รายชื่อแหล่งมรดกโลกในประเทศเกาหลีใต้
หน้าตา
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศเกาหลีใต้ทั้งสิ้น 16 แหล่ง[1] ประกอบด้วยมรดกโลกทางวัฒนธรรม 14 แหล่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง
ที่ตั้ง
[แก้]สถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
[แก้]- *หมายเหตุ: ระบุชื่อสถานที่ตามที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
[แก้]- *หมายเหตุ: ระบุชื่อสถานที่ตามที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
สถานที่ | ภาพ | ที่ตั้ง | ประเภท | พื้นที่ ha (acre) |
ปี (พ.ศ./ค.ศ.) | หมายเหตุ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ชังกย็องพันจ็อนแห่งวัดแฮอินซา สถานที่เก็บแม่พิมพ์ไม้ของพระไตรปิฎกฉบับเกาหลี | จังหวัดคย็องซังใต้ เกาหลีใต้ 35°48′0″N 128°6′0″E / 35.80000°N 128.10000°E |
วัฒนธรรม: (iv), (vi) |
2538/1995 | สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแอจางแห่งราชวงศ์ซิลลาในปี ค.ศ.802 และถือเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในกลุ่มผู้แสวงบุญศาสนาพุทธ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมพระไตรปิฎกที่มีการบันทึกมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยใช้พิมพ์แกะไม้จำนวนกว่า 81,000 แผ่น เขียนหลักคำสอนเป็นตัวอักษรฮันจา โดยมีการเก็บรักษาอย่างดีและถือเป็นพระไตรปิฎกที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลีใต้ | [2] | ||
ศาลเจ้าชงมโย | โซล เกาหลีใต้ 37°33′0″N 126°59′0″E / 37.55000°N 126.98333°E |
วัฒนธรรม: (iv) |
19 (47) | 2538/1995 | ศาลเจ้าลัทธิขงจื๊อที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระเจ้าแทโจและตระกูลราชวงศ์โซซ็อนในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ภายในศาลเจ้ามีอาคารตั้งป้ายบรรพบุรุษเพื่อกราบไหว้ราชวงศ์ ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายจากการรุกรานของญี่ปุ่น แต่ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในในการประกอบพิธีกรรมการเปลี่ยนผ่านฤดูกาลที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,400 ปี | [3] | |
ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา | จังหวัดคย็องซังเหนือ และโซล เกาหลีใต้ 35°47′0″N 129°21′0″E / 35.78333°N 129.35000°E |
วัฒนธรรม: (i), (iv) |
2538/1995 | ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 อันเป็นช่วงยุคสมัยชิลลา ศาสนาพุทธได้เจริญรุ่งเรืองในคาบสมุทรเกาหลี ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซาเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ถึงศาสนาพุทธที่มีการทำนุบำรุงเป็นอย่างดี จากประติมากรรมพระพุทธรูปที่ได้อิทธิพลมาจากวัดถ้ำในจีนและอินเดียที่ถ้ำซ็อกกูรัม และเจดีย์หินโบราณกับศิลปะ-สถาปัตยกรรมพระพุทธศาสนาอันเก่าแก่ในวัดพุลกุกซาที่ก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 6 และมีการต่อเติมในยุคชิลลาช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 | [4] | ||
กลุ่มพระราชวังชังด็อกกุง | โซล เกาหลีใต้ 37°34′46″N 126°59′28″E / 37.57944°N 126.99111°E |
วัฒนธรรม: (ii), (iii), (iv) |
2540/1997 | พระราชวังชังด็อกถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซ็อนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 ก่อนจะถูกทำลายจากการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 แต่ก็ถูกบูรณะอีกครั้งโดยพระเจ้าซ็อนโจ ซึ่งมีการออกแบบโดยอิงความเชื่อลัทธิขงจื๊อในการออกแบบประตูวัง สวน และตำหนักเพื่อเป็นที่ประทับของจักรพรรดิเกาหลี รวมไปถึงเป็นที่ทำการของเหล่าขุนนาง | [5] | ||
