ข้ามไปเนื้อหา

เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012

พิกัด: 39°42′21″N 104°49′14″W / 39.7059°N 104.8206°W / 39.7059; -104.8206
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012
ที่เกิดเหตุยิงกัน
โรงภาพยนตร์เซ็นจูรี 16 ที่ใจกลางเมืองออโรรา
ล่างซ้าย: แผนที่ของรัฐโคโลราโดกับเมืองเดนเวอร์ มีวงกลมเน้นที่เมืองออโรรา
บน: แผนที่บริเวณกลางเมืองออโรรา
ล่างขวา: ห้างสรรพสินค้าออโรราทาวน์เซนเตอร์และโรงภาพยนตร์เซนจูรี 16
สถานที่14300 ถนน อี. แอละเมดา
ออโรรา, โคโลราโด, สหรัฐอเมริกา[1]
พิกัด39°42′21″N 104°49′14″W / 39.7059°N 104.8206°W / 39.7059; -104.8206
วันที่12:38, 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 (UTC-06:00) (2012-07-20T12:38UTC-06:00)
ประเภทการสังหารหมู่
อาวุธ
  • ระเบิดแก๊สน้ำตา
  • ปืนเล็กยาว สมิธแอนด์เวสสัน เอ็มแอนด์พี 15
  • ปืนลูกซอง เรมิงตัน โมเดล 870
  • ปืนพก กล็อก 22 2 กระบอก[2][3]
  • ตาย12
    เจ็บ58[4]

    เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012 เกิดขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) มีมือปืนเปิดฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight Rises (แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด) รอบปฐมทัศน์เที่ยงคืน ที่โรงภาพยนตร์ซินิมาร์ก (Cinemark) ในเมืองออโรรา รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บอีก 58 คน มือปืนสวมชุดเกราะกันกระสุนทั้งตัว และลงมือคนเดียวโดยเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์และปล่อยระเบิดแก๊สน้ำตา จากนั้นจึงเปิดฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์ด้วยอาวุธปืนหลายประเภท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถจับกุมมือปืนได้หลังโรงภาพยนตร์โดยมือปืนชื่อ นายเจมส์ อีแกน โฮมส์ เป็นนักศึกษาปริญญาเอกอายุ 24 ปี การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ยิงกันที่มีเหยื่อ (รวมผู้บาดเจ็ดและผู้เสียชีวิต) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา[5]

    เหตุการณ์

    [แก้]

    การกราดยิงเกิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์โรงที่ 9 ในโรงภาพยนตร์เซนจูรีซิกซ์ทีน (Century 16) ที่อยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าทาวน์เซนเตอร์แอตออโรรา (Town Center at Aurora) ผู้ลงมือซื้อตั๋วภาพยนตร์แล้วเดินเข้าไปในโรง 9 แล้วเดินออกไปยังทางออกฉุกเฉิน เปิดประตูทิ้งไว้ เพื่อไปหยิบปืน และเปลี่ยนชุดจากรถที่จอดอยู่ใกล้ประตูทางออกพร้อมกับเอาอาวุธจากรถของเขาที่จอดอยู่หลังทางออก[6] หลังจากที่ภาพยนตร์ฉายไปประมาณครึ่งชั่วโมง[7] คนร้ายจึงกลับเข้ามาในโรงภาพยนตร์ โดยใส่ชุดสีดำ พร้อมหมวกเหล็กกันกระสุน เสื้อกั๊กบรรจุสัมภาระ ปลอกคอป้องกัน สนับขากันกระสุน เล็กกิ้งกันกระสุน กระจับ หน้ากากกันแก๊ส และถุงมือทางยุทธวิธี ตามคำพูดของแดน โอตส์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองออโรรา[1][8][9][10] ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นมือปืนเป็นอันตรายในตอนแรกเมื่อเขาเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ เนื่องจากเขาสวมชุดที่ดูเป็นเครื่องแบบ ซึ่งก็มีผู้ชมคนอื่นที่แต่งตัวในลักษณะคล้ายกันเพื่อมาชมภาพยนตร์ จึงคิดกันว่ามือปืนคนนี้แค่แกล้งทำเฉยๆ จนกระทั่งเขาปล่อยระเบิดแก๊สออกมา แล้วเริ่มยิงปืน[7] แต่แม้ถึงตอนนั้น ก็ยังมีผู้ชมบางคนที่คิดว่ามือปืนกำลังทำการโปรโมตภาพยนตร์ และการยิงปืนคือการใช้สเปเชียลเอฟเฟคเพื่อโปรโมตหนังในรอบปฐมทัศน์ของทางผู้ผลิตหรือของทางโรงภาพยนตร์เอง[11]

    การโจมตีเริ่มขึ้นเวลา 00.38 น. มือปืนเปิดการโจมตีด้วยการปากระป๋องที่ปล่อยแก๊สหรือควันที่บดบังทัศนวิสัยของผู้ชมภาพยนตร์ ทำให้พวกเขาเกิดอาการคันคอและผิวหนัง และทำให้ตาระคายเคือง[12] แล้วเขาก็ใช้ปืนลูกซองเรมิงตัน โมเดล 870 ขนาด 12 เกจยิงขึ้นไปบนเพดานก่อนที่จะยิงผู้ชม และยังใช้ปืนเล็กยาวสมิธแอนด์เวสสัน เอ็มแอนด์พี 15[13] ที่มีซองกระสุนรูปกล่องขนาด 100 นัด ในการยิงด้วยแต่อาวุธเกิดขัดลำกล้องหลังจากที่ยิงไปประมาณ 30 นัด[13][14][15] อาวุธสุดท้ายที่เขาใช้คือปืนพกกล็อก 22ลำกล้องขนาด .40[16] โดยยิงไปที่หลังโรง ก่อนจะยิงใส่คนที่อยู่ระหว่างแถวที่นั่ง[11] มีกระสุนบางนัดเจาะทะลุผนังโรงออกไปโดนผู้ชมในโรง 8 ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน[6] พยานให้การว่าหลังการโจมตีเกิดขึ้นไม่นาน สัญญาณเตือนภัยของโรงภาพยนตร์ก็ดังขึ้น และมีพนักงานบอกให้ผู้ชมในโรง 8 ทำการอพยพ[17] พยานอีกคนหนึ่งกล่าวว่าเธอไม่กล้าออกไปเพราะมีคนตะโกนเตือนไม่ให้ออกไป เพราะคนร้ายอยู่ในล็อบบี้[18]

