- ทุกสิ่งที่ผู้คนที่ Apple ทำมีรากฐานมาจากการเคารพในประสบการณ์ที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มคน ร้านของเราดูอบอุ่นน่าเข้า บริษัทของเรามีบรรยากาศคล้ายชุมชน จะว่าไป DNA อาจเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของแนวคิดนี้ก็ว่าได้ หรือพูดอีกอย่างได้ว่า DNA เป็นส่วนขยายค่านิยมของการยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ การฟูมฟักวัฒนธรรมของการเป็นส่วนหนึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน เชื่อมต่อกันและกัน และได้รับการผลักดันด้านอาชีพการทำงานที่นี่
- ชุมชน DNA แต่ละแห่งนำโดยพนักงานที่เป็นสมาชิก จึงมั่นใจได้ว่ามีความแน่วแน่ในวิสัยทัศน์ ยิ่งไปกว่านั้น DNA มีทีมที่ปรึกษาชุมชนเฉพาะ ที่คอยให้คำชี้แนะ การสนับสนุน และทรัพยากรต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนากลยุทธ์ ประสานงานกิจกรรม และเชื่อมต่อกับทีมผู้นำ รวมถึงชุมชน Apple ในวงกว้าง
- พวกเราหลายคนมองว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหลายแห่งในเวลาเดียวกัน หรือต้องการเรียนรู้มุมมองที่แตกต่างออกไปในฐานะพันธมิตร แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คุณก็จะพบว่า DNA ของเราเปิดกว้างรับทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง และคุณสามารถเข้าร่วม DNA กลุ่มไหนก็ได้ หรือจะเข้าร่วมทุกกลุ่มเลยก็โอเค
Apple คือที่ที่ฉันเป็นส่วนหนึ่ง
ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา ผู้คนที่นี่ได้ก่อตั้งชุมชนที่เรียกว่า Diversity Network Association
1986
ปีที่ Apple DNA กลุ่มแรก ก่อตั้งขึ้น
67
จำนวนกลุ่ม DNA ทั่วโลก และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
55,000+
จำนวนสมาชิก DNA ทั่วโลก และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมีชุมชนคอยหนุนหลัง ก็จะมีสิ่งที่รอคอยคุณอยู่ข้างหน้ามากขึ้น
ผู้คนที่นี่ได้มีโอกาสทำอะไรๆ มากขึ้นผ่าน DNA และทุกคนก็ยินดีที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ของตนเอง
ชุมชน
การค้นหาชุมชนก็เหมือนกับการค้นหาตัวตนของตัวเอง
ตลอดทั้งปี คุณจะได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านกิจกรรม DNA ต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรมเฉลิมฉลองยกย่องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม คุณจะได้ให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน สู้กับปัญหาที่สำคัญๆ แล้วคุณจะรู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้าน
iLian สมาชิก Familia@Apple และ Women@Apple“สิ่งที่มีความหมายมากที่สุดของการเป็นส่วนหนึ่งของ DNA คือการได้พบพลังชุมชนค่ะ”
หลังจากที่ได้เริ่มทำงานกับ Apple ขณะที่ยังศึกษาอยู่ iLian เลือกที่จะกลับมาที่ Apple อีกครั้งหลังสำเร็จการศึกษา เมื่อเธอเห็นว่า DNA น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการสานสัมพันธ์กับผู้อื่นและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เธอก็เข้าร่วมทั้ง Familia@Apple และ Women@Apple
“งานกิจกรรมของ Familia@Apple งานหนึ่งที่ฉันเข้าร่วม เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันไปอย่างแท้จริง ฉันเกิดที่เม็กซิโก ลักลอบเข้ามาใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาโดยผิดกฎหมายอยู่หลายปี ฉันรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ ฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าคนแปลกหน้าหรือในที่ทำงานเลย
