สิ่งที่ควรทำเมื่อได้รับการแจ้งเตือนว่ามี AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้อยู่กับคุณ

AirTag ช่วยให้คุณติดตามสิ่งของต่างๆ เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ กระเป๋าเป้ กระเป๋าเดินทาง และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงตั้งค่าด้วย iPhone หรือ iPad แล้วติดเข้ากับสิ่งของของคุณ เท่านี้ AirTag ก็จะแสดงขึ้นในแถบสิ่งของในแอปค้นหาของฉัน

AirTag และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน รวมทั้ง AirPods บางรุ่นซึ่งได้แก่ AirPods (รุ่นที่ 3), AirPods Pro และ AirPods Max ต่างก็สามารถใช้เครือข่ายค้นหาของฉันเพื่อช่วยคุณติดตามและค้นหาสิ่งของต่างๆ ของคุณ* หลังจากที่คุณตั้งค่าอุปกรณ์ที่รองรับคุณสมบัตินี้เสร็จแล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวจะแสดงในแถบอุปกรณ์หรือสิ่งของในแอปค้นหาของฉัน

AirTag, AirPods และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในเครือข่ายค้นหาของฉันมีคุณสมบัติป้องกันการติดตามที่ไม่พึงประสงค์ คุณไม่ควรใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อติดตามแกะรอยผู้อื่น และไม่ควรใช้เพื่อติดตามทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของคุณ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อติดตามแกะรอยผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมถือเป็นความผิดทางกฎหมายในหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลก หากพบว่ามีการใช้ AirTag, ชุด AirPods หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันเพื่อติดตามผู้อื่นโดยมิชอบ สามารถขอข้อมูลทั้งหมดที่มี

AirTag, AirPods หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ในเครือข่ายค้นหาของฉันออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวเมื่อคุณใช้อุปกรณ์เหล่านั้นในการติดตามสิ่งของสำคัญต่างๆ โดยแต่ละชิ้นจะมีตัวระบุบลูทูธที่ไม่ซ้ำกันซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เครือข่ายค้นหาของฉันใช้การเข้ารหัสแบบต้นทางถึงปลายทาง และสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับค้นหาของฉันและความเป็นส่วนตัว

เพื่อป้องกันการใช้อุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธในทางที่ผิด Apple และ Google ได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างข้อกําหนดอุตสาหกรรมที่ทำให้สามารถแจ้งเตือนผู้ใช้ทั้ง iOS และ Android หากมีการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อติดตามโดยไม่รู้ตัว วิธีนี้จะช่วยบรรเทาการใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยติดตามสิ่งของในทางที่ผิด

การแจ้งเตือนการติดตามสำหรับอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ต้องใช้ iOS 17.5 หรือใหม่กว่า และ iPadOS 17.5 หรือใหม่กว่า

การติดตามที่ไม่พึงประสงค์

หากพบว่ามี AirTag, AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่ไม่อยู่กับเจ้าของ แต่กลับเคลื่อนที่ไปกับคุณ ระบบจะแจ้งให้คุณทราบโดยใช้หนึ่งในสองวิธีที่มี คุณสมบัติเหล่านี้เจาะจงออกแบบมาเพื่อกีดกันไม่ให้ผู้อื่นติดตามคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว

  1. หากคุณมี iPhone หรือ iPad การแจ้งเตือนการติดตามจะส่งการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์ Apple ของคุณ คุณสมบัตินี้สามารถใช้งานได้ใน iOS หรือ iPadOS 14.5 หรือใหม่กว่า หากต้องการรับการเตือน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำดังนี้

    • ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง แล้วเปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง

    • ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง > บริการของระบบ เปิดค้นหา iPhone ของฉัน

    • ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง > บริการของระบบ เปิดตำแหน่งที่ตั้งสำคัญเพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อคุณมาถึงตำแหน่งที่ตั้งสำคัญ เช่น บ้านของคุณ

    • ไปที่การตั้งค่า > บลูทูธ แล้วเปิดบลูทูธ

    • ไปที่การตั้งค่า > การแจ้งเตือน > การแจ้งเตือนการติดตาม จากนั้นเปิดอนุญาตการแจ้งเตือน

    • ปิดโหมดเครื่องบิน หากอุปกรณ์ของคุณอยู่ในโหมดเครื่องบิน คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนการติดตาม

  2. AirTag, เคสชาร์จ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเป็นระยะเวลาหนึ่งจะส่งเสียงเมื่อมีการเคลื่อนย้าย

หากคุณพบ AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่ไม่รู้จัก ให้ใช้ขั้นตอนด้านล่างเพื่อเรียนรู้ ค้นหา และปิดใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าว

หากคุณเห็นการเตือน

หากคุณเห็นการเตือนข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้บน iPhone หรือ iPad ของคุณ แสดงว่าอาจมีอุปกรณ์ที่รองรับเครือข่ายค้นหาของฉันหรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้กำลังติดตัวไปกับคุณ และเจ้าของอาจมองเห็นตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ได้

เป็นไปได้ว่า AirTag หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันดังกล่าวอาจติดอยู่กับสิ่งของที่คุณยืมมา หรือคุณอาจได้รับการเตือนนี้หากคุณขอยืม AirPods ของผู้อื่นมาใช้ หากคุณยืม AirTag หรืออุปกรณ์อื่นที่รองรับเครือข่ายค้นหาของฉันมาจากสมาชิกอื่นในกลุ่มการแชร์กันในครอบครัวเดียวกันกับที่คุณอยู่ คุณจะสามารถปิดการเตือนของอุปกรณ์นั้นได้นานหนึ่งวัน หรือจะปิดโดยไม่มีกำหนดก็ได้

หากมี AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเคลื่อนที่ไปพร้อมกับคุณเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือหาก iPhone ของคุณปลดล็อกหน้าจออยู่และ AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเป็นระยะเวลาหนึ่งส่งเสียงบอกว่ามีการเคลื่อนไหว ระบบจะแสดงข้อความแจ้งว่า "พบ AirTag เคลื่อนที่ไปกับคุณ"

ข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

ค้นหาของฉันแสดงแผนที่ตำแหน่งที่พบว่ามี AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้อยู่กับคุณ จุดสีแดงจะแสดงจุดที่ตรวจพบอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักใกล้กับ iPhone หรือ iPad องคุณ เส้นประที่ลากเชื่อมจุดสีแดงจะช่วยระบุลำดับของจุดต่างๆ ที่ตรวจพบว่าอุปกรณ์นั้นอยู่กับคุณ ทั้งนี้จุดสีแดงไม่ได้บ่งชี้ว่าเมื่อใดบ้างที่เจ้าของอุปกรณ์เปิดดูตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์

ข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

หากพบว่ามี AirPods ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเคลื่อนที่ไปจุดต่างๆ พร้อมกับคุณ การเตือนเหล่านี้จะแสดงข้อความแจ้งว่า “ตรวจพบ AirPods”, “ตรวจพบ AirPods Pro” หรือ “ตรวจพบ AirPods Max”

ข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

หากอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ซึ่งไม่อยู่กับเจ้าของเคลื่อนไหวไปพร้อมกับคุณเมื่อเวลาผ่านไป การแจ้งเตือนนี้จะปรากฏขึ้น: พบ "ชื่อผลิตภัณฑ์" เคลื่อนที่ไปกับคุณ (โดยที่ "ชื่อผลิตภัณฑ์" คือชื่อของอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันหรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธซึ่งตรวจพบ)

หากตรวจพบชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ แต่แอปค้นหาของฉันประสบปัญหาในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เหล่านั้นหรือกับเซิร์ฟเวอร์ในเวลานั้น การเตือนนี้จะแสดงข้อความแจ้งว่า “ตรวจพบอุปกรณ์เสริมที่ไม่รู้จัก” การเตือนนี้จะแสดงขึ้นเฉพาะเมื่อตรวจพบชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่อยู่ใกล้คุณ ไม่ใช่ AirTag โดยอุปกรณ์เหล่านี้อาจเป็น AirPods ที่คุณยืมมา หรือ AirPods ที่เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวทิ้งไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ

ค้นหา AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้

หากคุณได้รับการแจ้งเตือนว่า AirTag, ชุด AirPods, , อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้กําลังติดตัวไปกับคุณ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหา ขั้นแรก ให้ตรวจสอบแอปค้นหาของฉันเพื่อดูว่าคุณสามารถเล่นเสียงบนอุปกรณ์เสริมที่ไม่รู้จักได้หรือไม่ โดยทำดังนี้

  1. แตะที่การเตือน

  2. แตะดำเนินการต่อ จากนั้นแตะเล่นเสียง

  3. ฟังดูว่ามีเสียงดังขึ้นมาหรือไม่ คุณสามารถเล่นอีกครั้งได้หากต้องใช้เวลามากขึ้นในการค้นหาอุปกรณ์