    มีโทรศัพท์ที่โทรไปแจ้งเหตุฉุกเฉินสายแรกเวลา 00.39 น. ตำรวจมาถึงในอีก 90 วินาทีต่อมา[19]และทำการจับกุมผู้ต้องหาได้เวลา 00.45 น.[20] และพบซองกระสุนปืนพกขนาด .40 อย่างน้อย 3 ซอง, ปืนลูกซอง 1 กระบอกและซองกระสุนรูปกล่อง 1 ซองอยู่บนพื้นในโรงภาพยนตร์[21] มีผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนรายงานเหตุยิงกันผ่านทวิตเตอร์และเอสเอ็มเอสแต่ไม่ได้แจ้งตำรวจ[14] ตำรวจชุดแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุบางส่วนตัดสินใจไม่รอรถพยาบาลและนำผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนด้วยรถสายตรวจ[22]

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายโฮมส์ในเวลา 00.45 น.[20] บริเวณหลังโรงภาพยนตร์ข้างๆ รถของเขาเอง อย่างไม่มีการขัดขืน องค์กรรักษากฎหมายจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สององค์กรบอกกับเอบีซีนิวส์ว่าผู้ต้องสงสัยทำผมสีแดง และเรียกตัวเองว่า "โจ๊กเกอร์"[23] ตัวร้ายในเรื่องแบทแมน แต่ต่อมาทางการปฏิเสธที่จะยืนยันเรื่องนี้ สามวันต่อมา นายโฮมส์ปรากฏตัวในศาลเป็นครั้งแรกที่เมืองเซ็นเท็นเนียล รัฐโคโลราโด ในผมสีส้มอมแดง[24][25][26] เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธหลายกระบอกภายในรถของผู้ต้องหา รวมถึงปืนพกกล็อก 22 อีกหนึ่งกระบอก[27][28] หลังเกิดเหตุ โฮมส์ถูกควบคุมตัวในสถานกักกันอะแรพาโฮเป็นการชั่วคราว ภายใต้การเฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย[29] ตำรวจทำการสอบปากคำพยานกว่า 200 คนที่อยู่ในเหตุการณ์[30] ตำรวจฝ่ายสืบสวนเชื่อว่ามือปืนลงมือด้วยตัวเอง และไม่ได้มีส่วนในขบวนการก่อการร้ายใดๆ[19] ผู้ต้องหาชื่อเจมส์ อีแกน โฮมส์ โดย 60 วันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิง โฮมส์ซื้อกระสุนมากว่า 6,000 นัด[31][32]โดยทั้งอาวุธและกระสุนที่ใช้ในการยิงครั้งนี้ โฮมส์ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยซื้อปืนจากร้านปืนท้องถิ่น และซื้อกระสุนจากอินเทอร์เน็ต[33][34]

    เหยื่อ

    [แก้]

    มีผู้ถูกยิงทั้งหมด 70 คน เสียชีวิต 12 คน และได้รับบาดเจ็บ 58 คน ซึ่งยอดนี้ถือเป็นยอดผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา[5] และยังเป็นเหตุยิงกันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดตั้งแต่การสังหารหมู่ที่โรงเรียนโคลัมไบน์ไฮสคูลใน ค.ศ. 1999 มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 10 คน และอีก 2 คนเสียชีวิตระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล รายนามผู้เสียชีวิตมีดังต่อไปนี้

    • โจนาธาน เบิร์ก, อายุ 24 ปี
    • อเล็กแซนเดอร์ เจ. บอยก์, อายุ 18 ปี
    • เจสซี ชายล์เดรส, อายุ 29 ปี
    • เจสสิกา กาวี, อายุ 24 ปี
    • จอห์น แลริเมอร์, อายุ 27 ปี
    • แมท แม็คควิน, อายุ 27 ปี
    • มิเคลา มีเด็ค, อายุ 23 ปี
    • เวโรนิกา โมเซอร์-ซัลลิแวน, อายุ 6 ปี
    • อเล็กซ์ ซัลลิแวน, อายุ 27 ปี
    • อเล็กแซนเดอร์ ซี. เตเวส, อายุ 24 ปี
    • รีเบ็คคา วิงโก, อายุ 32 ปี

    แอชลีย์ โมเซอร์ แม่ของเวโรนิกา โมเซอร์-ซัลลิแวน และกำลังอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสและแท้งบุตรหนึ่งสัปดาห์หลังเกิดเหตุ[35]

    ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็กโคโลราโด, ศูนย์การแพทย์เดนเวอร์เฮลท์, ศูนย์การแพทย์ออโรรา, โรงพยาบาลพาร์เกอร์แอดเวนทิสต์, ศูนย์การแพทย์โรส, โรงพยาบาลสวีดิชและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคโลราโด และยังมีการตั้งจุดรักษาพยาบาลชั่วคราว ณ บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนไฮสคูลเกตเวย์เพื่อสอบปากคำ อายุของเหยื่อมีตั้งแต่ 3 ปีไปจนถึง 51 ปี[36][37] ในวันที่ 25 กรกฎาคม โรงพยาบาล 3 แห่งที่ทำการรักษาผู้บาดเจ็บประกาศว่าจะทำการกำหนดเพดานค่ารักษาพยาบาลหรือยกหนี้ให้ทั้งหมด[38]