“จากนั้นวันหนึ่งฉันก็เปิดอกพูดถึงประสบการณ์เข้าเมืองผิดกฎหมายกับสมาชิกคนอื่นๆ ในชุมชน Latinx ของเรา ในคืน Open Mic”
“ฉันเขียนประสบการณ์ของฉันในรูปแบบของกลอนเล่าเรื่อง และก็ค่อนข้างกังวลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออ่านให้ทุกคนฟัง ไม่มีใครตัดสินฉันเลย แต่กลับได้รับกำลังใจ หลังจากนั้น คนก็ขอบคุณฉันที่เล่าเรื่องราวนี้ให้ฟัง และปรากฏว่ามีคนอื่นๆ ที่มีเรื่องราวคล้ายกันนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน ฉันรู้สึกดีมากๆ ที่รู้ว่าไม่ได้มีฉันเพียงคนเดียว และในที่สุดก็สามารถปลดปล่อยภาระทางความรู้สึกนี้กับคนที่เข้าใจฉันได้ ฉันได้พบพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
“ความปรารถนาของฉันที่จะเข้าร่วมทีมผู้นำ DNA กำเนิดขึ้นมาจากประสบการณ์ในคืนนั้น ฉันอยากช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้อื่นบ้าง”
“การได้เป็นประธานร่วมของ Women@Apple เป็นงานที่นำรางวัลทางใจมาให้จริงๆ ค่ะ เพราะเป็นบทบาทที่มีอิทธิพลช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้มากกว่าโอกาสไหนไหน ตัวอย่างเช่น เราได้ออกไปสัมภาษณ์บรรดาผู้หญิงที่พูดถึงคุณค่าของการมีความยืดหยุ่นในแผนการ การเติบโตจากการเปลี่ยนแปลง การเป็นผู้ให้คำปรึกษา และการที่เป็นตัวของตัวเองสามารถนำไปสู่ความสำเร็จในการทำงานที่นี่ได้ งานกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเราคือ การเสวนาที่เชิญผู้หญิงผิวดำที่ Apple มาร่วมบอกเล่าถึงความท้าทายและความสำเร็จที่พวกเธอพบเจอตลอดเส้นทางการทำงาน
“แต่ละเหตุการณ์เปรียบเสมือนเครื่องมือที่เพิ่มลงในกล่องเครื่องมือของคุณค่ะ บ้างก็เพื่อการทำงาน บ้างก็เพื่อชีวิตส่วนตัว ทุกเครื่องมือล้วนช่วยคุณทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ”
“ส่วนงานกิจกรรมอื่นๆ ของชุมชนเรามุ่งเน้นไปที่เรื่องผู้หญิงทั่วๆ ไป อย่างเช่น ปัญหาสุขภาพของผู้หญิง หรือเวิร์กช็อปในหัวข้อต่างๆ อาทิ การท้าทายเสียงวิจารณ์ในหัวของคุณ ฉันเป็นแม่ลูกสองที่ทำงานไปด้วย และ DNA ก็ช่วยฉันพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นในทั้ง 2 เรื่อง”
Jay สมาชิก AsianPacific@Apple“คุณอยากสะสางปัญหายากๆ กับคนที่เข้าใจคุณจริงๆ ซึ่งก็คือชุมชนของคุณนั่นเอง”
ในช่วงโรคระบาดที่ผ่านมา Jay และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ริเริ่มโครงการที่จะช่วยต่อต้านยับยั้งการคุกคามและความรุนแรงที่มุ่งเป้าไปที่ชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและชาวเกาะแปซิฟิก ซึ่งลุกลามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ Jay รู้สึกปลื้มใจมากเป็นพิเศษเมื่อเห็นว่าผู้คนจากภายนอก DNA ให้ความสนใจและแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างมากเช่นกัน
“พวกเราส่วนใหญ่มีทั้งความกลัวและความโกรธผสมกัน ทั้งในความปลอดภัยของตัวเราเองและคนในครอบครัว พวกเราเริ่มคิดว่า 'จะทำอะไรได้บ้าง เราจะสามารถทำให้พวกเรามีศักยภาพที่จะต่อต้านการคุกคามและความรุนแรงได้อย่างไร การฝึกอบรมในหัวข้อวิธีการเข้าแทรกแซงในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ เป็นการตอบสนองโดยตรงต่อปัญหานี้ ซึ่งมีขั้นตอนที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