หากไม่สามารถใช้ตัวเลือกเล่นเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้อยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว หรือหากอุปกรณ์อยู่กับคุณข้ามคืน ตัวระบุอาจเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว แอปค้นหาของฉันจะใช้ตัวระบุนี้เพื่อพิจารณาว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นชิ้นเดียวกับที่เคลื่อนที่ไปพร้อมกับคุณหรือไม่ หากอุปกรณ์อยู่ในขอบเขตสัญญาณของเจ้าของ คุณจะไม่สามารถเล่นเสียงได้เช่นกัน

หากอุปกรณ์เสริมที่ไม่รู้จักคือ AirTag และคุณมี iPhone รุ่นที่รองรับอัลตร้าไวด์แบนด์ คุณยังสามารถแตะ “ค้นหาใกล้เคียง” เพื่อใช้คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงเพื่อช่วยคุณระบุตำแหน่ง AirTag ที่ไม่รู้จัก

  1. แตะที่การเตือน

  2. แตะดำเนินการต่อ จากนั้นแตะค้นหาสถานที่ใกล้เคียง

  3. ปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอแล้วเคลื่อนที่ไปรอบๆ จนกว่า iPhone จะเชื่อมต่อกับ AirTag ที่ไม่รู้จัก

  4. iPhone ของคุณแสดงระยะทางและทิศทางไปยัง AirTag ที่ไม่รู้จัก ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเข้าใกล้ AirTag ที่ไม่รู้จักมากขึ้นจนกว่าจะพบสิ่งของที่หาอยู่

    • เมื่อ AirTag อยู่ในระยะบลูทูธของ iPhone คุณสามารถเล่นเสียงบน AirTag ได้โดยแตะปุ่มเล่นเสียงไม่มีข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

    • หาก iPhone คุณบอกว่าต้องมีแสงมากกว่านี้ ให้แตะปุ่มเปิดไฟฉายไม่มีข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

  5. เมื่อเสร็จแล้ว ให้แตะปุ่มเสร็จสิ้นไม่มีข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

หากไม่สามารถใช้ตัวเลือกเล่นเสียงได้ หรือหากคุณเล่นแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียง หรือหากคุณหาอุปกรณ์ไม่ได้ด้วยการค้นหาอย่างแม่นยำ และคุณเชื่อว่าอุปกรณ์นั้นยังอยู่กับคุณ ให้ค้นดูสิ่งของต่างๆ ของคุณเพื่อพยายามหาอุปกรณ์นั้น ค้นที่ตัวคุณหรือในสิ่งของใดๆ ก็ตามที่อยู่กับคุณที่อาจมีอุปกรณ์นี้ โดยอาจจะเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้ตรวจดูบ่อยๆ เช่น กระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต ช่องใส่ของด้านนอกสุดของกระเป๋าสะพาย หรือในรถของคุณ หากคุณหาอุปกรณ์ดังกล่าวไม่พบและหากรู้สึกไม่ปลอดภัย ให้ไปสถานที่สาธารณะที่ปลอดภัยและติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย

หากคุณได้ยินเสียง AirTag, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้

เพื่อแจ้งเตือนผู้คนในบริเวณใกล้เคียง AirTag, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ซึ่งไม่อยู่กับเจ้าของเป็นระยะเวลาหนึ่งจะส่งเสียงเมื่อเคลื่อนย้าย

รับข้อมูลหรือปิดใช้งาน AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้

หากคุณพบ AirTag ที่ไม่รู้จัก คุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับ AirTag ดังกล่าวหรือปิดการทำงานได้

  1. หากคุณพบ AirTag ให้ถือ iPhone หรือสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC ให้ตัวเครื่องด้านบนอยู่ใกล้กับฝั่งสีขาวของ AirTag จนกว่าจะมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้น

  2. แตะการแจ้งเตือน แล้วเครื่องจะเปิดเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ AirTag ดังกล่าวขึ้นมา โดยจะระบุหมายเลขประจำเครื่องและตัวเลขสี่หลักสุดท้ายของหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่ลงทะเบียน AirTag นั้น ซึ่งอาจช่วยให้คุณระบุตัวเจ้าของได้ หากคุณรู้จักเจ้าของ คุณสามารถถ่ายภาพหน้าจอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้บันทึกข้อมูลไว้แล้ว

