ไปรษณีย์ไทย (บริษัท)
ตราสัญลักษณ์ | |
ชื่อท้องถิ่น | Thailand Post Company Limited |
---|---|
ประเภท | |
อุตสาหกรรม | ไปรษณีย์ |
ก่อนหน้า | การสื่อสารแห่งประเทศไทย (ก.ส.ท.) |
ก่อตั้ง | 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 |
สำนักงานใหญ่ | |
จำนวนที่ตั้ง | 12
|
พื้นที่ให้บริการ | ประเทศไทย |
บุคลากรหลัก |
|
ผลิตภัณฑ์ |
|
บริการ |
|
รายได้ | 21,926,808,872 บาท (พ.ศ. 2566)[1][2] |
รายได้จากการดำเนินงาน | 20,934,470,569 บาท (พ.ศ. 2566)[2] |
รายได้สุทธิ | 78,544,800 บาท (พ.ศ. 2566)[2] |
ทรัพย์สินสุทธิ | 2,645,719,950 บาท (พ.ศ. 2566)[2] |
สินทรัพย์ | 27,185,329,806 บาท (พ.ศ. 2566)[2] |
ส่วนของผู้ถือหุ้น | 14,097,851,272 บาท (พ.ศ. 2566)[2] |
เจ้าของ | กระทรวงการคลัง (100.00 %) |
พนักงาน | 30,389 คน (พ.ศ. 2566)[2] |
บริษัทแม่ | กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม |
แผนก |
|
บริษัทในเครือ | ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ของบริษัท |
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์ของประเทศไทย ซึ่งแปรรูปมาจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย (ก.ส.ท.)
ประวัติ
[แก้]ยุคเริ่มก่อตั้ง
[แก้]ระบบไปรษณีย์ของประเทศไทย เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบกิจการไปรษณีย์ในสมัยแรกคือ กรมไปรษณีย์ เปิดให้บริการเป็นครั้งแรก ณ วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไปรษณียาคาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ปากคลองโอ่งอ่าง ปัจจุบันรื้อทิ้งเพื่อสร้างสะพานพระปกเกล้า
ในระยะแรกที่ให้บริการ ครอบคลุมเฉพาะกรุงเทพเท่านั้น เมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 จึงเริ่มขยายไปต่างจังหวัดโดยเปิดที่ทำการไปรษณีย์ที่สมุทรปราการและนครเขื่อนขันธ์ (พระประแดงในปัจจุบัน) และขยายต่อจนถึงเชียงใหม่ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน ส่วนบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ เริ่มเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 หลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกสหภาพไปรษณีย์สากล
ในปี พ.ศ. 2441 กรมไปรษณีย์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กรมไปรษณีย์โทรเลข หลังจากมีการควบรวมกรมไปรษณีย์เข้ากับกรมโทรเลข ซึ่งดูแลงานด้านโทรเลข เมื่อ พ.ศ. 2483 ได้มีการเปิด ที่ทำการไปรษณีย์กลาง ขึ้นบนถนนเจริญกรุง เขตบางรัก และใช้เป็นที่ทำการของกรมไปรษณีย์โทรเลข
ยุครัฐวิสาหกิจ
[แก้]เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 ได้แยกงานบางส่วนออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลข และจัดตั้งมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ใช้ชื่อว่า การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท)[3]
และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2546[4] มีการปรับโครงสร้างอีกครั้งตามนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยแยกการสื่อสารแห่งประเทศไทย ออกเป็น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยไปรษณีย์ไทยดูแลบริการด้านไปรษณีย์ทั้งหมด รวมถึงรับจ้างให้บริการโทรเลขจาก กสท โทรคมนาคม จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2551[5]
สินค้าและบริการ ของ บริษัทไปรษณีย์ไทย
[แก้]- บริการไปรษณีย์ เช่น ไปรษณีย์ในประเทศ และ ไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
- บริการขนส่ง เช่น ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ โลจิสโพสต์ พัสดุไปรษณีย์ ไปรษณีย์ครบวงจร และ บริการกล่องเหมาจ่าย
- บริการการเงิน เช่น ธนาณัติออนไลน์ บริการชำระเงินผ่านบริการไปรษณีย์ ฯลฯ
- บริการค้าปลีก เช่น อร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์