“เมื่ออารมณ์ความรู้สึกของพวกเราถึงขีดสุด สมาชิกในชุมชนก็มารวมตัวกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“ความต้องการเข้าร่วมการฝึกอบรมนี้พุ่งสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา ในช่วงแรกจึงไม่เหลือที่นั่งให้จองเลย จากนั้นที่ปรึกษา DNA ของเราก็ยื่นมือเข้ามาช่วยทำให้การฝึกอบรมเกิดขึ้น การฝึกอบรมรอบแรกมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกว่า 1,000 คน จากนั้นเราก็เพิ่มรอบมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้พวกเราทุกคนสามารถเรียนรู้วิธีรับมือกับการโจมตีจากการเหยียดเชื้อชาติที่นำไปปฏิบัติได้จริงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ในท้ายที่สุด มีผู้คนจากทุกพื้นเพจากทั่วทั้ง Apple มาเข้าร่วมกว่า 6,000 คน เราได้เรียนรู้วิธีช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
“สำหรับผู้ที่อยู่นอกชุมชน บทสนทนาในการฝึกอบรมนี้อาจทำให้รู้สึกอึดอัดใจ แต่พันธมิตรหลายต่อหลายคนก็ใช้เวลาพยายามเรียนรู้ ผมภูมิใจใน DNA ของเรา และผมก็ภูมิใจที่ได้ทำงานในที่ที่ผู้คนใส่ใจผู้อื่น การได้เห็นผู้คนเต็มใจที่จะมีประสบการณ์นั้นกับเรา เป็นอะไรที่สำคัญสำหรับผมมากๆ
“การที่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ก็เป็นสิ่งที่ปลอบประโลมจิตใจด้วยที่รู้ว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับชุมชนของเรา”
“ผู้คนที่ Apple ต่างก็งานยุ่ง และในแต่ละวัน ไม่ใช่สมาชิกทุกคนที่จะมีเวลาคอยช่วยงานของ DNA อยู่ตลอดได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกต้องการเรา เราก็พร้อมช่วยเหลือเสมอ เราสามารถเป็นเพื่อนที่คุณโทรหาได้ในตอนที่คุณกำลังเผชิญวิกฤติ เราไม่ตัดสินกัน”
Georgiana สมาชิก Black@Apple“เมื่อผู้คนที่นี่เห็นงานเฉลิมฉลองวันประกาศเลิกทาส Juneteenth พวกเขาต่างก็ร้อง ‘ว้าว’ ”
Juneteenth เป็นการรำลึกถึงการประกาศเลิกทาสในสหรัฐอเมริกาที่เก่าแก่และมีการเฉลิมฉลองกันมากที่สุด โดยตั้งแต่ปี 1865 ชาวอเมริกันผิวดำได้กำหนดให้วัน Juneteenth เป็นวันเฉลิมฉลองเสรีภาพ Georgiana จำความรู้สึกตอนที่สมาชิกของ Black@Apple ช่วยกันทำให้งานเฉลิมฉลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Apple ในวงกว้างได้สำเร็จ
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Black@Apple แห่งต่างๆ ทำการเฉลิมฉลอง Juneteenth เล็กๆ เป็นของตัวเอง จากนั้น หลังการประชุม DNA Summit ปี 2018 พวกเราก็ได้พบปะพูดคุยกับฝ่ายผู้นำของ Apple เพื่อแชร์ไอเดียการจัดการเฉลิมฉลองให้เป็นไปในแนวเดียวกันมากขึ้น หลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ เราก็ได้เห็นหนึ่งในไอเดียกลายเป็นความจริงทันวันเฉลิมฉลองพอดี นั่นคือ ในการอัปเดตซอฟต์แวร์ iOS ครั้งล่าสุด Juneteenth ปรากฏขึ้นเป็นวันหยุดของสหรัฐอเมริกาในแอปปฏิทินอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่พนักงานของ Apple เท่านั้นที่เห็น ลูกค้าทั่วไปก็เห็นเหมือนกัน Juneteenth กลายเป็นตัวเริ่มต้นการสนทนากับบางคนได้ดีมากๆ เพราะเขาจะถามว่า 'Juneteenth คืออะไรเหรอ ฉันก็มักจะตอบไปว่า ฉันดีใจมากที่คุณถามนะ’
“พอเห็นอยู่ในแอปปฏิทิน เราก็พูดขึ้นมาว่า 'จริงหรือเนี่ย เยี่ยมไปเลย! สุดยอด ยิ่งใหญ่มากๆ!’ ”
