ประเทศซีเรีย
สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย | |
---|---|
คำขวัญ: وَحْدَةٌ ، حُرِّيَّةٌ ، اِشْتِرَاكِيَّةٌ Waḥdah, Ḥurrīyah, Ishtirākīyah ("เอกภาพ, อิสรภาพ, สังคมนิยม") | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ดามัสกัส 33°30′N 36°18′E / 33.500°N 36.300°E |
ภาษาราชการ | อาหรับ[1] |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2014[2]) | 90% อาหรับ 10% อื่น ๆ |
ศาสนา | 87% อิสลาม 10% คริสต์[3] 3% ดรูซ[4] |
เดมะนิม | ชาวซีเรีย |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบพรรคเด่น กึ่งประธานาธิบดี ลัทธิบะอษ์ สาธารณรัฐภายใต้เผด็จการทหาร[5] |
บัชชาร อัลอะซัด | |
Mohammad Ghazi al-Jalali | |
Hammouda Sabbagh | |
สภานิติบัญญัติ | สภาประชาชน |
ก่อตั้ง | |
8 มีนาคม ค.ศ. 1920 | |
• รัฐซีเรียภายใต้การปกครองของอาณัติฝรั่งเศส | 1 ธันวาคม ค.ศ. 1924 |
14 พฤษภาคม ค.ศ. 1930 | |
• ได้รับเอกราชโดยนิตินัย | 24 ตุลาคม ค.ศ. 1945 |
• เอกราช โดยพฤตินัย | 17 เมษายน ค.ศ. 1946 |
• ออกจาก สหสาธารณรัฐอาหรับ | 28 กันยายน ค.ศ. 1961 |
8 มีนาคม ค.ศ. 1963 | |
27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 185,180[6] ตารางกิโลเมตร (71,500 ตารางไมล์) (อันดับที่ 87) |
1.1 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2022 ประมาณ | 21,563,800[7] (อันดับที่ 60) |
118.3 ต่อตารางกิโลเมตร (306.4 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 70) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2015 (ประมาณ) |
• รวม | 50.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] |
• ต่อหัว | 2,900 ดอลลาร์สหรัฐ[3] |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2014 (ประมาณ) |
• รวม | 24.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] (อันดับที่ 167) |
จีนี (ค.ศ. 2014) | 55.8[8] สูง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2021) | 0.577[9] ปานกลาง · อันดับที่ 150 |
สกุลเงิน | ปอนด์ซีเรีย (SYP) |
เขตเวลา | UTC+2 (EET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+3 (EEST) |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | +963 |
รหัส ISO 3166 | SY |
โดเมนบนสุด | .sy سوريا. |
ประเทศซีเรีย (อังกฤษ: Syria; อาหรับ: سورية) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย (อังกฤษ: Syrian Arab Republic; อาหรับ: الجمهورية العربية السورية) เป็นประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีพรมแดนทิศตะวันตกจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศเหนือจดประเทศตุรกี ทิศตะวันออกจดประเทศอิรัก ทิศใต้จดประเทศจอร์แดน และทิศตะวันตกเฉียงใต้จดประเทศอิสราเอล กรุงดามัสกัส เมืองหลวง เป็นนครที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประเทศซีเรียเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ภูเขาสูงและทะเลทราย มีประชากรกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาหลากหลาย ส่วนมากเป็นชาวอาหรับ ซึ่งรวมอลาวียะห์ ดรูซ มุสลิมซุนนีย์และคริสต์ศาสนิกชน กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ได้แก่ ชาวอาร์มีเนีย อัสซีเรีย เคิร์ดและเติร์ก ชาวอาหรับซุนนีย์เป็นกลุ่มประชากรใหญ่ที่สุดในประเทศซีเรีย
ในภาษาอังกฤษ เดิมชื่อ "ซีเรีย" สมนัยกับเลแวนต์ (ภาษาอาหรับว่า al-Sham) ขณะที่รัฐสมัยใหม่ครอบคลุมที่ตั้งของราชอาณาจักรและจักรวรรดิโบราณหลายแห่ง รวมถึงอารยธรรมเอบลา (Ebla) ในสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ในสมัยอิสลาม ดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของรัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ และเมืองเอกในรัฐสุลต่านมัมลุกในอียิปต์
