ซิลมาริล

ในตำนานที่เขียนโดย เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน ซิลมาริล (Silmaril) (มาจากภาษาเควนยา ว่า ซิลมาริลลิ) เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในจินตนิยาย ประกอบด้วยอัญมณีสามชิ้นที่สุกสว่างดังดวงดาว ภายในบรรจุแสงอันบริสุทธิ์ของ ทวิพฤกษา ซิลมาริลทำมาจากวัสดุใสดังผลึกคริสตัลที่เรียกว่า ซิลิมา ประดิษฐ์โดย เฟอานอร์ เอลฟ์ชาวโนลดอร์ ในวาลินอร์ ในช่วงยุคแห่งพฤกษา

งานเขียนชุด ซิลมาริลลิออน ของโทลคีน มีหัวใจหลักของเรื่องเกี่ยวข้องกับดวงมณีซิลมาริลนี้เอง ว่าด้วยเรื่องราวของผู้สร้าง การถูกช่วงชิง และการแก้แค้น ตลอดจนชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ภาพลักษณ์

ซิลมาริลมิใช่เพียงอัญมณีธรรมดาที่ส่องแสงเจิดจ้าเท่านั้น แต่ซิลมาริลทั้งสามประหนึ่งว่ามีชีวิต และมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ วิธีที่ เฟอานอร์ ผู้เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอลดาร์ สามารถสร้างมันขึ้นมาไม่ได้อธิบายไว้ชัดเจน แม้กระทั่งวาลาร์รวมทั้ง อาวเล ยังไม่สามารถสร้างเลียนแบบได้ อันที่จริงแล้ว แม้ตัวเฟอานอร์เองก็ยังไม่สามารถสร้างมันขึ้นใหม่ได้ เพราะหัวใจในการสร้างได้ผสานเข้าไปในตัวซิลมาริลด้วย ในจักรวาลของโทลคีน ซิลมาริลมีค่ามหาศาลดังอนันต์แม้แต่สำหรับเหล่าวาลาร์ เพราะมันมีเพียงหนึ่งเดียวและไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยสิ่งใด

ประวัติ

เฟอานอร์ โอรสแห่งฟินเว ซึ่งเป็นชาวเอลดาร์ สร้างซิลมาริลขึ้นโดยบรรจุแสงของทวิพฤกษาเอาไว้ภายใน ซิลมาริลได้รับพรจากวาร์ดา ทำให้มันมิอาจถูกแตะต้องโดยปีศาจอันชั่วร้ายหรือแม้แต่โดยมือมนุษย์ แต่จะเผาผู้บังอาจแตะต้องจนไหม้ไป มนุษย์เพียงคนเดียวที่สามารถแตะต้องซิลมาริลได้เท่าที่ปรากฏในประวัติศาสตร์คือ เบเรน

วาลา เมลคอร์ ได้ร่วมมือกับนางแมงมุมอุงโกเลียนท์ทำลายทวิพฤกษา แสงอันบริสุทธิ์ของทวิพฤกษาจึงเหลืออยู่แต่เพียงในซิลมาริล ดังนั้น วาลาร์จึงอ้อนวอนให้เฟอานอร์มอบซิลมาริลให้เพื่อที่พวกเขาจะได้ฟื้นฟูพฤกษาขึ้นใหม่ แต่เฟอานอร์ปฏิเสธ ขณะนั้นก็มีข่าวมาถึงว่า เมลคอร์ได้ฆ่าพ่อของเฟอานอร์ คือ ฟินเว ไฮคิงแห่งโนลดอร์ และขโมยซิลมาริลหนีไป เมลคอร์หนีไปจากวาลินอร์กลับไปยังที่มั่นเก่าของเขาทางตอนเหนือของมิดเดิ้ลเอิร์ธ คือ อังก์บันด์ แล้วเอาซิลมาริลประดับไว้บนมงกุฏของเขา

เฟอานอร์โกรธแค้นเมลคอร์ และขนานนามเขาว่า มอร์กอธ ซึ่งแปลว่า "ศัตรูมืดของโลก" รวมทั้งยังโกรธแค้นเหล่าวาลาร์เพราะคิดว่าพวกเทพเหล่านั้นพยายามจะเอาอัญมณีไป เฟอานอร์และบุตรของเขาได้กล่าวคำสาบานของเฟอานอร์ ซึ่งผูกมัดให้พวกเขาต้องต่อสู้กับทุกผู้คนที่คิดแย่งชิงซิลมาริล คำสาบานสยองขวัญนั้นนำมาสู่ปัญหามากมายในเวลาต่อมา ทั้งการสังหารหมู่และสงครามระหว่างเอลฟ์กับเอลฟ์ด้วยกันเอง

เฟอานอร์ได้นำชาวโนลดอร์จำนวนมากเดินทางไปยังมิดเดิลเอิร์ธ การเดินทางของเขาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นยุคที่หนึ่งของมิดเดิ้ลเอิร์ธ ได้นำมาซึ่งความเศร้าโศกไม่สิ้นสุดของเอลฟ์และมนุษย์แห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธ เกิดการสัประยุทธ์หลักห้าครั้งในแผ่นดินเบเลริอันด์ แต่ท้ายที่สุดชาวโนลดอร์และทุกคนที่กล่าวคำสาบานนั้นล้วนไม่ประสบผลสำเร็จในการนำซิลมาริลกลับมาจากมอร์กอธ

ซิลมาริลดวงหนึ่งถูกนำกลับมาโดย เบเรน และ ลูธิเอน ซึ่งต้องเสี่ยงภัยและผจญกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ซิลมาริลดวงนั้นสืบต่อตกทอดมาถึงเออาเรนดิล ผู้นำซิลมาริลดวงนั้นถวายคืนแก่วาลาร์ในเวลาต่อมา ณ ดินแดนตะวันตกเพื่อเป็นของแสดงการขออภัยโทษ วาลาร์จึงได้นำซิลมาริลดวงนั้นไปเป็นดวงดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า ส่วนซิลมาริลอีกสองดวงยังคงอยู่ในมือของมอร์กอธ จนกระทั่งมันถูกชิงคืนมาจากเขาเมื่อสิ้นสุดสงครามแห่งพระพิโรธ (War of Wraith) อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ซิลมาริลทั้งสองดวงก็ถูกขโมยไปโดยบุตรชายสองคนของเฟอานอร์คือ มายดรอส และ มากลอร์ เพราะพวกเขาพยายามที่จะทำตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่อัญมณีได้แผดเผามือของทั้งสองเป็นการปฏิเสธสิทธิ์ในการถือครองเช่นเดียวกับที่อัญมณีได้แผดเผามือของมอร์กอธมาก่อน ด้วยความทรมาน มายดรอสจึงกระโดดลงไปในหลุมไฟพร้อมกับซิลมาริลดวงหนึ่ง ส่วนมากลอร์ขว้างซิลมาริลอีกดวงหนึ่งลงในทะเล ดังนั้นซิลมาริลจึงได้สถิตย์อยู่ในองค์ประกอบทั้งสามของพิภพ คือ บนท้องฟ้า ในพื้นดิน และในมหาสมุทร

ตามคำพยากรณ์ของมานดอสที่กล่าวถึงการกลับมาครั้งสุดท้ายและความพ่ายแพ้ของเมลคอร์ใน ดากอร์ดากอรัธ (ยุทธภูมิแห่งยุทธภูมิ) นั้นโลกจะเปลี่ยนไปและซิลมาริลจะถูกนำกลับขึ้นมาโดย วาลาร์ จากนั้นเฟอานอร์จะถูกปล่อยตัวจากท้องพระโรงของมานดอส และมอบซิลมาริลแก่ ยาวันนา ยาวันนาจะทำลายมันและชุบชีวิตทวิพฤกษาขึ้นมาด้วยแสงของมัน เทือกเขา เพโลริ จะราบลงและแสงแห่งทวิพฤกษาจะทำให้โลกเต็มไปด้วยความสุขชั่วนิรันดร์

แนวคิดและการสร้างสรรค์

งานประพันธ์ที่คล้ายคลึงกับซิลมาริลสามารถพบได้ในเทววิทยาซึ่งเกี่ยวข้องกับ The Ring of the Nibelung ของ ริชาร์ด วากเนอร์ ในเทววิทยาของวากเนอร์ นางพรายน้ำแห่งไรน์ ได้รักษา Rheingold ไว้ โดยมันมิใช่เพียงทองเท่านั้น แต่เป็นทองวิเศษที่สามารถนำไปสร้างเป็นแหวนที่ผู้ถือจะสามารถเป็นเจ้าโลกได้ การค้นหา Rheingold ขับเคลื่อนทั้งพระเจ้าและมนุษย์สู่การกระทำทั้งน่าสยดสยองและกล้าหาญ ท้ายที่สุด Rheingold ได้กลับไปสู่นางพรายน้ำแห่งไรน์ชั่วนิรันดร์เหนืออำนาจของพระเจ้าหรือมนุษย์

อีกงานประพันธ์ซึ่งมีมาก่อนถ้าแม่นยำน้อยกว่านี้ ที่มีความคล้ายคลึงกับซิลมาริลคือเรื่องเกี่ยวกับ จอกศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวัตถุที่เป็นหนึ่งสำหรับบูชาพระเจ้า และมีค่าเกือบอนันต์ การหาจอกศักดิ์สิทธิ์นี้คือการหาสถานะของ Divine grace นั่นเอง ภารกิจการค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งใน ตำนานกษัตริย์อาเธอร์ ด้วย

งานเปรียบเทียบหนึ่งที่ถูกค้นพบในบทกวีของตำนานฟินน์คือ กาเลวาลา ซัมโป เป็นวัตถุแห่งอำนาจซึ่งหลอมโดยช่าง อิลมาริเนน ด้วยการกระตุ้นของพ่อมด ไวแนเมยเนน ผู้ต้องการมันเพื่อเอาชนะบุตรีของโลคิ แม่มดแห่งโปห์โยลา ถึงแม้ว่าธรรมชาติแท้ ๆ ของมันยังไม่มีใครรู้ แต่วัตถุนี้มีความสามารถอย่างเห็นได้ชัดในการสร้างทั้งสิ่งที่จำเป็นและความหรูหราด้วยเวทมนตร์แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของมัน การไล่ล่า การขโมย และการชิงซัมโปคืนโดยตัวละครต่าง ๆ ได้ขับเคลื่อนเรื่องราวส่วนใหญ่ใน กาเลวาลา

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  • เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน, ลอร์ดออฟเดอะริงส์, ลอนดอน: ฮาร์เปอร์คอลลินส์.
  • เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน, ซิลมาริลลิออน, ลอนดอน: ฮาร์เปอร์คอลลินส์.