“การรับรู้และทรัพยากรแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ Juneteenth เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดปี 2019 จากนั้นปี 2020 นำมาซึ่งการประท้วงการเหยียดเชื้อชาติในสังคมสหรัฐอเมริกาในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งต้นเหตุส่วนใหญ่คือความรุนแรงและความอยุติธรรมต่อชุมชนคนผิวดำ สมาชิกของเราเผชิญกับความปวดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า และได้ระบายความรู้สึกนั้นออกมาอย่างชัดเจนมากในตอนที่เรามารวมตัวกันในการประชุม Black@Apple ระดับบริษัท
“จากความเจ็บปวดในปี 2020 เป้าหมายของเราคือการทำให้วัน Juneteenth เป็นที่จดจำกันว่าคือช่วงเวลาแห่งการรักษาเยียวยาของเรา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างเป็นเรื่องเป็นราว”
“เราได้รับการสนับสนุนมากมายจาก Apple ทั้งในด้านการเป็นสปอนเซอร์ เงินทุน การยอมรับจากเหล่าผู้นำ และอีกมากมาย มีเรื่องราวเกี่ยวกับวัน Juneteenth ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ภายในของเรา รวมถึงอีเมลจดหมายข่าว และการประกาศต่อพนักงานกว่า 165,000 คนที่นี่ ซึ่งเขียนไว้ว่า 'ปีนี้ที่ Apple วัน Juneteenth จะเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง วันแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และวันแห่งการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับกลุ่ม Black@Apple ของพวกเราทุกคนทั่วโลก' ประธานร่วม DNA ของเรายังได้พบปะพูดคุยกับเหล่าผู้นำอาวุโสของ Apple ผู้ที่อยากรู้ว่าตนเองจะช่วยชุมชนแห่งนี้ได้อย่างไรบ้าง หนึ่งในคำขอของเราคือ ไม่เพียงแค่ให้วัน Juneteenth เป็นที่รู้จักในฐานะวันสำคัญทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังอยากให้กำหนดเป็นวันหยุดของ Apple อย่างเป็นทางการอีกด้วย เป็นวันหยุดเฉลิมฉลอง รำลึกถึง และให้ความรู้แก่กัน และไม่นานหลังจากนั้น คำขอของเราก็กลายเป็นความจริง ทุกวันนี้ วัน Juneteenth ก็เป็นที่รู้จักกว่าที่เคย ซึ่งส่งผลถึงชุมชนของเราด้วย
“เมื่อ DNA พูด Apple ก็รับฟัง แล้วทุกคนก็ลงมือทำ ถือเป็นความร่วมมือที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ”
“สำหรับพวกเราในชุมชน Black@Apple เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ที่ประวัติศาสตร์ของเราได้รับการยอมรับ พร้อมโอกาสใหม่ๆ ให้แชร์เรื่องราว และได้เปิดประตูต้อนรับพันธมิตรหน้าใหม่และผู้ที่สนใจมาร่วมเฉลิมฉลองกับเรา”
ผลกระทบ
ชุมชนก็ได้ประโยชน์จากนวัตกรรมเช่นกัน
ในฐานะสมาชิก DNA คุณจะได้ช่วยขับเคลื่อนวัฒนธรรมของ Apple รังสรรค์ประสบการณ์ของผู้คนที่นี่ และสร้างผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และบริการของเรา การเป็นสมาชิก DNA คือหนทางเยี่ยมๆ ที่จะสามารถแชร์มุมมองและประสบการณ์เฉพาะตัวกับชุมชน Apple ในวงกว้าง รวมไปถึงฝ่ายผู้นำได้
Frank สมาชิก Indigenous@Apple“เราช่วยให้ผู้คนมองเห็นวัฒนธรรมชนพื้นเมืองและได้ยินเสียงของผู้ผลิตเนื้อหาที่เป็นชนพื้นเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน”
Frank ทำงานเป็น Creative Pro ที่ Apple Store สาขาหนึ่งในฟลอริดา และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Indigenous@Apple อิทธิพลของเขาแผ่ขยายไปไกลกว่าที่ที่เขาทำงานอยู่ ความหลงใหลในการเล่าเรื่องผ่านสื่อนำพาเขาไปสู่โปรเจ็กต์ร่วมกับทีม Apple Podcasts ที่ที่เขาได้ช่วยชูเรื่องราวของชนพื้นเมืองทั่วโลก