ป้อมฮวาซ็อง | จังหวัดคย็องกี เกาหลีใต้ 37°16′20″N 127°0′30″E / 37.27222°N 127.00833°E |
วัฒนธรรม: (ii), (iii) |
2540/1997 | ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าช็องโจแห่งราชวงศ์โชซ็อนช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 อันเป็นช่วงเวลาที่มีแผนจะย้ายเมืองหลวงจากฮันยางมาเป็นซูว็อน จึงมีการสร้างป้อมปราการและกำแพงเมืองล้อมเมืองซึ่งสร้างจากอิฐดินเผาและหินแกรนิต อีกทั้งยังมีการสร้างประตูใหญ่ 4 ทิศ ประตูลับ ประตูน้ำ ป้อมปราการ และป้อมอาวุธสำหรับโจมตีข้าศึก นับว่าเป็นการพัฒนาระบบป้องกันข้าศึกที่ล้ำสมัยมากในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 19 | [6] | ||
แหล่งดอลเมนแห่งโคชัง ฮวาซุน และคังฮวา | จังหวัดชุงช็องใต้ ช็อลลาเหนือ และอินช็อน เกาหลีใต้ 34°58′0″N 126°55′45″E / 34.96667°N 126.92917°E |
วัฒนธรรม: (iii) |
52 (130); พื้นที่กันชน 315 (780) | 2543/2000 | ดอลเมนเป็นที่เก็บศพที่เกิดจากการตั้งหินสามก้อนเพื่อทำเป็นห้องสำหรับเก็บศพ สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคหินใหม่เมื่อราว 4,000-3,000 ปีก่อนคริสตกาล มาจนถึงยุคสำริด โดย 40% ของดอลเมนทั่วโลกถูกพบมากที่คาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้และเกาะคังฮวา โดยดอลเมนในสถานที่ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ภายในโพรงหินมีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผา ลูกปัดโบราณ เครื่องสำริดและเครื่องมือหิน สะท้อนให้เห็นถึงพิธีกรรมงานศพของคนเกาหลีในยุคสำริด | [7] | |
พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งคย็องจู | จังหวัดคย็องซังเหนือ เกาหลีใต้ 35°47′20″N 129°13′36″E / 35.78889°N 129.22667°E |
วัฒนธรรม: (ii), (iii) |
2,880 (7,100); พื้นที่กันชน 350 (860) | 2543/2000 | พื้นที่บริเวณรอบนอกของเมืองคย็องจูยังคงเหลือร่องรอยประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยชิลลา หรือราวช่วง 57 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง ค.ศ.935 ในฐานะราชธานีเก่า ประกอบด้วยซากวังเก่า หอดูดาวช็อมซ็องแด ป่ากเยริม ภาพแกะสลักพระพุทธรูปเขานัมซาน ซากวัดโบราณและสุสานอาชาสวรรค์ สะท้อนให้เห็นถึงถึงงานศิลปะและสถาปัตยกรรมในยุคสมัยชิลลาที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน | [8] | |
สุสานหลวงราชวงศ์โชซ็อน | จังหวัดคย็องกี และโซล เกาหลีใต้ 37°11′50″N 128°27′10″E / 37.19722°N 128.45278°E |
วัฒนธรรม: (iii), (iv), (vi) |
1,891 (4,670); พื้นที่กันชน 4,660 (11,500) | 2552/2009 | ประกอบไปด้วยหลุมฝังศพของกษัตริย์ พระมเหสี และพระบรมราชานุวงศ์ตระกูลอีในราชวงศ์โชซ็อนตั้งแต่ปี ค.ศ.1408-1966 จำนวน 40 แห่งซึ่งกระจายตัวอยู่ในภาคกลางของเกาหลีใต้ ตัวสุสานมีการออกแบบผังการวางตำแหน่งของหลุมฝังศพรวมไปถึงภูมิทัศน์โดยรอบตามหลักขงจื๊อ โดยเน้นไปที่หลักความเชื่อโลกหลังความตายอันเป็นวัฒนธรรมความเชื่อที่มีอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออก | [9] | |
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ฮาฮเวและยังดง | จังหวัดคย็องซังเหนือ เกาหลีใต้ 36°32′21″N 128°31′0″E / 36.53917°N 128.51667°E |
วัฒนธรรม: (iii), (iv) |
600 (1,500); พื้นที่กันชน 885 (2,190) | 2553/2010 | หมู่บ้านฮาฮเวและหมู่บ้านยังดงเป็นหลักฐานที่แสดงถึงวัฒนธรรมสมัยโชซ็อนทั้งในด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบเนื่องมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14-15 รวมไปถึงสิ่งก่อสร้างเก่าแก่หลายแห่ง เช่น บ้านหลังคามุงฟางของชาวบ้านในพื้นที่ ศาลา ตำหนักเรียน สถาบันขงจื๊อ เป็นต้น รวมไปถึงเป็นสถานที่ที่ถูกอ้างอิงในบทประพันธ์ต่างๆ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 | [10] | |
นัมฮันซันซ็อง | จังหวัดคย็องกี เกาหลีใต้ |
วัฒนธรรม: (ii), (iv) |
2557/2014 | นัมฮันซันซ็องถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเมืองหลวงสำหรับกรณีฉุกเฉินในราชวงศ์โชซ็อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 สามารถรองรับคนได้ถึง 4,000 คนสำหรับจัดการการบริหารบ้านเมืองและการทหาร เมืองแห่งนี้จึงเป็นการรวมแนวคิดด้านวิศวกรรมกองทัพที่ได้อิทธิพลมาจากจีนและญี่ปุ่น รวมถึงการพัฒนาการทางด้านสังคมและวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าจนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอธิปไตยของเกาหลีใต้|[11] | |||
พื้นที่ประวัติศาสตร์แพ็กเจ | จังหวัดชุงช็องใต้ และ | วัฒนธรรม: (ii), (iii) |
2558/2015 | พื้นที่บริเวณภาคตะวันตกของประเทศมีการพบโบราณสถานในช่วงยุคปลายของอาณาจักรแพ็กเจอันเป็นหนึ่งในอาณาจักรสำคัญของคาบสมุทรเกาหลีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5-7 ประกอบด้วยโบราณสถาน 8 แห่งในเขตพื้นที่ซึ่งในอดีตเป็นที่ตั้งของอดีตเมืองหลวงสมัยอาณาจักรแพ็กเจ ทั้งป้อมปราการ กำแพงเมืองโบราณ ซากวังเก่า หลุมพระบรมศพ และวัดพุทธ แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของศิลปะ ศาสนาและวัฒนธรรมที่สืบเนื่องมาจนถึงยุครวมแผ่นดิน | [12] | ||
ซันซา พุทธอารามบนภูเขาในเกาหลี | เกาหลีใต้ |
วัฒนธรรม: (iii) |
2561/2018 | คำว่า “ซันซา“ เกิดจากคำสองคำรวมกันระหว่าง “ซัน“ (ภูเขา) และ “ซา“ (วัด) จึงมีความหมายว่า “วัดภูเขา“ ประกอบด้วยวัดพุทธมหายานที่ก่อสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 จำนวน 7 แห่ง โดยวัดหลายแห่งถูกทำลายจากการรุกรานของญี่ปุ่นแต่ก็ได้มีการบูรณะสร้างใหม่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-19 ภายในตัววัดยังคงหลงเหลือศิลปะพระพุทธศาสนาอันเก่าแก่แต่ได้รับการทำนุบำรุงอย่างดีทั้งพระพุทธรูป เจดีย์หิน ภาพจิตรกรรม และสถาปัตยกรรมท้องถิ่น | [13] | ||
ซอว็อน สถานศึกษาลัทธิขงจื๊อใหม่แห่งเกาหลี | เกาหลีใต้ |
วัฒนธรรม: (iii) |
102.49; พื้นที่กันชน 796.74 | 2562/2019 | ซอว็อนเป็นชื่อเรียกสถานศึกษาในยุคสมัยโชซ็อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 ประกอบด้วยโรงเรียนและศาลเจ้าลัทธิขงจื๊อรวมเข้าด้วยกัน โดยส่วนที่เป็นโรงเรียนถูกใช้เป็นสถานศึกษาสำหรับชายหนุ่มที่ต้องการสอบเข้าราชสำนัก ซอว็อนถือได้ว่าเป็นสถานศึกษาที่มีอิทธิพลในคาบสมุทรเกาหลีจากการผลิตบัณฑิตอันทรงปัญญาและพัฒนาระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับลัทธิขงจื๊อ โดยซอว็อนที่ถูกขึ้นทะเบียนมีทั้งหมด 9 แห่งซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในเขตภูเขาทางตอนใต้ของประเทศ | [14] | |
มูนดินฝังศพคายา | จังหวัดคย็องซังใต้ จังหวัดคย็องซังเหนือ จังหวัดช็อลลาเหนือ เกาหลีใต้ |
วัฒนธรรม: (iii) |
189 | 2566/2023 | ภายในสุสานสมัยอาณาจักรคายา 7 แห่งที่ถูกค้นพบในภาคใต้ของประเทศมีการทำเนินดินครอบหลุมศพขึ้นมา โดยตัวสุสานทั้งเจ็ดตั้งอยู่ในหัวเมืองคนละเขตแม้จะอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกัน ภายในหลุมศพมีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรวมไปถึงอาวุธเหล็กจากหัวเมืองอื่น แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางการค้ากับอาณาจักรใกล้เคียงและเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญของอารยธรรมโบราณในเอเชียตะวันออก | [15] |
แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
[แก้]- *หมายเหตุ: ระบุชื่อสถานที่ตามที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
สถานที่ | ภาพ | ที่ตั้ง | ประเภท | พื้นที่ ha (acre) |