    ข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ
  3. หากเจ้าของทำเครื่องหมายว่า AirTag นี้สูญหายอยู่ คุณอาจเห็นข้อความพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีติดต่อเจ้าของ

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่ไม่อยู่กับเจ้าของ ให้เลื่อนลงไปด้านล่างของแถบสิ่งของ แล้วแตะ “ระบุสิ่งของที่พบ”

หากคุณต้องการดูรายการ AirTag, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ทั้งหมดที่คุณได้รับการแจ้งเตือนถึง ให้เปิดแอปค้นหาของฉันบน iPhone หรือ iPad ของคุณ แตะ "สิ่งของ" เลื่อนลงมาที่ด้านล่างสุด แล้วแตะพบสิ่งของอยู่กับคุณ สิ่งของที่เพิ่งกระตุ้นให้ระบบส่งการแจ้งเตือนการติดตามที่ไม่พึงประสงค์จะแสดงในรายการนี้ หากไม่สามารถใช้ตัวเลือกเล่นเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้อยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว อาจอยู่ใกล้เจ้าของ หรือหากอุปกรณ์อยู่กับคุณข้ามคืน ตัวระบุอาจเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว

ข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

หากต้องการปิดใช้งาน AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ และทำให้อุปกรณ์หยุดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง ให้แตะวิธีปิดใช้งานแล้วทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ หลังจาก AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ถูกปิดใช้งานแล้ว เจ้าของจะไม่สามารถรับการอัปเดตเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบันได้อีกต่อไป และคุณยังจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนถึงการติดตามที่ไม่พึงประสงค์สำหรับอุปกรณ์นี้อีกต่อไป

ข้อความอธิบายสำหรับรูปภาพ

คำแนะนำในการปิดใช้งานและข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้จะมาจากเครือข่ายเครื่องมือค้นหาที่เกี่ยวข้องและจะไม่ได้รับการรับรองจาก Apple รูปภาพ คำแนะนำ และคำอธิบายของผลิตภัณฑ์อาจไม่มีให้บริการหรืออาจไม่พร้อมใช้งานในบางภาษา

หากคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายซึ่งจะสามารถประสานงานกับ Apple เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้ คุณอาจต้องส่งมอบ AirTag, ชุด AirPods หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันให้เจ้าหน้าที่ และแจ้งหมายเลขประจำเครื่อง

การปิดใช้งานเครือข่ายค้นหาของฉันบนอุปกรณ์ของคุณ ปิดบลูทูธ หรือปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้งบน iPhone ของคุณไม่ได้ทำให้เจ้าของ AirTag, AirPods หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันดังกล่าวมองไม่เห็นตำแหน่งที่ตั้งของ AirTag หรืออุปกรณ์เสริมนั้น คุณต้องปิดการทำงานของอุปกรณ์นั้นตามคำแนะนำด้านบน

ค้นหา AirTag หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันด้วยอุปกรณ์ Android

หากคุณใช้อุปกรณ์ Android คุณสามารถดาวน์โหลดแอป Tracker Detect จาก Google Play Store Tracker Detect จะค้นหาอุปกรณ์ติดตามสิ่งของภายในขอบเขตสัญญาณบลูทูธที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของ โดยที่อุปกรณ์นั้นต้องรองรับเครือข่ายค้นหาของฉันของ Apple ซึ่งรวมถึง AirTag และอุปกรณ์ติดตามสิ่งของที่รองรับและใช้เครือข่ายค้นหาของฉัน หากคุณคิดว่ามีคนใช้ AirTag หรืออุปกรณ์ติดตามสิ่งของอื่นๆ เพื่อหาตำแหน่งของคุณ ก็สามารถลองสแกนหาดูได้ หากแอปตรวจพบ AirTag หรืออุปกรณ์ติดตามสิ่งของที่รองรับอยู่ใกล้คุณอย่างน้อย 10 นาที คุณสามารถทำให้ส่งเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งได้

ไปที่ Google Play เพื่อดาวน์โหลดแอป Tracker Detect

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

หากคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณ

* เครือข่ายค้นหาของฉันไม่รองรับในเกาหลีใต้

การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Apple หรือเว็บไซต์อิสระที่ Apple ไม่ได้ควบคุมหรือทดสอบไม่ถือเป็นการแนะนำหรือการรับรองใดๆ Apple จะไม่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้งานเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น Apple ไม่รับรองความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้จำหน่ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

วันที่เผยแพร่: