อิงเงอบอร์ก มักนุสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน
อิงเงอบอร์ก มักนุสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน | |||||
---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก | |||||
พระสาทิสลักษณ์บนหีบพระบรมศพ | |||||
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก | |||||
ระหว่าง | ค.ศ. 1296–1319 | ||||
ก่อนหน้า | อักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค | ||||
ถัดไป | ยูเฟเมียแห่งพอเมอเรเนีย | ||||
พระราชสมภพ | ค.ศ. 1277 สวีเดน | ||||
สวรรคต | 5 เมษายน หรือ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1319 คอนแวนต์นักบุญแคลร์, รอสกิลด์ | (42 ปี)||||
ฝังพระศพ | โบสถ์นักบุญเบ็นท์, ริงสเต็ด, เดนมาร์ก | ||||
คู่อภิเษก | พระเจ้าอีริคที่ 6 แห่งเดนมาร์ก | ||||
พระราชบุตร |
| ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ยาลโบ | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้ามักนุสที่ 3 แห่งสวีเดน | ||||
พระราชมารดา | เฮลวิกแห่งฮ็อลชไตน์ | ||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
อิงเงอบอร์ก มักนุสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน (ค.ศ. 1277 - 5 เมษายน หรือ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1319) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์กจากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าอีริคที่ 6 แห่งเดนมาร์ก พระนางเป็นพระราชธิดาในพระเจ้ามักนุสที่ 3 แห่งสวีเดนกับเฮลวิกแห่งฮ็อลชไตน์
พระชนม์ชีพ
[แก้]เจ้าหญิงอิงเงอบอร์กเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ในพระเจ้ามักนุสที่ 3 แห่งสวีเดนกับเฮลวิกแห่งฮ็อลชไตน์
ในปีค.ศ. 1288 พระนางทรงเข้าพิธีหมั้นกับพระเจ้าอีริคที่ 6 เม็นเว็ดแห่งเดนมาร์ก และพระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นที่เมืองเฮลซิงบอรย์ในปีค.ศ. 1296 การอภิเษกสมรสนี้คือนโยบายความสัมพันธ์ของราชวงศ์ โดยในปีค.ศ. 1298 พระอนุชาของพระองค์คือ เจ้าชายบีร์เกอร์แห่งสวีเดน ซึ่งต่อมาเป็นกษัตริย์สวีเดนได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์เกรเธอ หรือ มาร์ธาแห่งเดนมาร์ก พระขนิษฐาในกษัตริย์อีริคที่ 6 ไม่ได้มีการจัดพิธีประทานพรศีลสมรสจนกระทั่งปีค.ศ. 1297 พระนางอิงเงอร์บอร์กและกษัตริย์อีริคที่ 6 ได้รับการประทานพรจากอาร์กบิชอปเจนส์ กรันด์
สมเด็จพระราชินี
[แก้]สมเด็จพระราชินีอิงเงอบอร์กทรงได้รับการบรรยายว่า ทรงมีพระสิริโฉมงดงามและอ่อนโยน มีบทเพลงบรรยายถึงการที่พระนางทรงขอให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษในวันอภิเษกสมรสของพระนาง และเพลงร่วมสมัยทั้งในเดนมาร์กและสวีเดนต่างสรรเสริญในพระเมตตาและความยุติธรรมของพระนาง[1] พระนางทรงเป็นสมเด็จพระราชินีที่ได้รับความนิยมในเดนมาร์ก พระนางมักจะทรงถูกเรียกว่า "gode Frue" (กอเดอ ฟรูเออ หรือ 'the Good Lady' แปลว่า ท่านหญิงคนดี)[1]
ไม่มีหลักฐานบันทึกว่าพระนางทรงเกี่ยวข้องใดๆ ในทางการเมืองหรือไม่ พระสวามีของพระนางเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์บีร์เกอร์แห่งสวีเดน พระอนุชาของพระนาง และมาร์ธาแห่งเดนมาร์ก พระขนิษฐาในพระสวามี ก็ได้เป็นสมเด็จพระราชินีสวีเดนจากการเสกสมรสกับพระอนุชาของพระนาง ซึ่งช่วยเหลือกันในความขัดแย้งการช่วงชิงราชบัลลังก์สวีเดน ในเหตุการณ์กลเกมฮอตูนา กษัตริย์บีร์เกอร์และพระราชินีมาร์ธา ถูกเหล่าพระอนุชาจับกุม พระโอรสของทั้งสองพระองค์คือ เจ้าชายมักนุส บีร์เกอร์สันแห่งสวีเดนได้หลบหนีออกมาได้ในปีค.ศ. 1306 ซึ่งกษัตริย์อีริคที่ 6 และพระราชินีอิงเงอร์บอร์กจึงทรงช่วยเหลือไว้ในราชสำนักเดนมาร์ก และหลังจากนั้นกษัตริย์บีร์เกอร์และพระราชินีมาร์ธาได้เสด็จลี้ภัยจากการรัฐประหาร หลังจากพพระองค์ทรงก่อเหตุการณ์งานเลี้ยงที่นูเชอปิงในปีค.ศ. 1318 ซึ่งกษัตริย์บีร์เกอร์ทรงล้างแค้นเหล่าพระอนุชาโดยจับกุมให้อดอาหารสิ้นพระชนม์ในที่คุมขัง ฝ่ายทายาทของพระอนุชาได้ยึดอำนาจและเจ้าชายมักนุส บีร์เกอร์สันแห่งสวีเดนพยายามกลับเข้าไปชิงอำนาจคืนในสวีเดน แต่ถูกจับกุมและตัดพระเศียรในปีค.ศ. 1320 โดยกลุ่มการเมืองของเจ้าหญิงอิงเงอบอร์กแห่งนอร์เวย์