รัฐซีเรียสมัยใหม่สถาปนาขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยเป็นอาณาเขตในอาณัติของฝรั่งเศส และเป็นรัฐอาหรับใหญ่ที่สุดที่กำเนิดขึ้นจากเลแวนต์อาหรับที่เดิมออตโตมันปกครอง ประเทศซีเรียได้รับเอกราชในเดือนเมษายน 2489 เป็นสาธารณรัฐระบบรัฐสภา สมัยหลังได้รับเอกราชมีความวุ่นวายและกลุ่มรัฐประหารและความพยายามรัฐประหารสะเทือนประเทศในสมัยปี 2492–2514 ระหว่างปี 2501 ถึง 2504 ประเทศซีเรียเข้าร่วมสหภาพช่วงสั้น ๆ กับอียิปต์ ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยรัฐประหาร ประเทศซีเรียอยู่ภายใต้กฎหมายฉุกเฉินระหว่างปี 2506 ถึง 2554 ระงับการคุ้มครองพลเมืองส่วนใหญ่ของรัฐธรรมนูญอย่างชะงัด และระบบรัฐบาลถูกพิจารณาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย บัชชาร อัลอะซัด เป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2543 สืบทอดจากฮาเฟซ อัลอะซัด บิดา ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2513 ถึง 2543
ประเทศซีเรียเป็นสมาชิกสหประชาชาติและขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ปัจจุบันถูกระงับสมาชิกภาพจากสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลาม และระงับตนเองจากสหภาพเพื่อเมดิเตอร์เรเนียน นับแต่เดือนมีนาคม 2554 ประเทศซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองในห้วงการก่อการกำเริบ (ถือว่าเป็นผลขยายของอาหรับสปริง) ต่ออะซัดและรัฐบาลพรรคบะอัษ กลุ่มต่อต้านตั้งรัฐบาลทางเลือกขึ้น คือ แนวร่วมแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Coalition) ในเดือนมีนาคม 2555 ต่อมา ผู้แทนรัฐบาลนี้ได้รับเชิญให้แทนที่ประเทศซีเรียในสันนิบาตอาหรับ
ภูมิศาสตร์
[แก้]1 ตารางกิโลเมตร พื้นดิน 18 ตารางกิโลเมตร พื้นน้ำ 30 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทิศเหนือติดตุรกี ทิศใต้ติดจอร์แดน ทิศตะวันออกติดอิรัก ทิศตะวันตกติดเลบานอน อิสราเอลและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สภาพภูมิประเทศ
[แก้]ที่ราบทะเลทรายที่มีฝนตกเพียงเล็กน้อย มีที่ราบแคบ ๆ ชายฝั่ง มีภูเขาอยู่ทางทิศตะวันตก
สภาพภูมิอากาศ
[แก้]ชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนอากาศชื้น ตอนกลางและทางตะวันออกมีอุณหภูมิสูงในหน้าร้อนถึง 43 องศาเซลเซียส ในหน้าหนาวมีอากาศที่พอเหมาะ มีความหนาวเย็นในบางครั้ง ทางเหนือมีฝนตกจำนวนมาก
การเมืองการปกครอง
[แก้]รูปแบบการปกครอง แบบสาธารณรัฐภายใต้การปกครองโดยทหาร (นับแต่ปี ค.ศ.1963) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ เลือกตั้งคราวละ 7 ปี มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ประมุขของรัฐคนปัจจุบันคือ นายบัชชาร อัลอะซัด (ตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2543)
สถานการณ์การเมือง
[แก้]ในปี 2513 พันเอก ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศ [10] และในปี พ.ศ. 2514 ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของซีเรียจนถึงอสัญกรรมเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2543 เดือนต่อมา บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี ดร. บัชชาร อัลอะซัด ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรีย
ซีเรียเป็นประเทศค่อนข้างปิด โดยเฉพาะในสมัยของประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัล-อัสซาด เป็นประเทศนิยมอาหรับและมีนโยบายต่อต้านตะวันตก และอิสราเอล นอกจากนั้น ซีเรียมีอิทธิพลต่อเลบานอนในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ทำให้การเจรจาใด ๆ ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเจรจาระหว่างซีเรียกับอิสราเอลด้วย อย่างไรก็ดี การที่ ดร. บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้รับการศึกษาจากประเทศตะวันตกทำให้เห็นความสำคัญของการปฏิรูปประเทศทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ และเห็นความจำเป็นต้องเปิดประเทศเพื่อรับการลงทุน และความช่วยเหลือ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล ดร. บาชาร์ อัล-อัสซาด คงยึดมั่นนโยบายของบิดา สำหรับความสัมพันธ์กับเลบานอน การถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากเลบานอนตอนใต้ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2543 ได้สร้างแรงกดดันให้ซีเรียทบทวนและพิจารณาความจำเป็นและเหตุผลของการคงกองกำลังของตนประมาณ 30,000 นาย อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2548 ซีเรียได้ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเลบานอนหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนนาย ราฟิก ฮาริรี่
