแห่งซิริออน ด้วยต้องการจะชิงซิลมาริล ซึ่งเอลวิงได้รับสืบทอดต่อมาจากลูธิเอน การศึกครั้งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสงครามประหัตประหารญาติ ครั้งที่สาม เมืองท่าซิริออนถูกตีแตก เอลวิงสวมซิลมาริลไว้ที่คอแล้วกระโจนลงทะเล ส่วนเอลรอสและเอลรอนด์ที่ยังเด็กถูกจับตัวไป แต่มากลอร์ โอรสองค์ที่สองของเฟอานอร์ เมตตาสงสารเลี้ยงดูเด็กทั้งสองไว้
เอลวิงได้รับความช่วยเหลือจากเทพอุลโม รอดพ้นจากความตายในทะเล และได้ไปพบเรือของเออาเรนดิล ทั้งสองกับผู้ติดตามจึงตัดสินใจออกเดินทางไปเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษจากเหล่าวาลาร์ เป็นตัวแทนของทั้งสองเผ่าพันธุ์ คือเอลฟ์ และ มนุษย์ ด้วยอำนาจของดวงมณีซิลมาริล ทำให้พวกเขาสามารถฝ่าห้วงสมุทรและแนวข่ายเวทมนตร์จนไปถึงแผ่นดินอมตะได้ จากนั้นวาลาร์รับคำขอของเขา และยกทัพใหญ่มาปราบมอร์กอธได้สำเร็จ เรียกการศึกครั้งนี้ว่า สงครามแห่งความโกรธา (War of Wrath) เออาเรนดิลได้ขับนาวาวิงกิล็อทมาร่วมรบในสงครามนี้ด้วย
ความดีของเออาเรนดิลที่เดินทางมายังแดนอมตะโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์ของสองชาติพันธุ์ เทพมานเวจึงประทานอภัยโทษแก่เขา และการที่เขาเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์ (คือทูออร์) กับเอลฟ์ (คือเจ้าหญิงอิดริล) เทพมานเวจึงมอบพรให้แก่เขาและครอบครัวทั้งหมด ให้สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เอลฟ์หรือมนุษย์ เออาเรนดิลมอบสิทธิ์ให้เอลวิงภริยาเป็นผู้เลือก และนางเลือกจะเป็นเอลฟ์
วาลาร์มอบหมายให้เออาเรนดิลพิทักษ์ดวงมณีซิลมาริลที่เขานำมาคืน โดยให้เขาขับนาวาวิงกิล็อท อัญเชิญดวงมณีแล่นล่องไปในฟากฟ้า เขาขับนาวาแล่นขึ้นจากแผ่นดินอมตะในยามค่ำ และล่องกลับมาในยามเช้า ประชาชนชาวมิดเดิ้ลเอิร์ธจะมองเห็นดวงมณีได้ชัดเมื่ออยู่เหนือแผ่นดินอมตะ เป็นดาวประจำเมืองในยามย่ำค่ำ และดาวประกายพรึกในยามย่ำรุ่ง พวกเอลฟ์เรียกดาวดวงนี้ว่า 'กิล-เอสเตล' (Gil-Estel) หรือ ดวงดาวแห่งความหวัง
สายวงศ์ของมนุษย์กึ่งเอลฟ์
[แก้]
อ้างอิง
[แก้]- "เออาเรนดิล" จากเอ็นไซโคลปิเดียแห่งอาร์ดา