    มูลนิธิคอมมิวนิตีเฟิร์สรวบรวมเงินได้กว่า 5 ล้านดอลลาร์เป็นทุนให้กับเหยื่อและครอบครัวของเหยื่อ[39] ในเดือนกันยายน เหยื่อและครอบครัวของเหยื่อได้รับแบบสอบถามเกี่ยวกับวิธีกระจายทุนที่ต้องการ ระหว่างการแบ่งให้เหยื่อทุกคนเท่าๆ กัน หรือได้ตามการประเมินความจำเป็น[40]

    ผู้ต้องสงสัย

    [แก้]
    เจมส์ โฮมส์
    เกิดเจมส์ อีแกน โฮมส์[6]
    (1987-12-13) 13 ธันวาคม ค.ศ. 1987 (36 ปี)[41]
    แซนดีเอโก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
    สัญชาติอเมริกัน
    การศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์
    ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์
    มหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ (ไม่สำเร็จการศึกษาปริญญาดุษฎีบัณฑิต) [42]
    มีชื่อเสียงจากผู้ต้องหาคดีเหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012
    ถูกกล่าวหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 24 กระทง
    พยายามฆ่า 140 กระทง
    ครอบครองวัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมาย 1 กระทง
    เพิ่มโทษเนื่องจากเป็นอาชญากรรมที่มีความรุนแรง[43]
    รับโทษต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต 12 ครั้งโดยไม่สามารถขอทัณฑ์บน และจำคุกเพิ่มอีก 3,318 ปี[44][45][46]
    สถานะทางคดีจำคุก

    ประวัติ

    [แก้]

    มือปืนผู้ต้องหาชื่อ เจมส์ อีแกน โฮมส์ (อังกฤษ: James Eagan Holmes) เกิดวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1987 และเติบโตขึ้นมาในชุมชนแรนโชเพนญาสควิโทส เมืองแซนดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย[41][31] สำเร็จการศึกษาระดับไฮสกูลจากโรงเรียนไฮสกูลเวสต์วิวในชุมชนทอร์รีย์ไฮแลนส์ เมืองแซนดีเอโก ในปี 2006[47][48] ต่อมา เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง[49][50] ในสาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์ ในปี 2010[51] แล้วจึงเข้าสมัครเป็นนักศึกษาในระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด วิทยาเขตการแพทย์แอนสชุตซ์ ที่เมืองออโรรา ซึ่งเขาได้รับทุนจากรัฐบาลกลางและเป็นหนึ่งในนักศึกษาเพียง 6 คนที่ได้รับทุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ[52] ในปี 2012 ผลการเรียนของเขาตกต่ำลงและเขาทำคะแนนได้ไม่ดีในการสอบความเข้าใจ[42] แม้ว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้มีแผนที่จะปลดเขาออกจากความนักศึกษา แต่โฮมส์ก็ได้ดำเนินการ และกำลังอยู่ในกระบวนการถอนวิชาออกจากวิทยาลัย[53] โฮมส์ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน[54]

    สื่อต่างๆ รายงานว่าพวกเขาพบร่องรอยในอินเทอร์เน็ตของโฮมส์น้อยมาก นอกจากอีเมลของมหาวิทยาลัยและรูปเก่าในมายสเปซเท่านั้น[55]

    มีการค้นพบว่าไม่ถึงเดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ โฮมส์สมัครเป็นสมาชิกที่สนามยิงปืนแห่งหนึ่ง โดยเจ้าของสนามยิงปืนเคยโทรหาโฮมส์และได้ยินเสียงฝากข้อความที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องแบทแมน[56]

    การพิจารณาคดี

    [แก้]

    ในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 โฮมส์ พร้อมกับผมย้อมสีส้มอมแดง ปรากฏตัวต่อในศาลที่เมืองเซนเทนเนียล, โคโลราโด[57] ต่อหน้าผู้พิพากษาวิลเลียม บี. ซิลเวสเตอร์[58] โฮมส์ได้รับฟังสิทธิ์ของผู้ต้องหา[59]และไม่ได้ขอประกันตัว[60] ผู้พิพากษาออกคำสั่งคุ้มครอง[61]และแต่งตั้งทนายของรัฐให้กับผู้ต้องหา[59] ระหว่างการปรากฏตัวในศาล โฮมส์ไม่พูดอะไรและไม่มองหน้าผู้พิพากษา มองแต่เอกสารที่เขากำลังถืออยู่ เหม่อมองไปข้างหน้า[58] และมีสีหน้าท่าทางมึนงง[60]

    ในวันที่ 30 กรกฎาคม อัยการรัฐโคโลราโดยื่นข้อกล่าวหานายโฮมส์ต่อศาล โดยตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 24 กระทงและข้อหาพยายามฆ่า 116 กระทง พร้อมทั้งยังยื่นข้อกล่าวหาสองข้อหาดังกล่าวแทนเหยื่อแต่ละคนเพื่อเพิ่มโอกาสในการพิพากษาลงโทษ[62] ผู้พิพากษาศาลเขตแห่งรัฐโคโลราโด วิลเลียม บี. ซิลเวสเตอร์ ผู้พิจารณาคดี ได้ออกคำสั่งศาลไม่ให้ทนายความและตำรวจเปิดเผยข้อมูล, ปกปิดบันทึกศาลเป็นความลับ และห้ามมหาวิทยาลัยโคโลราโดเปิดเผยข้อมูลสาธารณะที่เกี่ยวกับประวัติของโฮมส์ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่นั่น องค์กรสื่อต่างๆ คัดค้านผู้พิพากษาให้ยกเลิกการปกปิดบันทึกศาล[63]