สมเด็จพระราชินีอิงเงอบอร์กทรงมีพระประสูติกาลพระโอรส 8 พระองค์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระนางทรงแท้งพระบุตร 6 ครั้ง แม้ว่าบางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าทรงแท้งพระบุตรในช่วงระหว่าง 8 - 14 ครั้ง การทรงพระครรภ์หลายครั้งนำมาซึ่งการแท้ง หรือมีพระประสูติกาลแต่พระบุตรสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
ในปีค.ศ. 1318 สมเด็จพระราชินีอิงเงอร์บอร์ก ทรงมีประสูติกาลพระโอรส ซึ่งทรงรอดพระชนม์เมื่อวันแรกประสูติมาได้ และเป็นความปีติยินดียิ่งหลังจากทรงแท้งมาหลายครั้ง พระนางทรงนำพระโอรสออกนั่งรถเกวียนม้าเพื่อแสดงต่อหน้าสาธารณชน แต่พระนางทรงทำพระโอรสลื่นหลุดพระหัตถ์ พระโอรสจึงตกกระแทกพื้น พระศอหักสิ้นพระชนม์
บั้นปลายพระชนม์ชีพ
[แก้]หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระโอรส สมเด็จพระราชินีอิงเงอบอร์กเสด็จเข้าไปประทับอยู่ในคอนแวนต์นักบุญแคลร์ในรอสกิลด์ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน หลักฐานหนึ่งอ้างว่า พระนางทรงเข้าสู่ร่มศาสนาโดยสมัครใจ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความโศกเศร้าต่อการสิ้นพระชนม์ของพระโอรส หรือทรงโศกเศร้าต่อการสิ้นพระชนม์ของเหล่าพระอนุชา คือ เจ้าชายอิริค ดยุกแห่งเซอเดร์มันลันด์และเจ้าชายวัลเดมาร์ ดยุกแห่งฟินแลนด์ พระนางสิ้นพระชนม์ในปีต่อมา
แต่อีกตำนานหนึ่งอ้างว่า พระนางทรงถูกบังคับเข้าคอนแวนต์โดยพระราชสวามี ซึ่งทรงตำหนิว่า พระราชินีเป็นสาเหตุให้พระโอรสต้องสิ้นพระชนม์ แต่อีกหลักฐานหนึ่งก็อ้างว่า พระราชสวามีทรงสั่งคุมขังพระนางเนื่องจากทรงไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองในเรื่องปัญหาของเหล่าพระอนุชาของพระนางในสวีเดน[1]
แต่ไม่ว่าจะทรงเข้าคอนแวนต์ในฐานะแขกหรือนักโทษของอาราม ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า พระนางทรงมีพระคุณต่อคอนแวนต์แห่งนี้ก่อนที่จะเข้ามาในคอนแวนต์นี้เสียอีก[1]
ในปีค.ศ. 1319 มีการอ้างว่าพระนางทรงทำนายการสิ้นพระชนม์ของพระนาง พระราชสวามี และอาร์กบิชอปได้ พระนางสิ้นพระชนม์ไม่นานหลังจากนั้น และพระราชสวามีเสด็จสวรรคตในปีเดียวกันและหลังจากพระมเหสีไม่นาน
พระศพของพระนางถูกฝังที่ริงสเต็ด โดยมีจารึกว่า
- "ข้าพเจ้า อิงเงอบอร์กแห่งสวีเดน ครั้งหนึ่งคือสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ขอการประทานอภัยจากใครก็ตามที่ข้าพเจ้าอาจทำให้ต้องเสียใจ โปรดให้อภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยและเพื่อระลึกถึงจิตวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสิ้นชีวิตในปีแห่งพระเจ้าของเรา ค.ศ. 1319"[1]
อ้างอิง
[แก้]- Dehn-Henning Nielsen: Kings och Queens i Danmark, Copenhagen 2007, ISBN 978-87-89542-71-3
- Kay Nielsen, Ib Askholm: Danmarks kongelige familier i 1000 år, 2007, ISBN 978-87-91679-09-4 Kay Nielsen, Ib Askholm: Danmarks Kongelige familier i 1000 år, 2007, ISBN 978-87-91679-09-4
- Rikke Agnete Olsen: Kongerækken, København 2005, ISBN 87-595-2525-8 Rikke Agnete Olsen: Kongerækken, København 2005, ISBN 87-595-2525-8
- Salmonsens konversationsleksikon / Anden Udgave / Bind XII: Hvene—Jernbaner
- Dansk biografisk Lexikon / VIII. Bind. Holst - Juul
ก่อนหน้า | อิงเงอบอร์ก มักนุสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
อักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค | สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก (ราชวงศ์แอสตริดเซน) (ค.ศ. 1296–1319) |
ยูเฟเมียแห่งพอเมอเรเนีย |