ข้ามไปเนื้อหา

จูเลียส ซีซาร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์
The Tusculum portrait, a marble sculpture of Julius Caesar.
รูปแกะสลักทัสคูลัม น่าจะเป็นไปได้ว่าเป็นรูปปั้นของซีซาร์เพียงชิ้นเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงชีวิตของเขา พิพิธภัณฑ์โบราณคดี, ตูริน, ประเทศอิตาลี
เกิด12 กรกฎาคม 100 ปีก่อน ค.ศ.[1]
โรม, อิตาเลีย, สาธารณรัฐโรมัน
เสียชีวิต15 มีนาคม 44 ปีก่อน ค.ศ. (อายุ 55 ปี)
โรม, อิตาเลีย
สาเหตุเสียชีวิตถูกลอบสังหาร (บาดแผลจากการถูกแทง)
สุสานวิหารซีซาร์, โรม
41°53′31″N 12°29′10″E / 41.891943°N 12.486246°E / 41.891943; 12.486246
ผลงานเด่น
สำนักงาน
คู่สมรส
คู่รักคลีโอพัตรา
บุตร
บิดามารดากาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ และ เอาเรลิอา
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
ปี81–45 ปีก่อน ค.ศ.
สงคราม
บำเหน็จมงกุฎพลเมือง

กาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ (ละติน: Gaius Julius Caesar [ˈɡaːiʊs ˈjuːliʊs ˈkae̯sar]) หรือ จูเลียส ซีซาร์ (อังกฤษ: Julius Caesar; 12 กรกฎาคม 100 ปีก่อน ค.ศ. – 15 มีนาคม 44 ปีก่อน ค.ศ.) เป็นรัฐบุรุษ แม่ทัพ และผู้ประพันธ์ร้อยแก้วอันเลื่องชื่อชาวโรมัน เขามีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์อันนำไปสู่การสิ้นสุดสาธารณรัฐโรมันและความเจริญของจักรวรรดิโรมัน ใน 60 ปีก่อน ค.ศ. ซีซาร์, กรัสซุส และปอมปีย์ ตั้งพันธมิตรทางการเมืองซึ่งจะครอบงำการเมืองโรมันไปอีกหลายปี ความพยายามของพวกเขาในการสั่งสมอำนาจผ่านยุทธวิธีประชานิยมถูกชนชั้นปกครองอนุรักษนิยมในวุฒิสภาโรมันคัดค้าน ซึ่งในบรรดานั้นมีกาโตผู้เยาว์ (Cato the Younger) ด้วยการสนับสนุนบ่อยครั้งของกิแกโร ชัยชนะของซีซาร์ในสงครามกอล ซึ่งสมบูรณ์ใน 51 ปีก่อน ค.ศ. ขยายดินแดนของโรมันไปถึงช่องแคบอังกฤษและแม่น้ำไรน์ ซีซาร์เป็นแม่ทัพโรมันคนแรกที่ข้ามทั้งสองเมื่อเขาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำไรน์และบุกครองบริเตนครั้งแรก

ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้เขามีอำนาจทางทหารซึ่งไม่มีผู้ใดเทียม และคุกคามฐานะของพอมพีย์ซึ่งเปลี่ยนไปเข้ากับวุฒิสภาหลังกรัสซุสเสียชีวิตใน 53 ปีก่อน ค.ศ. เมื่อสงครามกอลยุติ วุฒิสภาสั่งซีซาร์ให้ลงจากตำแหน่งบังคับบัญชาทหารของเขาและกลับกรุงโรม ซีซาร์ปฏิเสธคำสั่งนั้นและใน 49 ปีก่อน ค.ศ. ท้าทายโดยการข้ามแม่น้ำรุบิโกพร้อมด้วยทหารหนึ่งลีเจียน ทิ้งมณฑลของเขาและเข้าอิตาลีภายใต้อาวุธอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย เกิดสงครามกลางเมืองตามมา และชัยชนะของซีซาร์ในสงครามทำให้เขามีฐานะอำนาจและอิทธิพลโดยไร้คู่แข่ง

หลังเข้าควบคุมรัฐบาล ซีซาร์เริ่มโครงการปฏิรูปสังคมและรัฐบาล รวมทั้งการสถาปนาปฏิทินจูเลียน เขารวมระบบข้าราชการประจำของสาธารณรัฐเข้าสู่ศูนย์กลางและสุดท้ายประกาศตนเป็น "ผู้เผด็จการตลอดชีพ" ทำให้เขายิ่งมีอำนาจมากขึ้นไปอีก แต่ความขัดแย้งทางการเมืองใต้น้ำยังไม่สงบ และในไอดส์มีนาคม (Ides of March) คือ 15 มีนาคม 44 ปีก่อน ค.ศ. ซีซาร์ถูกกลุ่มสมาชิกวุฒิสภากบฏลอบสังหาร นำโดยมาร์กุส ยูนิอุส บรูตุสผู้ลูก ผู้ซึ่งเป็นคนสนิทและเป็นเสมือนลูกศิษย์ โดยพูดเป็นประโยคสุดท้ายเป็นภาษาละตินว่า "Et tu Brute" (เจ้าด้วยหรือ บรูตุส)[2] สงครามกลางเมืองชุดใหม่อุบัติ และรัฐบาลสาธารณรัฐอันมีรัฐธรรมนูญไม่เคยถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ อ็อกตาวิอุส ทายาทบุญธรรมของซีซาร์ ซึ่งภายหลังรู้จักกันในพระนาม จักรพรรดิเอากุสตุส เถลิงอำนาจแต่ผู้เดียวหลังพิชิตศัตรูในสงครามกลางเมืองนั้น อ็อกตาวิอุสรวบรวมอำนาจและเริ่มสมัยจักรวรรดิโรมัน

คนรู้จักชีวิตส่วนมากของซีซาร์จากบันทึกการทัพของเขาเองและจากแหล่งข้อมูลร่วมสมัยอื่น ส่วนใหญ่เป็นจดหมายและสุนทรพจน์ของกิแกโรและงานเขียนประวัติศาสตร์ของแซลลัสต์ (Sallust) เป็นหลัก ชีวประวัติซีซาร์ในภายหลังโดยซุเอโตนิอุสและพลูทาร์กก็เป็นแหล่งข้อมูลหลักเช่นกัน นักประวัติศาสตร์หลายคนถือซีซาร์เป็นผู้บัญชาการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง

อ้างอิง

[แก้]
  1. For 13 July being the wrong date, see Badian in Griffin (ed.) p.16
  2. Woolf Greg (2006), Et Tu Brute? – The Murder of Caesar and Political Assassination, 199 pages – ISBN 1-86197-741-7

ข้อมูล

[แก้]

ข้อมูลปฐมภูมิ

[แก้]

ผลงานตนเอง

[แก้]

งานเขียนนักประวัติศาสตร์สมัยโบราณ

[แก้]

ข้อมูลทุติยภูมิ

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]