    ในวันที่ 9 สิงหาคม ทนายความของโฮมส์กล่าวว่าโฮมส์เป็นผู้ป่วยทางจิต และฝ่ายจำเลยต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อประเมินลักษณะความผิดปกติทางจิต คำกล่าวนี้ได้รับการเปิดเผยในการพิจารณาคดีที่เซนเทนเนียล, โคโลราโด เมื่อองค์กรสื่อขอให้ผู้พิพากษายกเลิกการปกปิดบันทึกศาลในกรณีนี้[64] ในวันที่ 24 สิงหาคม ฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่านายโฮมส์บอกกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนว่าเขาอยากฆ่าคน ก่อนเกิดเหตุ 4 เดือน[65]

    ในวันที่ 30 สิงหาคม ผู้พิพากษาสั่งให้สมุดบันทึกของโฮมส์ (ซึ่งโจทก์กล่าวหาว่าเขาเขียนอธิบายการโจมตีไว้) ได้รับความคุ้มครองจากสิทธิ์ของแพทย์-ผู้ป่วย ในระหว่างที่โฮมส์ปรึกษากับจิตแพทย์ ทำให้หลักฐานนี้ใช้การไม่ได้ในศาล นอกจากอาการผิดปกติทางจิตของโฮมส์จะเป็นประเด็นขึ้นมาในคดี ในวันที่ 20 กันยายน ฝ่ายโจทก์จึงถอนคำขอตรวจสอบสมุดบันทึก[66] ด้วยเหตุที่นายโฮมส์พยายามฆ่าตัวตาย ผู้พิพากษาซิลเวสเตอร์จึงเลื่อนการพิจารณาคดีไปจนเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012

    ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2013 อัยการและทนายความฝ่ายจำเลยกลับมาที่ศาลอีกครั้งเพื่อฟังการไต่สวนขั้นต้น[67] ในระหว่างการไต่สวน มีการรายงานว่าพนักงานสืบสวนพบขวดยาตามใบสั่งแพทย์ 4 ขวดและประวัติการก่อภูมิคุ้มกันจากอพาร์ตเมนท์ของโฮมส์ ที่ถูกตรวจค้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 ไม่มีการเปิดเผยว่าแพทย์สั่งยาอะไร แต่ผู้พิพากษาตัดสินตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 ว่าโจทย์สามารถเก็บหลักฐานนี้ได้[68]

    ในวันที่ 27 มีนาคม ทนายความฝ่ายจำเลยยื่นข้อเสนอให้โฮมส์รับผิด เพื่อแลกกับการที่ฝ่ายโจทก์ตกลงที่จะไม่ขอให้มีการลงโทษประหารชีวิต[69] ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน ฝ่ายโจทย์ประกาศว่าจำเลยปฏิเสธข้อเสนอ โดยอัยการเขตอะแรพาโฮเคาน์ตี จอร์จ บร็อกเลอร์ ประกาศว่า "ตั้งใจและต้องการให้เจมส์ อีแกน โฮมส์ได้รับโทษประหารชีวิต"[70]

    ระเบิดในที่พัก

    [แก้]

    เมื่อถูกจับกุม นายโฮมส์บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีระเบิดอยู่ในที่พักของเขา ที่อยู่ทางตอนเหนือของออโรรา[31] ตำรวจจึงทำการเข้าไปตรวจสอบบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไป 8 กิโลเมตร[71] โดยเข้าไปตรวจด้วยความระมัดระวังว่าอาจมีระเบิด[9] อาคารอพาร์ทเมนต์[72] ที่ผู้ต้องหาอยู่อาศัยเป็นอาคารที่มีให้เฉพาะนักศึกษา คนไข้ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคโลราโดเท่านั้น[31] เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า โฮมส์บอกกับตำรวจว่าเขาได้ทำการวางกับระเบิดไว้ในอพาร์ตเมนต์ของตัวเองก่อนที่จะเดินทางไปโรงภาพยนตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดการอพยพคนออกจากอาคาร 5 อาคารที่อยู่ข้างเคียงและทำการเคลียร์บริเวณ[54] เจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้บันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องพักของโฮมส์ ซึ่งพวกเขาใช้เสาติดกล้องเพื่อตรวจสอบห้อง และยืนยันคำพูดของโฮมส์ เนื่องจากห้องพักดังกล่าวมีกับระเบิดอยู่เต็มห้อง[73] โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายลักษณะของระเบิดที่พบว่ามีความซับซ้อนมาก[74] ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้อาศัยอยู่ใต้ห้องของโฮมส์ได้ยินเสียงเพลงดัง ดังมาจากห้องของโฮมส์ จนผู้อาศัยหญิงคนหนึ่งไปเคาะประตูแล้วบอกว่าจะแจ้งตำรวจ เธอพบว่าประตูไม่ได้ล็อก แต่เลือกที่จะไม่เปิด เธอโทรไปแจ้งตำรวจเรื่องเสียงดังรบกวน แต่ในตอนนั้นเกิดเหตุยิงกันขึ้นพอดี ตำรวจจึงไม่ได้ตอบสนองต่อการโทรแจ้งนี้ หลังเกิดเหตุ เมื่อเธอทราบว่าในห้องมีกับระเบิดอยู่ เธอจึงกล่าวว่า "ฉันกลัวว่าถ้าฉันเปิดประตู ฉันอาจจะทำให้เกิดระเบิดไปแล้ว"[75][76]

    หนึ่งวันหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็สามารถปลดลวดสะดุดระเบิดและอุปกรณ์ระเบิดได้บางส่วน[77] โดยใช้ตะขอเกี่ยวและรถติดบันไดของตำรวจดับเพลิง เพื่อเปิดทางให้คนหรือหุ่นยนต์สามารถเข้าไปในห้องพักได้[78] ตำรวจฝ่ายสืบสวนทำการเก็บหลักฐานต่างๆ ในห้องพักของผู้ต้องหา และพบสิ่งของหลายๆ อย่างซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงหน้ากากแบทแมน โดยตำรวจเก็บหลักฐานจากห้องพักของเขาเสร็จแล้ว แต่ยังไม่อนุญาตให้ผู้อาศัยกลับเข้าไปในอาคารเนื่องจากกลัวอันตรายที่เกิดจากสารเคมี[79] เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าพบหน้ากากแบทแมนภายในอพาร์ทเมนต์[80] ในวันที่ 23 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานในอพาร์ทเมนต์เสร็จ[81] และอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยกลับเข้าไปอาศัยในอีก 2 วันต่อมา[82]

