การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปครั้งที่ 21 ของประเทศไทย มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ผลที่ตามมาคือชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคไทยรักไทยของนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 377 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง โดยมีอดีตพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคชาติไทยได้ 25 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้เพียง 96 ที่นั่งและพรรคมหาชน (ซึ่งเปลี่ยนชื่อจากพรรคราษฎร) ได้ 2 ที่นั่ง
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรไทย ต้องการ 251 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงทะเบียน | 44,572,101 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้ใช้สิทธิ | 72.55% ( 2.61 จุด) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต รหัสสี: ไทยรักไทย, ประชาธิปัตย์, ชาติไทย, อื่น ๆ แต่ละจังหวัดอาจประกอบด้วยที่นั่งเดียวหรือหลายที่นั่งก็ได้ และสีที่ปรากฏนี้บ่งถึงพรรคที่ได้ที่นั่งข้างมากในจังหวัดนั้น | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
องค์ประกอบของสภาผู้แทนราษฎร หลังจากการเลือกตั้ง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ปูมหลัง
แก้หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 พรรคความหวังใหม่ได้ยุบรวมกับพรรคไทยรักไทย แม้ว่าต่อมา พรรคความหวังใหม่จะตั้งขึ้นใหม่โดยอดีต ส.ส. ของพรรค นายชิงชัย มงคลธรรม แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม พรรคชาติพัฒนาและพรรคเสรีธรรมก็ยุบรวมกับพรรคไทยรักไทย
ระบบการเลือกตั้ง
แก้ในขณะนั้น สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วย ส.ส. 400 คนจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และ ส.ส. 100 คนจากปาร์ตี้ลิสต์ตามสัดส่วน
การรณรงค์หาเสียง
แก้พรรคประชาธิปัตย์
แก้พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยบัญญัติ บรรทัดฐาน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากชวน หลีกภัย ไม่หวังจะเอาชนะพรรคร่วมทั้ง 2 พรรค แต่หวังว่าจะได้ 201 ที่นั่ง ซึ่งพรรคได้เพียง 96 ที่นั่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งภายในพรรคระหว่างฝ่ายใต้ของบัญญัติกับฝ่ายกรุงเทพฯ ที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้เป้าหมายนี้ดูเลือนลางลงไปอีก พรรคประชาธิปัตย์ยังได้พัฒนาวาระประชานิยม โดยสัญญาว่าจะมีงานมากขึ้น การศึกษาฟรี การดูแลสุขภาพ และการต่อสู้กับอาชญากรรมและการทุจริต อย่างไรก็ตาม พรรคปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายของพวกเขา[1]
ชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคไทยรักไทยทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับอนาคตของหัวหน้าพรรค บัญญัติ ลาออกจากหัวหน้าพรรคหลังการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมกล่าวว่า
คงต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟูพรรค เพราะเราต้องมองอีก 4 ปีข้างหน้า และพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ในใจประชาชน
พรรคไทยรักไทย
แก้พรรคไทยรักไทยพยายามที่จะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่เคยทำได้มาก่อน พรรคการเมืองอื่นและภาคประชาสังคมได้จัดตั้งแนวร่วมเพื่อป้องกันสิ่งนี้ โดยกล่าวหาว่าทักษิณมีอำนาจมากเกินไปและนั่นทำให้เขาเป็นเผด็จการรัฐสภา เสียงข้างมากจะสนับสนุนสิ่งที่พวกเขากล่าวหา นักวิชาการคนสำคัญ เกษม ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการพรรคกิจสังคมและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวหาทักษิณว่าเป็น "เผด็จการรัฐสภา" และกล่าวว่า "ประชาชนไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีครอบงำประเทศและการเมืองต่อไป"
พรรคของทักษิณตอบว่าได้ทำให้ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มั่นคง มีความสามารถ และปราศจากการคอร์รัปชัน แม้ว่านักวิจารณ์จะบอกว่าการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้นจริงภายใต้การจับตามองของทักษิณ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า "พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคแรกที่สามารถแปลงนโยบายประชานิยมไปสู่การปฏิบัติ ความสำเร็จและวิสัยทัศน์ของนายทักษิณทำให้พรรคมีความชัดเจนและจะได้รับเสียงข้างมากอย่างแน่นอน"
พรรคไทยรักไทยแข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของประเทศ ซึ่งนโยบายประชานิยมของทักษิณได้รับความนิยมสูงสุด
ผลการเลือกตั้ง
แก้↓ | |||
พรรค | แบ่งเขต | บัญชีรายชื่อ | ที่นั่งรวม | +/- | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คะแนนเสียง | % | ที่นั่ง | คะแนนเสียง | % | ที่นั่ง | |||||
ไทยรักไทย | 16,523,344 | 54.35 | 310 | 18,993,073 | 61.17% | 67 | 377 | +129 | ||
ประชาธิปัตย์ | 7,401,631 | 24.35 | 70 | 7,210,742 | 23.22% | 26 | 96 | -32 | ||
ชาติไทย | 3,119,473 | 10.26 | 18 | 2,061,559 | 6.64% | 7 | 25 | -16 | ||
มหาชน | 2,223,850 | 7.32 | 2 | 1,346,631 | 4.34% | 0 | 2 | |||
อื่น ๆ | – | 1,436,218 | 4.63% | – | – | |||||
คะแนนสมบูรณ์ | 29,657,716 | 100% | 400 | 31,048,223 | 100% | 100 | 500 | |||
ไม่ประสงค์ลงคะแนน | 741,276 | 2.29% | 357,515 | 1.11% | ||||||
คะแนนเสีย | 1,938,590 | 5.99% | 935,586 | 2.89% | ||||||
จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง | 32,337,611 | 72.55% | 32,341,330 | 72.56% | ||||||
จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง | 44,572,101 | 44,572,101 | ||||||||
ที่มา: ศูนย์กลางข้อมูลเปิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง |
การเลือกตั้งใหม่
แก้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่
- ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ที่จังหวัดอุดรธานี เขต 2 ผลการเลือกตั้ง นางสาวธิรดา สนิทวงศ์ชัย จากพรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกตั้ง
- ในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2548 จำนวน 4 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ พิจิตร เขต 3 สิงห์บุรี เขต 1 สตูล เขต 2 และ อุทัยธานี เขต 2 ซึ่งผลการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย, ประชาธิปัตย์, ชาติไทย และมหาชน ได้ไปพรรคละ 1 ที่นั่ง
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Aurel Croissant and Daniel J. Pojar, Jr., Quo Vadis Thailand? Thai Politics after the 2005 Parliamentary Election เก็บถาวร 2009-04-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Strategic Insights, Volume IV, Issue 6 (June 2005)