- สินค้าไปรษณีย์ เช่น กล่อง ซอง ของที่ระลึก
- ตราไปรษณียากรและสิ่งสะสม (แสตมป์)
- น้ำดื่มไปร (Prai Water)
ที่ทำการไปรษณีย์
[แก้]ที่ทำการไปรษณีย์เคยมีการให้บริการด้านโทรเลขด้วย ดังนั้นในอดีตจึงใช้คำว่า ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข แทน แต่หลังจากที่งานด้านโทรเลขแยกไปอยู่กับ กสท โทรคมนาคม จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ทำการไปรษณีย์มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับหน้าที่และบริการของแต่ละแห่ง ตัวอย่างเช่น
- ศูนย์ไปรษณีย์ (ศป., mail centre) มีหน้าที่หลักคือ รวบรวมจดหมาย และพัสดุจากที่ทำการไปรษณีย์ต่าง ๆ มาคัดแยก และส่งต่อ หมายถึงส่งไปที่ทำการปลายทาง หรือส่งต่อไปภูมิภาคอื่น ๆ ทางรถยนต์ รถไฟ หรือ เครื่องบิน ตัวอย่างเช่น ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพ ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นต้น
- ศูนย์รับฝากไปรษณีย์จำนวนมาก (ศฝ., bulk mail centre) คือไปรษณีย์ที่เน้นรับจดหมายจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีไปรษณีย์ภัณฑ์จำนวนมากแล้วส่งต่อไปยังศูนย์ไปรษณีย์
- ที่ทำการไปรษณีย์ศูนย์กลางจ่าย (ปณศ., delivery post office) หรือ ที่ทำการไปรษณีย์รับจ่าย (ปณจ.) มีหน้าที่ รับฝาก คือ รวบรวมจดหมายจากตู้ไปรษณีย์และจากประชาชนที่มาฝากส่งที่ไปรษณีย์แล้ว ส่งต่อ ไปยังศูนย์ไปรษณีย์ และ นำจ่าย คือรับจดหมายที่มีปลายทางในเขตที่รับผิดชอบจากศูนย์ไปรษณีย์ให้บุรุษไปรษณีย์ไปส่งตามที่อยู่ ที่ทำการลักษณะนี้มักมีรหัสไปรษณีย์ที่ลงท้ายด้วยเลขศูนย์
- ที่ทำการไปรษณีย์รับฝาก (ปณฝ., non-delivery post office) มีหน้าที่ รับฝาก คือ รับจดหมายจากประชาชนที่มาใช้บริการที่ไปรษณีย์หรือจากตู้ไปรษณีย์เท่านั้น มักมีรหัสไปรษณีย์ที่ลงท้ายด้วยเลขอื่นที่ไม่ใช้ศูนย์
- ที่ทำการไปรษณีย์สาขา (ปณส., branch post office) หน้าที่คล้าย ปณฝ. แต่ขึ้นกับ ปณจ. แทนที่จะทำงานเป็นเอกเทศ จดหมายที่รวบรวมได้ทั้งหมดจะส่งต่อไปยัง ปณจ. ต้นสังกัดอีกทีหนึ่ง ไม่มีรหัสไปรษณีย์ของตัวเอง (ใช้รหัสของ ปณจ. ต้นสังกัด) และไม่เปิดให้บริการบางประเภท เช่น บริการรับชำระเงิน เป็นต้น
- ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาต (ปณอ., licensed post office) มีทั้งประเภท รับจ่าย (หน้าที่เหมือน ปณจ.) และ รับฝาก (เหมือน ปณฝ.) แต่บริหารโดยหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือ เอกชน ตัวอย่าง เช่น ไปรษณีย์ของชุมชนที่อยู่บนเกาะต่าง ๆ ไปรษณีย์ในสถานศึกษา หน่วยงานราชการ หน่วยงานทหาร บางแห่ง เป็นต้น ไปรษณีย์ดังกล่าวจะใช้ชื่อ ปณจ. ในท้องที่ ตามด้วยตัวเลขสามหลัก เริ่มนับจาก 101 ตัวอย่างเช่น ไปรษณีย์รองเมือง 102 ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เขตปทุมวัน ซึ่งมี ปณจ. รองเมือง รับผิดชอบนำจ่ายไปรษณีย์ภัณฑ์ในท้องที่ สำหรับ ปณอ. รับจ่าย จะมีรหัสไปรษณีย์ของตัวเอง ส่วน ปณอ. รับฝาก จะใช้รหัสไปรษณีย์ของ ปณจ. ที่รับผิดชอบ
- ที่ทำการไปรษณีย์ชั่วคราว (ปณค., temporary post office) เป็นที่ทำการที่เปิดขึ้นชั่วคราวตามงานต่าง ๆ เช่น งานกาชาด งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ฯลฯ ให้บริการรับฝากไปรษณีย์ภัณฑ์ นิยมใช้รหัสไปรษณีย์ชอง ปณจ. ท้องที่
- ที่ทำการไปรษณีย์รถยนต์ (ปณย., mobile post office) เป็นที่ทำการที่อยู่บนรถบัสขนาดเล็ก ออกวิ่งไปจอดให้บริการตามจุดต่าง ๆ ซึ่งในแต่ละวันสามารถออกให้บริการได้หลายจุด ให้บริการรับฝากไปรษณีย์ภัณฑ์
ในอดีตประเทศไทยยังเคยมีที่ทำการไปรษณีย์รถไฟด้วย แต่ปัจจุบันยกเลิกแล้ว สำหรับบริษัทเอกชนที่ให้บริการรับฝากไปรษณีย์แต่ไม่เป็นสถานะที่ทำการไปรษณีย์อนุญาต จะเรียกว่า ผู้รวบรวมไปรษณีย์ ซึ่งต้องมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องกับ ปณท.
ในอดีตสมัยที่เป็น กรมไปรษณีย์โทรเลข และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ชื่อประเภทของที่ทำการไปรษณีย์ข้างบนใช้ชื่อว่า ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข แทน ที่ทำการไปรษณีย์ เช่น ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขรับจ่าย (ปทจ.) ยกเว้นที่ทำการไปรษณีย์รถยนต์ ในอดีตเรียก ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขเคลื่อนที่ (ปทค.) ส่วนที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขชั่วคราวใช้ชื่อย่อเป็น ปทช.
การเช็คพัสดุ EMS ผ่านระบบออนไลน์
[แก้]ปัจจุบันการขนส่งได้รับความนิยมโดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจการซื้อขายของออนไลน์ แน่นอนว่าไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาระบบการตรวจสอบพัสดุธรรมดา และแบบส่งด่วน ให้ลูกค้าได้ทำการเช็คสถานะสิ่งของจัดส่ง ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับความนิยม ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นในการขนส่งได้เป็นอย่างดี
ศูนย์ไปรษณีย์ไทย
[แก้]นอกจากบริษัทไปรษณีย์ไทยแล้ว ทางบริษัทได้จัดตั้งศูนย์กระจายไปรษณีย์ 20 แห่งดังนี้
- กรุงเทพมหานคร - ปริมณฑล :
- ศูนย์หลักสี่
- ศูนย์กรุงเทพ
- ศูนย์ด่วนพิเศษ
- ศูนย์สุวรรณภูมิ
- ภาคกลาง - ภาคตะวันออก :
- ศูนย์ศรีราชา
- ศูนย์ราชบุรี
- ศูนย์อยุธยา
- ศูนย์กบินทร์บุรี
- ภาคเหนือ :
- ศูนย์เด่นชัย
- ศูนย์ลำพูน
- ศูนย์พิษณุโลก
- ศูนย์นครสวรรค์
- ภาคอีสาน :
- ศูนย์อุดรธานี
- ศูนย์ขอนแก่น
- ศูนย์นครราชสีมา
- ศูนย์อุบลราชธานี
- ศูนย์สกลนคร
- ภาคใต้ :
- ศูนย์หาดใหญ่
- ศูนย์ทุ่งสง
- ศูนย์ชุมพร
รางวัล
[แก้]ปี | รางวัล | สาขา | ผล |
---|---|---|---|
2566 | Thailand Zocial Awards 2023[6] | Best Brand Performance on Social Media กลุ่มธุรกิจบริการขนส่งพัสดุและไปรษณียภัณฑ์ | ชนะ |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ “ไปรษณีย์ไทย” โชว์ปี 2566 รายได้ทะลุ 2 หมื่นล้าน พลิกกำไร 78.54 ล้านบาท ฐานเศรษฐกิจ
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 รายงานประจำปี 2566 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
- ↑ พระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519
- ↑ "พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2546" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-05-03. สืบค้นเมื่อ 2012-06-22.
- ↑ "ปิดตำนานบริการโทรเลข". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-08. สืบค้นเมื่อ 2021-05-08.
- ↑ "ประกาศผล Thailand Social Awards ครั้งที่ 11 แบรนด์และผู้ทรงอิทธิพลบนโลกโซเชียลยกทัพร่วมงานคับคั่ง". ไทยรัฐ. 2023-02-24. สืบค้นเมื่อ 2023-02-25.