    การตอบสนองต่อเหตุยิงกัน

    [แก้]

    รัฐบาลและนานาชาติ

    [แก้]
    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เข้าเยี่ยมเหยื่อจากเหตุยิงกันที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคโลราโดในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2012

    ในค่ำหลังเกิดเหตุการณ์ มีการรวมตัวเพื่อจุดเทียนไว้อาลัย ณ จุดเกิดเหตุ ในรัฐโคโลราโด[83] นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา แสดงความเสียใจต่อเหยื่อในเหตุการณ์และครอบครัวของเหยื่อ และสั่งให้ลดธงลงครึ่งเสาในอาคารของรัฐบาลเพื่อไว้อาลัยให้เหยื่อจนวันที่ 25 กรกฎาคม[84] ทีมหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 2012 ทั้งของนายบารัค โอบามาจากพรรคเดโมแครต และนายมิตต์ รอมนีย์ คู่ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน ต่างก็หยุดการโฆษณาหาเสียงทางโทรทัศน์ในรัฐโคโลราโดเป็นการชั่วคราว[85][86] ในวันที่ 22 กรกฎาคม นายโอบามาเข้าพบกับเหยื่อ และเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับท้องถิ่นและรัฐ และยังกล่าวคำปราศรัยผ่านทางโทรทัศน์ทั่วประเทศจากเมืองออโรราอีกด้วย[87][88] นอกจากนี้ ผู้นำของประเทศต่างๆ ได้ส่งข้อความแสดงความใจต่อสหรัฐฯ รวมไปถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร[89], ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟร็องซัว ออล็องด์[90], นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู[91], ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน[92] และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16[93]

    อุตสาหกรรมบันเทิง

    [แก้]

    วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ผู้จำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight Rises กล่าวว่าพวกเขาเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบริษัทได้ทำการยกเลิกรอบปฐมทัศน์กาลาพรีเมียร์ในปารีส, เม็กซิโกและญี่ปุ่น[94][95] และลดขนาดการทำการตลาดของภาพยนตร์เรื่องนี้ในฟินแลนด์[96][97] และตัดสินใจที่จะไม่รายงานรายได้ของภาพยนตร์จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2012[98] สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ค่ายอื่นก็ตัดสินใจไม่เปิดเผยรายได้จากการชมภาพยนตร์ในวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 เช่นกัน[99] มีการรายงานว่าวอร์เนอร์ บราเธอร์สจะทำการบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับมูลนิธิคอมมิวนิตีเฟิร์สในโคโลราโดเพื่อมอบให้กับเหยื่อจากเหตุยิงกัน[100]

    คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับภาพยนตร์ พูดในนามของนักแสดงและทีมงานโดยกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ป่าเถื่อน" และ "ร้ายแรงเป็นอย่างมาก"[101] คริสเตียน เบล ผู้แสดงเป็นแบทแมน เข้าเยี่ยมเหยื่อเป็นการส่วนตัวในวันที่ 24 กรกฎาคม[102] ฮานส์ ซิมเมอร์ ผู้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ให้ The Dark Knight Rises ได้ทำการบันทึกเพลงประสานเสียงชื่อว่า "Aurora" เพื่อเป็นเกียรติให้กับเหยื่อในเหตุการณ์[103] โฆษณาทางโทรทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้บางตัวถูกยกเลิก[104] นอกจากนี้ วอร์เนอร์ บราเธอร์สยังขอให้โรงภาพยนตร์หยุดฉายตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Gangster Squad ที่ฉายก่อนภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight Rises ไปแล้วในบางเมืองในสหรัฐอเมริกา (แต่ไม่เคยฉายในออโรรา)[105] เนื่องจากมีฉากหนึ่งที่มีการสังหารหมู่ผู้ชมในโรงภาพยนตร์ด้วยอาวุธอัตโนมัติ[106][107] ภาพยนตร์ Gangster Squad ถูกเลื่อนกำหนดออกฉายไปถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 โดยฉากในโรงภาพยนตร์ถูกแทนที่ด้วยฉากใหม่ที่เกิดขึ้นในสถานที่อื่น[108]

    ซินีมาร์ค บริษัทที่เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ตกลงที่จะจ่ายค่าทำศพให้กับครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต ในส่วนที่กองทุนชดเชยเหยื่อจากอาชญากรรมไม่ได้คุ้มครอง[109] ซินีมาร์คปิดโรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ เซ็นจูรี ออโรรา 16 หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ และเปิดทำการใหม่อีกครั้งในวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 2013 โดยมีนายสตีฟ โฮแกน นายกเทศมนตรีเมืองออโรราเป็นประธานในพิธีเปิด[110]

    ไม่นานหลังเกิดเหตุการณ์ กรมตำรวจในบางเมืองและโรงภาพยนตร์บางแห่งทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา[111]เพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่โรงภาพยนตร์เนื่องจากกลัวเกิดการลอกเลียนแบบ[112][113] ในนครนิวยอร์ก มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปดูแลโรงภาพยนตร์ที่ฉายภาพยนตร์เรื่องใหม่[114] สมาคมเจ้าของโรงภาพยนตร์แห่งชาติส่งรายการตรวจสอบจากกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิให้กับสมาชิกและกล่าวในแถลงการณ์วันที่ 21 กรกฎาคมว่า "สมาชิกสมาคมกำลังทำงานกับหน่วยงานรักษากฎหมายท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด และกำลังตรวจสอบขั้นตอนการรักษาความปลอดใหม่ใหม่"[115][116] เครือโรงภาพยนตร์เอเอ็มซีประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ชมแต่งชุดที่ทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ และจะไม่อนุญาตให้นำหน้ากากหรืออาวุธปลอมเข้าไปในโรงภาพยนตร์อีกต่อไป[117]

    อ้างอิง

    [แก้]
    1. 1.0 1.1 Parker, Ryan; Lee, Kurtis; Ingold, John; Steffen, Jordan; Brown, Jennifer (July 20, 2012). "Family identifies 27-year-old victim of Aurora theater shooting". The Denver Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    2. "Police: Suspect wore body armor, used assault rifle, shotgun, Glock handgun in theater attack". CBS. Associated Press. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    3. "Batman premiere gunman looked like 'assassin ready for war'". CBC News. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    4. Brown, Jennifer (July 21, 2012). "12 shot dead, 58 wounded in Aurora movie theater during Batman premier". The Denver Post. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    5. 5.0 5.1 "Colorado Movie Theater Shooting: 70 Victims The Largest Mass Shooting". Good morning America. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-21. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    6. 6.0 6.1 6.2 Carter, Chelsea J.; Pearson, Michael (July 20, 2012). "Gunman turns 'Batman' screening into real-life 'horror film'". CNN. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    7. 7.0 7.1 Muskal, Michael (July 20, 2012). "Questions, but few answers, in Colorado shooting; 12 dead, dozens hurt". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    8. "Theater Rampage Jolts Nation". The Wall Street Journal. July 20, 2012.
    9. 9.0 9.1 "70 Shot In Movie Theater Mass Shooting; 12 Killed". The Denver Channel. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-21. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    10. Levs, Josh; Castillo, Mariano (July 20, 2012). "Gunman turns movie into surreal horror: 'This is real'". CNN. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    11. 11.0 11.1 Pilkington, Ed; Matt Williams (July 20, 2012). "Colorado theater shooting: 12 shot dead during The Dark Knight Rises screening". The Guardian. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    12. Statement by Chief Dan Oates on Channel 7 News, Denver. Date: July 20, 2012.
    13. 13.0 13.1 "Rifle failure that stopped yet more batman carnage". Daily Express. July 23, 2012. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    14. 14.0 14.1 "Paul Toohey Horror inside a heart of Darkness". The Advertiser. July 28, 2012. pp. 52–61.
    15. Fahrenthold, David A. (July 22, 2012). "Colorado shooting spree could have been worse; shooter's gun jammed, official says". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    16. GLOCK G23 .40 S&W Compact High Capacity Pistol เก็บถาวร 2012-07-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Bass Pro, 21 July 2012.
    17. Kent, William (July 20, 2012). "Aurora witnesses describe shooter's entrance, chaos". CBS This Morning. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-14. สืบค้นเมื่อ July 24, 2012.
    18. Marshall, Jaime (July 20, 2012). "Witness stories from Aurora movie theater shooting". Coloradoan. สืบค้นเมื่อ July 24, 2012.
    19. 19.0 19.1 Horwitz, Sari (July 20, 2012). "Police say Colorado shooting suspect James Holmes had 2 pistols, assault rifle, shotgun". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    20. 20.0 20.1 "Aurora, Colo theater shooting timeline, facts". KABC-TV. July 22, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    21. Kane, Arthur; Ferrugia, John (July 21, 2012). "Sources: Shooter Took Prescription Drug Before Attack". ABC News 7 Denver. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    22. Gorski, Eric (July 29, 2012). "Aurora police use patrol cars to ferry injured to hospitals". The Denver Post. สืบค้นเมื่อ 2012-12-15.
    23. Aurora 'Dark Knight' Suspect James Holmes Says He 'Was the Joker': Cops - ABC News
    24. Banda, P. Solomon; Riccardi, Nicholas (July 23, 2012). "Shooting suspect in court with orange-red hair". Associated Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-15. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012. [ต้องการตรวจสอบความถูกต้อง]
    25. "James Holmes claimed to be the Joker, NYPD Commish says". Newsday. Associated Press. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ February 23, 2013.
    26. "James Holmes makes court appearance in Colorado theater shooting". Los Angeles Times. July 23, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-30. สืบค้นเมื่อ August 21, 2012.
    27. Voorhees, Josh (July 20, 2012). "Gunman Shoots 71, Kills 12, at Midnight Dark Knight Opening". Slate. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    28. "Aurora theater shooting: 12 dead, 58 injured, chief won't address Joker rumors". Denver: Westword. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    29. Matthew Lysiak; James Arkin; Larry Mcshane (July 21, 2012). "Aurora shooting suspect James Holmes jailed in solitary: 'All the inmates were talking about killing him'". Daily News. New York. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    30. "Aurora shooting: 12 dead as gunman opens fire at movie theater: live updates". The Guardian. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    31. 31.0 31.1 31.2 31.3 Sandall, Clayton; Dolak, Kevin; Curry, Colleen (July 20, 2012). "Colorado Movie Theater Shooting: Suspect Bought 4 Guns, 6,000 Rounds of Ammunition in Past 60 Days". ABC News. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    32. M. Alex Johnson; Pete Williams (July 20, 2012). "Police: Weeks of planning went into shootings that killed 12, injured scores at Batman screening in Colorado". NBC News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-03. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    33. Moreno, Ivan (July 21, 2012). "Police: Colo. Shooting Suspect Bought Guns Legally". ABC News. Associated Press. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    34. "Media Updates". auroragov.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-12. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    35. "Miscarriage won't affect charges in Colo. shooting". CBS News. July 30, 2012. สืบค้นเมื่อ July 30, 2012.[ลิงก์เสีย]
    36. Garcia, Arturo. "Authorities release names of Aurora shooting victims". Raw Story. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    37. "Colorado Shooting Update: Youngest child being treated is 3 months old". wsav.com. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ July 25, 2012.[ลิงก์เสีย]
