เฉ่าอัน
เฉ่าอัน | |
---|---|
ศาสนา | |
ศาสนา | พุทธ (เดิม ศาสนามาณีกีแบบจีน) |
เทพ | พระพุทโธภาส |
ที่ตั้ง | |
ประเทศ | จีน |
ดินแดน | มณฑลฝูเจี้ยน |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 24°46′25″N 118°31′47″E / 24.77361°N 118.52972°E |
ที่ตั้ง | ประเทศจีน |
บางส่วน | เฉวียนโจว: ศูนย์กลางทางการค้าของโลกสมัยราชวงศ์ซ่ง-หยวนของจีน |
เกณฑ์พิจารณา | วัฒนธรรม: (iv) |
อ้างอิง | 1561 |
ขึ้นทะเบียน | 2021 (สมัยที่ 44th) |
เฉ่าอัน (จีน: 草庵; พินอิน: Cǎo'ān; เป่อ่วยยี: Chháu-am; แปลตรงตัว: "สำนักชีมุงจาก")[1] เป็นศาสนสถานแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในนครจิ้นเจียง มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เดิมเป็นศาสนสถานของศาสนามาณีกีหรืออาจรู้จักในชื่อลัทธิเม้งก่า ภายหลังจึงถูกแปลงเป็นพุทธสถาน กล่าวกันว่าที่นี่เป็น "วัดมาณีกีที่พรางเป็นวัดพุทธ"[2] บ้างก็ว่า "เป็นวัดมาณีกีเพียงแห่งเดียวในประเทศจีน"[3] และ "เป็นสิ่งก่อสร้างของศาสนามาณีกีที่สมบูรณ์ที่สุด และอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน"[4]
ค.ศ. 2021 เฉ่าอันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก พร้อมกับสถานที่สำคัญอื่น ๆ ในเมืองเฉวียนโจว เพราะเป็นหลักฐานของการแลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรมทางศาสนาในช่วงยุคกลางของจีน[5]
ประวัติ
[แก้]เฉ่าอันถูกสร้างขึ้นกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเกาจง ปฐมจักรพรรดิแห่งซ่งใต้ เบื้องต้นมีลักษณะเป็นกระท่อมมุงจาก ก่อนก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุเมื่อ ค.ศ. 1882 ในรัชสมัยจักรพรรดิยฺเหวียนฮุ่ยจง
ศาสนามาณีกีค่อย ๆ สูญไปจากแผ่นดินจีนในยุคราชวงศ์หมิง ในช่วงศตวรรษสุดท้ายของการดำรงอยู่ของศาสนามาณีกี มีกวีชื่อ Huang Fengxiang กล่าวถึงวัดเฉ่าอันที่ถูกทิ้งให้โรยรา และกล่าวถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทางพุทธและเต๋าภายในวัด หาได้กล่าวถึงมาณีกีซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของวัดเฉ่าอัน[6]
เหอ เฉียวยฺเหวี่ยน (何乔远) นักประวัติศาสตร์ชาวเมืองเฉวียนโจว บันทึกชื่อศาลเจ้าบนเขาหฺวาเปี่ยวของศาสนามาณีกีลงใน หนังสือแห่งฝูเจี้ยน (จีน: 闽书; พินอิน: Mǐnshū) และเขาได้สรุปสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับศาสนามาณีกีไว้ด้วย ถือเป็นหนึ่งในเอกสารเพียงไม่กี่ชิ้นที่กล่าวถึงลัทธิมาณีกีในจีน[7] นายเหอได้บันทึกไว้ว่าในช่วงเวลานั้นอาจยังมีผู้ที่นับถือ "ศาสนาแห่งแสง" อยู่ แต่มีไม่มากนัก[7]
วัดเฉ่าอันถูกบูรณะปรับปรุงเป็นพุทธสถานเมื่อ ค.ศ. 1922 อุทิศแด่บรรพาจารย์ของอินเดียและจีน แต่ต่อมาวิหารนั้นถูกทิ้งให้ทรุดโทรมอีก[8] แซมูเอล เอ็น. ซี. เหลียว (Samuel N.C. Lieu) ระบุไว้ว่าศาสนิกชนในท้องถิ่นเข้าใจว่า คำว่า "หมอหนี" (摩尼) ที่ถูกจารึกในวัดเฉ่าอัน คือ "[ศากย]มุนี" ([释迦]牟尼) ที่หมายถึงพระโคตมพุทธเจ้า ศาสดาในศาสนาพุทธ[8] หลังจากนั้นไม่กี่ปี อู๋ เหวินเหลียง (吴文良) นักโบราณคดีที่เดินทางไปเฉ่าอัน ก็ได้รับคำอธิบายเช่นนี้จากคนท้องถิ่น[9]
วัดเฉ่าอันขึ้นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการปกป้องของมณฑลฝูเจี้ยนใน ค.ศ. 1961 และขึ้นเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งชาติจีนในมณฑลฝูเจี้ยนเมื่อ ค.ศ. 1996[10]
ระเบียงภาพ
[แก้]-
บันไดขึ้นศาสนาคาร
-
พระพุทโธภาส (พระมณี)
-
คำจารึกแก่ธรรมิกชน ได้แก่ "บริสุทธิ์" (清净) "แสงสว่าง" (光明) "พลัง" (大力) "ปัญญา" (智慧) และ "พระมณี" (摩尼) "พระพุทโธภาส" (光佛)
อ้างอิง
[แก้]เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ Samuel N.C. Lieu and Ken Parry, Manichaean and (Nestorian) Christian Remains in Zayton (Quanzhou, South China). ARC DP0557098 เก็บถาวร 2014-08-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Werner Sundermann, MANICHEISM i. GENERAL SURVEY ที่ Encyclopædia Iranica
- ↑ Samuel N.C. Lieu, CHINESE TURKESTAN: vii. Manicheism in Chinese Turkestan and China ที่ Encyclopædia Iranica
- ↑ Lieu 1992, pp. 256–257
- ↑ "Quanzhou: Emporium of the World in Song-Yuan China". UNESCO World Heritage Centre. United Nations Educational, Scientific, and Cultural Organization. สืบค้นเมื่อ 22 Aug 2021.
- ↑ Lieu 1992, p. 303
- ↑ 7.0 7.1 Lieu 1992, p. 301
- ↑ 8.0 8.1 Lieu 1992, p. 304
- ↑ Lieu 1980, pp. 80–82
- ↑ 李玉昆 [Li Yukun] (2006). 福建晋江草庵摩尼教遗址 [The relics of Manichaean temple Cao'an in Jinjiang, Fujian]. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2013.
บรรณานุกรม
[แก้]- Lieu, Samuel N. C. (1992), Manichaeism in the Later Roman Empire and Medieval China, Volume 63 of Wissenschaftliche Untersuchungen Zum Neuen Testament (2 ed.), Mohr Siebeck, ISBN 3161458206
- Lieu, Samuel N. C. (1998), Manichaeism in Central Asia and China, Volume 45 of Nag Hammadi and Manichaean Studies, Brill, ISBN 9004104054
- Lieu, Samuel N. C. (Mar 1980), "Nestorians and Manichaeans on the South China Coast", Vigiliae Christianae, vol. 34 no. 1, pp. 71–88, JSTOR 1582860
- Mair, Victor H. (1987), "(Review of) Manichaeism in the Later Roman Empire and Medieval China: A Historical Survey by Samuel N. C. Lieu; The Chinese Transformation of Manichaeism: A Study of Chinese Manichaean Terminology by Peter Bryder", T'oung Pao, 73 (4/5): 313–324, JSTOR 4528393
- Pelliot, Paul (July 1923), "Les traditions manichéennes au Fou-kien", T'oung Pao, Second Series, 22 (3): 193–208, doi:10.1163/156853223x00122, JSTOR 4526697
- Pearson, Richard; Li, Min; Li, Guo (March 2002), "Quanzhou Archaeology: A Brief Review", International Journal of Historical Archaeology, 6 (1): 23–59, JSTOR 20852986