โรคมะเร็งคาโปซี
มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาดแหล่งที่มา หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{ละเมิดลิขสิทธิ์}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐานในหน้าอภิปราย โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
โรคมะเร็งคาโปซิซาร์โคมา (Kaposi's sarcoma) ซึ่ง แพทย์บางท่านเรียกย่อว่า โรคเคเอส (KS) เป็นโรคได้ชื่อตามแพทย์ผู้วินิจฉัยโรคนี้เป็นคนแรก คือ นพ. คาโปซิ เป็นโรคพบบ่อยมากในผู้ป่วยเอดส์ เป็นมะเร็งของเนื้อเยื่อ มีเซ็นคัยมาล (Mesenchymal) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อตัวอ่อนที่จะเจริญเปลี่ยนเป็นเซลล์เนื้อเยื่อได้หลายชนิด เช่น หลอดเลือด และหลอดน้ำเหลือง ดังนั้น มะเร็งชนิดนี้ จึงพบได้ในทุกอวัยวะทั่วตัว เช่น ผิวหนังทุกส่วน ในช่องปาก ในเนื้อเยื่อปอด และในลำไส้ และมักเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ จุดทั่วตัว แต่ที่พบบ่อย คือ บริเวณขา และใบหน้า
อาการ มะเร็งชนิดนี้ มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อ ค่อนข้างกลม สีคล้ำ มีขนาดต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ เล็กกว่า 1 เซนติเมตร ไปจนถึง 10 เซนติเมตร เมื่อก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ มักทำให้เกิดอาการบวมของเนื้อเยื่อข้างเคียง และมีต่อมน้ำเหลือง ใกล้เคียงโต คลำได้ เช่น อาการขาบวม และต่อมน้ำเหลืองขาหนีบด้านเกิดโรคโต เมื่อโรคเกิดขึ้นในบริเวณขา เป็นต้น
สาเหตุ มะเร็งคาโปซิ เกิดจากร่างกายติดเชื้อไวรัสชนิด Human herpesvirus 8 (HHV8) ซึ่งไวรัสตัวนี้ เป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิด การติดเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic infection) โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ก็คือ การมีภูมิคุ้มกันต้านทานร่างกายบกพร่องสาเหตุจาก โรคเอดส์ อย่างไรก็ตาม สามารถพบโรคนี้เกิดได้บ้าง ในคนมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคปกติ
การวินิจฉัย โดยการตรวจชิ้นเนื้อ ทางพยาธิวิทยา เช่นเดียวกับโรคมะเร็งทุกชนิด และโดยทั่วไป ยังไม่มีการแบ่งระยะโรค
การรักษา คือ การให้ยาต้านไวรัสเอดส์ ยาเคมีบำบัด และอาจให้รังสีรักษาร่วมด้วยเมื่อก้อนมะเร็งมีขนาดโตมาก หรือ ไม่ตอบสนองต่อยาเคมีบำบัด แต่เมื่อก้อนเนื้อมีขนาดเล็ก และเกิดเฉพาะที่ แพทย์บางท่านใช้การตัดออกโดยการจี้ด้วย ความเย็น หรือ ด้วยแสงเลเซอร์
ความรุนแรงของโรค หรือ โอกาสรักษาหาย ขึ้นกับการรักษาควบคุมโรคเอดส์ ถ้าควบคุมโรคเอดส์ได้ มะเร็งคาโปซิ มักตอบสนองต่อการรักษาได้ดี แต่ถ้าควบคุมโรคเอดส์ไม่ได้ ก็มักควบคุมมะเร็งคาโปซิไม่ได้
การติดต่อ ไวรัสชนิดก่อโรคมะเร็งคาโปซินี้ มีอยู่ในน้ำลาย และในเลือดของผู้ป่วย ดังนั้น จึงสามารถติดต่อกันได้ในหมู่รักร่วมเพศ โดยการสัมผัสน้ำลาย และเลือดของผู้ป่วย