    38. "Hospital bills forgiven for Colorado shooting victims". The Christian Science Monitor. July 25, 2012. สืบค้นเมื่อ September 13, 2012.
    39. "Shooting Victims Gain Veto Power in Donation Distribution". The Denver Channel. August 31, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-02. สืบค้นเมื่อ September 13, 2012.
    40. "Aurora movie theater shooting victims to respond to surveys". Denver Post. September 13, 2012. สืบค้นเมื่อ September 13, 2012.
    41. 41.0 41.1 "Profile: Aurora cinema shooting suspect James Holmes". BBC News Online. July 21, 2012. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    42. 42.0 42.1 Leonning, Carol (July 20, 2012). "James Eagan Holmes held in Colorado shooting". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    43. Barajas, Joshua (April 27, 2015). "'Through this door is horror': Opening statements begin in theater shooting trial". PBS News Hour. สืบค้นเมื่อ April 27, 2015.
    44. Healy, Jack (August 7, 2015). "A Life Sentence for James Holmes, Aurora Theater Gunman Who Killed 12". The New York Times. สืบค้นเมื่อ August 7, 2015.
    45. Sickles, Jason (August 7, 2015). "Theater shooting verdict: James Holmes sentenced to life in prison". Yahoo! News. สืบค้นเมื่อ August 7, 2015.
    46. Hickey, Chuck (August 26, 2015). "Max: Aurora theater shooter gets 12 life sentences plus 3,318 years". FOX31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-08-27. สืบค้นเมื่อ August 26, 2015.
    47. Banda, P. Solomon; Peipert, Thomas. "Movie Massacre: Shock, Sadness, a Search for Clues". ABC News. Associated Press. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    48. Lohr, David (July 20, 2012). "Colorado Shooting: What We Know About James Holmes (UPDATED)". The Huffington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    49. Whitaker, Bill (July 20, 2012). "Colo. suspect James Holmes "smart" but "quiet," teachers and neighbors say". CBS News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-21. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    50. Theater shooting suspect: A quiet man who authorities say harbored a deadly plan (The Denver Post)
    51. Stickney, R.; Tevrizian, Megan; Powell, Brandi (July 20, 2012). "Westview HS Graduate 'Acted Alone' in Deadly Rampage: Investigators". NBC San Diego. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    52. The Associated Press (July 21, 2012). "University: CO shooting suspect had federal grant". The Seattle Times. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    53. "Statement from the university on James Holmes | Newsroom | University of Colorado Denver". Ucdenver.edu. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    54. 54.0 54.1 "Colo. shooting suspect James Holmes' apartment booby trapped, police say". CBS News. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-21. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    55. Stern, Joanna (July 20, 2012). "James Holmes: Colorado Shooting Suspect Had Few Digital Fingerprints". ABC News. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    56. Winter, Jana. "EXCLUSIVE: Massacre suspect James Holmes' gun-range application drew red flag". FOX News. สืบค้นเมื่อ 23 July 2012.
    57. Kass, Jess. "Massacre Suspect Holmes to Appear in Court". Bloomberg Businessweek. สืบค้นเมื่อ 23 July 2012.
    58. 58.0 58.1 "Death penalty decision months away, DA says". CNN. July 23, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    59. 59.0 59.1 Jack Healy; Dan Frosch (July 23, 2012). "Suspect in Colorado Theater Shooting Appears in Court". The New York Times. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    60. 60.0 60.1 "Aurora shooting: Suspect James Holmes appears in court". BBC News Online. July 23, 2012. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    61. Ingold, John; Fender, Jessica (23 July 2012). "mercurynews.com". mercurynews.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-06. สืบค้นเมื่อ 24 July 2012.
    62. Riccardi, Nicholas; Banda, P. Solomon (July 30, 2012). "Colo. Suspect Charges: Murder, Attempted Murder". ABC News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-01. สืบค้นเมื่อ July 31, 2012.
    63. Winter, Jane. "Colorado movie massacre suspect to be formally charged". FOX News. สืบค้นเมื่อ July 30, 2012.
    64. Banda, Solomon (August 9, 2012). "Lawyers: Colo. Shooting Suspect is Mentally ill". Associated Press. สืบค้นเมื่อ August 9, 2012.
    65. "Prosecutors: Colo. suspect James Holmes made threat in March". USA Today. สืบค้นเมื่อ August 24, 2012.
    66. "Aurora prosecutors drop fight for James Holmes' notebook". The Guardian. Associated Press. September 20, 2012. สืบค้นเมื่อ September 22, 2012.
    67. "Colorado Theater Shooting Lawyers Head Back to Court" เก็บถาวร 2013-01-29 ที่ archive.today, MSN, January 3, 2013
    68. "Aurora theater shooting: Cops took pill bottles from Holmes' apartment". The Denver Post. January 7, 2013.
    69. "Aurora cinema massacre suspect James Holmes offers to plead guilty". The Guardian. March 28, 2013.
    70. "James Holmes prosecutors seek death penalty against Aurora suspect". The Guardian. April 1, 2013. สืบค้นเมื่อ April 1, 2013.
    71. Minshew, Charles (July 20, 2012). "Map: Aurora theater shooting, suspect's apartment, hospitals". The Denver Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    72. Holden, Will C. (July 20, 2012). "Slideshow: Aurora theater shooting scene, suspect's booby-trapped apartment". KDVR (Fox 31 Denver). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-21. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    73. "12 killed in shooting at Colo. movie theater". The Monitor. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-16. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    74. "Colo. suspect's apartment 'booby-trapped'". Clinton News-Record. Reuters. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    75. "Massacre suspect's neighbor: 'I'm counting my lucky stars'". CNN. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    76. "Loud Music Used To Lure People to Booby-Trapped Apt". TheDenverChannel.com. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    77. Authorities disarm trip wire, first explosive deivce in Colorado movie theater massacre suspect's apartment | Fox News
    78. "Aurora, Colo. Shooting: Cops may set off suspect's booby traps". CBS News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-21. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    79. FLACCUS and RICCARDI, GILLIAN and NICHOLAS. "Movie massacre suspect mum; Batman mask found". Yahoo News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-26. สืบค้นเมื่อ 23 July 2012.
    80. Johnson, M. Alex (July 23, 2012). "Theater massacre suspect appears in Colorado courtroom". NBC News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-06. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    81. Flaccus, Gillian; Riccardi, Nicholas (July 23, 2012). "Movie massacre suspect mum; Batman mask found". Yahoo News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-26. สืบค้นเมื่อ July 23, 2012.
    82. "Photos: Residents allowed back into building where alleged shooter lived". thedenverpost.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-28. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
    83. Blond, Becka (July 21, 2012). "Tearful vigils remember victims of Aurora massacre". Chicago Tribune. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    84. Wing, Nick (July 20, 2012). "Obama Colorado Shooting Proclamation: Flags To Be Flown at Half Staff for Victims". The Huffington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    85. Weiner, Rachel (July 20, 2012). "Obama, Romney pull Colorado ads off air in wake of Aurora shooting". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    86. Nakamura, David (July 20, 2012). "Obama, Romney express condolences for Colorado shooting victims". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    87. "President Obama to visit victims of movie massacre". actionnewsjax.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    88. "Obama heads to Colorado to meet families of shooting victims". CNN. July 22, 2012. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    89. "Message of condolence following recent tragic events in the USA, 20 July 2012". royal.gov.uk. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
    90. "Communiqué – Fusillade dans un cinéma américain" (ภาษาฝรั่งเศส). elysee.fr. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
    91. "PM Netanyahu Sends Condolence Letter to US President Barack Obama Following the Massacre in Aurora, Colorado". pmo.gov.il. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
    92. "Condolences to US President Barack Obama". kremlin.ru. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
    93. "Pope Promises Prayers for Denver Victims". zenit.org. July 23, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-04-16. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
    94. Leffler, Rebecca (July 20, 2012). "'Dark Knight Rises' Paris premiere scrapped following U.S. shootings". NBC News. The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    95. "Warner Bros. cancels 'Dark Knight Rises' premieres in Mexico and Japan". Entertainment Weekly. July 21, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    96. [1]
    97. Blencowe, Annette (July 20, 2012). "Batman-elokuvan nettikampanja keskeytettiin Suomessa" [Batman movie online campaign was suspended in Finland] (ภาษาฟินแลนด์). yle.fi. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    98. "In Wake of Shooting, 'The Dark Knight Rises' Won't Report Early Box Office Figures". The Wall Street Journal. July 21, 2012. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    99. "Box office update: Studios not releasing numbers today". Entertainment Weekly. July 21, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    100. Belloni, Matthew (July 23, 2012). "Warner Bros. To Make 'Substantial' Donation to Colorado Shooting Victims". Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ July 24, 2012.
    101. Morley, Will (July 20, 2012). "Christopher Nolan on theater shooting: 'I would like to express our profound sorrow'". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    102. Malkin, Marc. "Dark Knight Rises Shooting: Christian Bale Visits Victims in Hospital". E! News. สืบค้นเมื่อ July 24, 2012.
    103. "'Dark Knight Rises' Composer Dedicates New Song To Aurora Victims". MTV. July 27, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-29. สืบค้นเมื่อ July 27, 2012.
    104. White, Michael; Palmeri, Christopher; Lee, Edmund (July 20, 2012). "Warner Bros. Said to Pull Some TV Ads for 'Dark Knight'". BusinessWeek. Bloomberg. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    105. Macatee, Rebecca. "Gangster Squad Trailer Yanked From Internet, Dark Knight Rises Following Colorado Shooting". สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    106. Bindley, Katherine (July 20, 2012). "'Gangster Squad' Trailer with Theater Shooting Scene Pulled from 'Dark Knight' By Warner Bros. (UPDATED)". The Huffington Post. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    107. Finke, Nikki. "Warner Bros Pulls Trailer of Gangster Shooting Up Movie Theater". Deadline.com. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    108. Strauss, Bob (January 20, 2013). "Out of respect for grieving families, "Gangster Squad" scene refilmed after Aurora theater shootings". Denver Post. สืบค้นเมื่อ January 29, 2013.
    109. "'Batman' Movie Massacre – Theater Steps Up for Victims' Funeral Expenses". FM News Weekly. สืบค้นเมื่อ July 28, 2012.
    110. "Century Aurora theater reopens with ceremony, showing of "The Hobbit"". Denver Post. January 17, 2013. สืบค้นเมื่อ January 22, 2013.
    111. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ 2012-07-23.
    112. "Security stepped up nationwide in wake of Colorado movie theater shooting". CNN. สืบค้นเมื่อ July 21, 2012.
    113. "Colorado Shooting 2012: Witness Says Gunman Shot Anyone Trying To Leave". The Huffington Post. July 20, 2012. สืบค้นเมื่อ July 20, 2012.
    114. Lee, Edmund (July 20, 2012). "Cinema Security Tightened After 'Dark Knight' Shootings". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ July 25, 2012.
    115. McKay, Hollie (July 20, 2012). "National theater association reviewing all security procedures in wake of Colorado midnight movie massacre". Fox News. สืบค้นเมื่อ July 25, 2012.
    116. "Security Recommendations Sent To Theater Owners". Hartford Courant. July 20, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-03. สืบค้นเมื่อ July 25, 2012.
    117. "AMC Theatres Statement About Aurora, Co. Incident". AMC Theatres. July 21, 2012. สืบค้นเมื่อ July 22, 2012.
    อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "abc120720w" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า