ปี (พ.ศ./ค.ศ.) | หมายเหตุ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|
เกาะภูเขาไฟเชจูและอุโมงค์ลาวา | จังหวัดเชจู เกาหลีใต้ 33°28′8″N 126°43′13″E / 33.46889°N 126.72028°E |
ธรรมชาติ: (vii), (viii) |
9,475 (23,410); พื้นที่กันชน 9,371 (23,160) | 2550/2007 | เกาะเชจูเป็นเกาะที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลเมื่อสองล้านปีที่แล้ว ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีก่อให้เกิดภูมิลักษณ์ที่แตกต่างจากแผ่นดินใหญ่ ประกอบด้วยเครือข่ายอุโมงค์ลาวาที่เกิดจากการไหลตัวของลาวาและแม็กมาเมื่อ 300,000-100,000 ปีที่แล้ว ภูเขาไฟฮัลลาซานซึ่งเป็นภูเขาไฟรูปโล่แห่งเดียวในเกาหลีใต้และเป็นแหล่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ในระบบนิเวศของเกาะ และภูเขาไฟซองซาน อิลชุบงซึ่งเกิดการระเบิดเมื่อ 100,000 ปีที่แล้วจนเกิดเป็นทัศนียภาพที่แปลกตา | [16] | |
แค็ดบ็อล ที่ลุ่มราบน้ำขึ้นถึงของเกาหลี | จังหวัดชุงช็องใต้ จังหวัดช็อลลาเหนือ จังหวัดช็อลลาใต้ เกาหลีใต้ |
ธรรมชาติ: (x) |
128,411; พื้นที่กันชน 74,592 | 2564/2021 | พื้นที่บริเวณริมชายฝั่งตะวันตกทอดยาวจนถึงภาคใต้ของเกาหลีใต้ประกอบไปด้วยพื้นที่ลุ่มราบน้ำขึ้นถึงที่มีลักษณะเป็นโคลนตมจำนวน 4 แห่ง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตั้งแต่นกที่บินอพยพมาจากทางเหนืออย่างนกชายเลนปากช้อน สัตว์ทะเลประเภทกุ้ง หอย หมึกอย่างหมึกเกาหลีและปูก้ามดาบ ไปจนถึงสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอย่างไส้เดือนทะเลและหอยเกลียวทะเลเหลือง | [17] |
สถานที่ที่ได้ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น
[แก้]ประเทศเกาหลีใต้มีสถานที่ที่ได้รับขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อพิจารณาเป็นมรดกโลกในอนาคตทั้งสิ้น 12 แห่ง[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "World Heritage Properties in South Korea". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2021.
- ↑ "Haeinsa Temple Janggyeong Panjeon, the Depositories for the Tripitaka Koreana Woodblocks". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Jongmyo Shrine". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Seokguram Grotto and Bulguksa Temple". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Changdeokgung Palace Complex". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Hwaseong Fortress". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Gochang, Hwasun and Ganghwa Dolmen Sites". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Gyeongju Historic Areas". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Royal Tombs of the Joseon Dynasty". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Historic Villages of Korea: Hahoe and Yangdong". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Namhansanseong". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Baekje Historic Areas". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Sansa, Buddhist Mountain Monasteries in Korea". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
- ↑ "Seowon, Korean Neo-Confucian Academies". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2019.
- ↑ "Gaya Tumuli". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2023.
- ↑ "Jeju Volcanic Island and Lava Tubes". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Getbol, Korean Tidal Flats". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2021.