“ผมเป็นสมาชิกที่มีบทบาทและเป็นผู้นำของ Indigenous@Apple ตั้งแต่วันที่ DNA นี้จัดตั้งขึ้น ไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับทีม Apple Podcasts เป็นเวลา 6 เดือน นั่นคือตอนที่ผมเริ่มแชร์ไอเดียเกี่ยวกับเสียงของชนพื้นเมืองสำหรับแอปพ็อดคาสท์ ในฐานะพันธมิตร บรรณาธิการของทีม Apple Podcasts ชอบไอเดียนี้มาก ผมจึงขอให้สมาชิก Indigenous@Apple ของเราแชร์รายชื่อพ็อดคาสท์และนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตนเองชื่นชอบ จากนั้นบรรณาธิการก็ได้สร้างส่วนพิเศษขึ้นมาในแอป เช่น Returning and Reclaiming ซึ่งประกอบด้วยพ็อดคาสท์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชนพื้นเมืองกับแผ่นดินของชนพื้นเมือง และ Native Origins ซึ่งเน้นไปที่การทวงคืนวัฒนธรรมในโลกปัจจุบัน
“DNA สามารถเป็นจุดเริ่มต้นในการสนทนาเรื่องวัฒนธรรมกับผู้ฟังหลายล้านคนได้”
“ในขณะที่ผมทำงานอยู่กับทีม Apple Podcasts สมาชิก Indigenous@Apple คนอื่นๆ ก็ทำงานร่วมกับทีม Apple Media Products อื่นๆ ไปด้วย บางคนช่วยให้คำแนะนำทีมงานของ Apple Music ที่ดูแลคัดสรรเพลย์ลิสต์ Indigenous Sounds และเนื้อหาอื่นๆ สำหรับบรรจุลงในพื้นที่โปรโมทพิเศษในแอปเพลง พวกเขายังช่วยเรื่องเพลงที่จะเปิดในสาขาต่างๆ ของ Apple Store อีกด้วย นอกจากนี้ สมาชิกคนอื่นๆ ได้ช่วยทีม Apple Books สร้างคอลเลกชั่นที่เน้นหยิบยกนักเขียนชาวพื้นเมืองอเมริกัน ส่วนสมาชิกอีกจำนวนหนึ่งก็ยังได้ช่วยทีม Apple TV จัดทำเนื้อหาพิเศษที่นำเสนอเรื่องราวของชนพื้นเมืองและแสดงโดยดาราชนพื้นเมือง เพื่อเป็นการขอบคุณในความพยายามของทุกคนในความร่วมมือครั้งนี้ ผมและเพื่อนร่วมงาน DNA ได้จัดงานกิจกรรมที่พันธมิตรของเราจาก Apple Media Products นำผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วออกมาฉายกันสดๆ
"เสียงของเราได้รับการขยายเพื่อสร้างแรงกระทบ ก็ต้องขอขอบคุณ DNA และพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมทั้งหลายที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับชุมชนของเรา และเลิกเชื่อในความเชื่อเดิมๆ"
“สำหรับชนพื้นเมือง สิ่งสำคัญคือการได้รับการนำเสนอเรื่องราวของเราในบริบทของปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในบริบททางประวัติศาสตร์เท่านั้น การนำเสียงและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองทั่วโลกในปัจจุบันออกมาแสดงให้ทุกคนเห็น ทำให้พวกเรารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา ไม่โดนมองว่าเป็นเพียงแค่อดีต และได้รับการยอมรับมากขึ้น”
Tetsu สมาชิก Accessibility@Apple“เราต้องการต่อยอดความก้าวหน้าของเรา เพื่อทำสิ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมไปอีกนาน”
Tetsu เป็นผู้นำ Apple Store และประธานร่วมของ Accessibility@Apple ในญี่ปุ่น กิจกรรมของ DNA สำหรับวันตระหนักรู้ต่อการช่วยการเข้าถึงโลก (Global Accessibility Awareness Day หรือ GAAD) เมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนหนึ่งได้เน้นไปที่ชุมชนคนหูหนวกและได้ยินไม่ชัด ในฐานะที่เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนการตระหนักรู้ต่อการช่วยการเข้าถึงมาช้านาน Tetsu รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นว่า แม้หลังจากที่งาน GAAD สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ สมาชิก DNA ก็ยังคงรักษาแรงผลักดันเอาไว้