สิทธิมนุษยชน
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มีการสั่งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ชื่อดังทั้ง “กูเกิล” “ยูทูบ” “เฟซบุก” และ “วิกิพีเดีย” เมื่อองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง และ สื่อต่างชาติอีกหลายสำนัก เริ่มเสนอรายงานตีแผ่การที่อัสซาดตั้งหน่วยตำรวจลับเพื่อจับกุมผู้ที่แสดงตนว่าต่อต้านรัฐบาลมาจำคุก ทรมานร่างกาย หรือสังหารอย่างเหี้ยมโหด หลายฝ่ายเริ่มจับจ้องมายังซีเรีย ซึ่งแน่นอนว่า อัสซาดออกมาปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมด
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]ซีเรียแบ่งเป็น 14 เขตผู้ว่าการ (governorate) ซึ่งการแต่งตั้งผู้ว่าจะเสนอโดยรัฐมนตรีมหาดไทย รับรองโดยคณะรัฐมนตรี และประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา เป็นผู้นำของแต่ละเขต ผู้ว่าจะมีสภาเขตที่ได้รับเลือกมาช่วยเหลือ
นโยบายต่างประเทศ
[แก้]นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองที่ดำเนินอยู่ในปี 2554 และการสังหารและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง ซีเรียถูกโดดเดี่ยวจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและประชาคมระหว่างประเทศในวงกว้างมากขึ้น ความสัมพันธ์ทางการทูตถูกตัดขาดกับหลายประเทศ ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี ตูนิเซีย อียิปต์ ลิเบีย สหรัฐอเมริกา เบลเยียม สเปน และรัฐอาหรับในอ่าวเปอร์เซีย[11]
จากสันนิบาตอาหรับ ซีเรียยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการฑูตกับแอลจีเรีย อียิปต์ อิรัก เลบานอน ซูดาน และเยเมน ความรุนแรงของซีเรียต่อพลเรือนทำให้ซีเรียถูกระงับจากสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลามในปี 2555[12] ซีเรียก็ลาออกจากสหภาพเพื่อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย[13]หลังจากผ่านไป 11 ปี ซีเรียกลับคืนสันนิบาตอาหรับอีกครั้งซีเรียยังคงส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรดั้งเดิมอย่างอิหร่านและรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรียในการขัดแย้งกับฝ่ายค้านของซีเรีย
ซีเรียรวมอยู่ในนโยบายเพื่อนบ้านแห่งสหภาพยุโรป (ENP) ของสหภาพยุโรปซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สหภาพยุโรปและประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกันมากขึ้น
กองทัพ
[แก้]ประธานาธิบดีซีเรียเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพซีเรีย ซึ่งประกอบด้วยทหารประมาณ 400,000 นายในการระดมกำลัง ทหารเป็นกำลังทหารเกณฑ์ ผู้ชายรับราชการทหารเมื่ออายุครบ 18 ปี[ต้องการอ้างอิง] ระยะเวลาการรับราชการทหารภาคบังคับจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2548 จากสองปีครึ่งเป็นสองปี ในปี 2551 เหลือ 21 เดือน และในปี 2554 เหลือปีครึ่ง[14]ทหารซีเรียประมาณ 20,000 นายถูกส่งไปประจำการในเลบานอนจนถึงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2548 เมื่อทหารซีเรียชุดสุดท้ายออกจากประเทศหลังจากสามทศวรรษ[ต้องการอ้างอิง]
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นแหล่งที่มาหลักของการฝึกอบรม ยุทโธปกรณ์ สำหรับกองทัพซีเรียมายาวนาน อาจทำให้ความสามารถของซีเรียในการได้รับยุทโธปกรณ์ทางทหารสมัยใหม่ช้าลง มีคลังแสงขีปนาวุธจากพื้นสู่พื้น ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ขีปนาวุธสกั๊ด-ซี ที่มีพิสัยทำการ 500- ชั่วโมง (310 ไมล์) ได้รับการจัดซื้อจากเกาหลีเหนือ และสกั๊ด-ดี ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 700 นาที (430 ไมล์) ถูกกล่าวหาว่าได้รับการพัฒนาโดยซีเรีย ด้วยความช่วยเหลือของเกาหลีเหนือและอิหร่าน ตามข้อมูลของ Zisser[15]
ซีเรียได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมากจากรัฐอาหรับในอ่าวเปอร์เซียอันเป็นผลมาจากการเข้าร่วมในสงครามอ่าวเปอร์เซีย โดยเงินทุนจำนวนมากเหล่านี้จัดสรรไว้สำหรับการใช้จ่ายทางทหาร
เศรษฐกิจ
[แก้]ข้อมูลเมื่อ 2015[update],เศรษฐกิจซีเรียอาศัยแหล่งรายได้ที่ไม่น่าเชื่อถือโดยธรรมชาติ เช่น ภาษีศุลกากรที่ลดน้อยลง และภาษีเงินได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อจากอิหร่านอย่างมาก[16] เชื่อกันว่าอิหร่านจะใช้จ่ายเงินระหว่าง 6 พันล้านดอลลาร์ถึง 20 พันล้านดอลลาร์ต่อปีกับซีเรียในช่วงสงครามกลางเมืองในซีเรีย[17]เศรษฐกิจซีเรียหดตัว 60% และเงินปอนด์ซีเรียสูญเสียมูลค่าไป 80% โดยเศรษฐกิจกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐและเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสงคราม[18] ในช่วงเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองซีเรียที่กำลังดำเนินอยู่ ธนาคารโลกจัดซีเรียให้เป็น "ประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง"[19] ในปี 2010 ซีเรียยังคงต้องพึ่งพาภาคน้ำมันและเกษตรกรรม[20] ภาคน้ำมันให้รายได้จากการส่งออกประมาณ 40%[20] การสำรวจนอกชายฝั่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วได้ชี้ให้เห็นว่ามีน้ำมันจำนวนมากอยู่บนพื้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างซีเรียและไซปรัส[21] ภาคเกษตรกรรมมีส่วนทำให้เกิดประมาณ 20% ของ GDP และ 20% ของการจ้างงาน คาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันจะลดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และซีเรียได้กลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิแล้ว[20] นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่มต้นขึ้น เศรษฐกิจหดตัว 35% และเงินปอนด์ซีเรียร่วงลงเหลือ 1 ใน 6 ของมูลค่าก่อนสงคราม[22] รัฐบาลต้องพึ่งพาสินเชื่อจากอิหร่าน รัสเซีย และจีนมากขึ้น[22]
เศรษฐกิจได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดจากรัฐบาล ซึ่งได้เพิ่มเงินอุดหนุนและควบคุมการค้าอย่างเข้มงวดเพื่อบรรเทาผู้ประท้วงและปกป้องทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ.[3] ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจในระยะยาว ได้แก่ อุปสรรคทางการค้ากับต่างประเทศ การผลิตน้ำมันที่ลดลง การว่างงานสูง การขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อแหล่งน้ำที่เกิดจากการใช้หนักในการเกษตร การเติบโตของประชากรอย่างรวดเร็ว การขยายตัวทางอุตสาหกรรม และมลพิษทางน้ำ[3] UNDP ประกาศในปี 2548 ว่า 30% ของประชากรซีเรียอาศัยอยู่ในความยากจน และ 11.4% มีชีวิตอยู่ต่ำกว่าระดับยังชีพ[23]
ประชากรศาสตร์
[แก้]คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหุบเขาแม่น้ำยูเฟรทีสและตามที่ราบชายฝั่ง ซึ่งเป็นแถบที่อุดมสมบูรณ์ระหว่างภูเขาชายฝั่งและทะเลทราย ความหนาแน่นของประชากรโดยรวมในซีเรียก่อนสงครามกลางเมืองอยู่ที่ประมาณ 99 ต่อตารางกิโลเมตร (258 ต่อตารางไมล์)[24] ตามการสำรวจผู้ลี้ภัยโลกปี 2008 ซึ่งจัดพิมพ์โดยคณะกรรมการผู้ลี้ภัยและผู้อพยพแห่งสหรัฐอเมริกา ซีเรียเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยจำนวนประมาณ 1,852,300 คน ประชากรส่วนใหญ่มาจากอิรัก (1,300,000 คน) แต่ประชากรจำนวนมากจากปาเลสไตน์ (543,400) และโซมาเลีย (5,200) ก็อาศัยอยู่ในประเทศนี้เช่นกัน[25]
ศาสนา
[แก้]ชาวมุสลิมซุนนีคิดเป็นประมาณ 74% ของประชากรซีเรีย[26] และชาวอาหรับซุนนีคิดเป็น 59–60% ของประชากร ชาวเคิร์ดส่วนใหญ่ (8.5%)[27] และชาวเติร์กเมน (3%)[27] เป็นชาวสุหนี่และทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างชาวอาหรับซุนนีและกลุ่มอื่นๆ ในขณะที่ 13% ของชาวซีเรียเป็นมุสลิมชีอาห์ (โดยเฉพาะชาวอะลาวี อิสไมลิส แต่ก็มีชาวอาหรับ ชาวเคิร์ด และเติร์กเมนด้วย) คริสเตียน 10%[26](ส่วนใหญ่เป็นกรีกออร์ทอดอกซ์แบบแอนติโอเชียน ที่เหลือคือซีเรียแอคออร์ทอดอกซ์ กรีกคาทอลิกและคาทอลิกอื่นๆ อาร์เมเนียออร์ทอดอกซ์ โบสถ์อัสซีเรียแห่งตะวันออก โปรเตสแตนต์ และนิกายอื่นๆ) และดรูเซส 3%
ภาษา
[แก้]อาหรับเป็นภาษาราชการ ฝรั่งเศส อังกฤษ ใช้กันอย่างกว้างขวาง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Constitution of the Syrian Arab Republic – 2012" (PDF). International Labour Organization. International Labour Organization. สืบค้นเมื่อ 31 August 2020.
- ↑ "Syria". CIA World factbook. CIA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 June 2014.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "Syria". The World Factbook. Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 7 April 2021.
- ↑ "Syria: Ethnic Shift, 2010–mid 2018". gulf2000.columbia.edu. Columbia University Gulf2000. 2018. สืบค้นเมื่อ 2 June 2019.
- ↑ "Constitution of Syria 2012". Scribd. 15 February 2012. สืบค้นเมื่อ 25 January 2013.
- ↑ "Syrian ministry of foreign affairs". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-11.
- ↑ "Syria". The World Factbook (2024 ed.). Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 24 September 2022. (Archived 2022 edition)
- ↑ "World Bank GINI index". World Bank. สืบค้นเมื่อ 22 January 2013.
- ↑ "Human Development Report 2021/2022" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United Nations Development Programme. 8 September 2022. สืบค้นเมื่อ 8 September 2022.
- ↑ "Report of the Commission Entrusted by the Council with the Study of the Frontier between Syria and Iraq". World Digital Library. 1932. สืบค้นเมื่อ 2013-07-11.
- ↑ Strenger, Carlo (8 February 2012). "Assad takes a page out of Russia's book in his war against rebels". Haaretz. สืบค้นเมื่อ 15 January 2013.
- ↑ MacFarquhar, Neil (12 November 2011). "Arab League Votes to Suspend Syria". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 12 November 2011.
- ↑ "Syria suspends its membership in Mediterranean union". Xinhua News Agency. 1 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 December 2011.
- ↑ "Syria reduces compulsory military service by three months". China Daily. 20 March 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 May 2011. สืบค้นเมื่อ 23 April 2011.
- ↑ "Syria's embrace of WMD"[ลิงก์เสีย] by Eyal Zisser, The Globe and Mail, 28 September 2004 (link leads only to abstract; purchase necessary for full article). EYAL ZISSER (September 28, 2004). "Syria's embrace of WMD". The Globe and Mail. p. A21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 January 2009.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อrevenues_shrink
- ↑ "Iran spends billions to prop up Assad". TDA. Bloomberg. 11 June 2015. สืบค้นเมื่อ 11 June 2015.
- ↑ "Syria's economy cut in half by conflict". BBC News. 23 June 2015. สืบค้นเมื่อ 24 June 2015.
- ↑ "Country and Lending Groups". World Bank. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 March 2011. สืบค้นเมื่อ 26 July 2012.
- ↑ 20.0 20.1 20.2 "Syria Country Brief, September 2010" (PDF). World Bank.
- ↑ Transactions of the American Institute of Mining and Metallurgical Engineers. The Institute of Mining and Metallurgical Engineers. 1921.
- ↑ 22.0 22.1 "Syria Weighs Its Tactics as Pillars of Its Economy Continue to Crumble". The New York Times. 13 July 2013. สืบค้นเมื่อ 13 July 2013.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อUSDoS
- ↑ "INTRODUCTION_-SYRIA_CONTEXT" (PDF). Pead Tracey.
- ↑ "World Refugee Survey 2008". U.S. Committee for Refugees and Immigrants. 19 June 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 December 2012.
- ↑ 26.0 26.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCIA2
- ↑ 27.0 27.1 Drysdale, Alasdair; Hinnebusch, Raymond A. (1991), Syria and the Middle East Peace Process, Council on Foreign Relations, p. 222, ISBN 978-0-87609-105-0
- ประเทศซีเรีย เก็บถาวร 2011-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