“เป้าหมายของเราคือ การสร้างความเข้าใจรวมถึงศักยภาพให้กับเพื่อนร่วมงานและลูกค้าของเรา”
“ในงานกิจกรรมแรก หนึ่งในสมาชิก DNA ของเราได้สอนภาษามือให้กับเพื่อนร่วมงานที่ Apple กว่า 100 คนเนื่องในโอกาสวัน GAAD แต่เราคิดว่าจริงๆ แล้วทุกๆ วันเป็นวันแห่งการช่วยการเข้าถึง เราจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หลังจากนั้น สมาชิก DNA ได้จัดการเรียนการสอนอีก 4 รอบ สำหรับทีมต่างๆ จากฝ่าย Corporate และฝ่าย Retail
“โปรเจ็กต์นี้ดำเนินไปได้ด้วยตัวของมันเอง ต้องขอขอบคุณสมาชิกส่วนหนึ่งของ Accessibility@Apple ที่ทุ่มเทมากๆ”
“จากนั้น สมาชิก DNA ของเราอีกสองสามคนก็ได้จัดการเรียนการสอนภาษามือแบบต่อหน้าให้กับพนักงานที่ร้าน Apple Store หลายแห่งทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น สมาชิกอีกคนสร้างมิวสิกวิดีโอ พร้อมเนื้อเพลงที่แสดงเป็นภาษามือโดยพนักงานของร้าน แล้วนำไปแชร์กับเพื่อนร่วมงาน Apple Store หลายหมื่นคนทั่วโลก นอกจากที่สาขาแล้ว ยังมีการสอนภาษามือให้กับทีมพนักงาน Apple ที่ช่วยลูกค้าซื้อสินค้าทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน การสอนแต่ละครั้งดำเนินการโดยสมาชิกของ Accessibility@Apple ผู้ที่หูหนวกหรือได้ยินไม่ชัด
“การส่งเสริมวัฒนธรรมของ Apple ในลักษณะนี้ เป็นประสบการณ์ที่ปลุกพลังให้กับสมาชิก DNA ของเรา”
“ร้านที่กรุงเกียวโตกำหนดให้กิจกรรมนี้มียาวนานถึง 1 เดือน สมาชิก Accessibility@Apple ที่นั่นเปิดตัวซีรีส์ที่ชื่อว่า เรียนรู้ภาษามือวันละนิด เป็นบทเรียนสั้นๆ ง่ายๆ สอนให้กับพนักงานทุกวัน
“ผู้คนรู้สึกได้รับการต้อนรับและได้รับความเคารพมากกว่าที่เคย เพิ่มมิติใหม่ให้กับความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง”
“วันนี้ สมาชิกทีมของร้านที่เข้าร่วมยังคงใช้ภาษามือทักทายเพื่อนร่วมงานและลูกค้าที่สูญเสียความสามารถในการได้ยิน ลูกค้าธุรกิจรายหนึ่งประทับใจมากๆ ในความใส่ใจของเรา เธอเลยส่งวิดีโอภาษามือขอบคุณพวกเราที่ให้การต้อนรับเธอด้วยวิธีที่เธอถนัดมาให้”
เส้นทางอาชีพ
ค้นพบตัวเองผ่านการสานสัมพันธ์กับผู้อื่น
ไม่ว่าบทบาทของคุณที่ Apple จะเป็นอะไร คุณจะพบหนทางในการเติบโตและเป็นผู้นำผ่าน DNA คุณสามารถเติบโตในอาชีพการงานผ่านการสร้างเครือข่าย การเป็นผู้ให้คำปรึกษา และโอกาสในการเรียนรู้ และคุณก็สามารถช่วยดึงคนอื่นเข้ามา พร้อมๆ กับรู้จักผู้คนใหม่ๆ ที่เจอกันในงานประชุมการยอมรับความแตกต่างและงานกิจกรรมด้านเส้นทางอาชีพมากมาย
Bianca สมาชิก Women@Apple“นี่เป็นวิธีพัฒนาศักยภาพของการเป็นผู้นำด้านวิศวกรรม จากกิจกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมแม้แต่นิด”
ก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของทีม Machine Learning ที่ทำงานในรัฐซีแอตเทิล Bianca ได้พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำจากการเป็นประธานร่วมของ Women@Apple การช่วยผู้หญิงอุ้มชูความสำเร็จของกันและกัน เป็นเรื่องที่เธอให้ความสำคัญมาตั้งแต่สมัยที่ศึกษาเล่าเรียนสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
“ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ฉันได้รับแรงบันดาลใจมากที่สุดจากผู้หญิงชาวเปอร์โตริโกที่เข้มแข็งมากๆ ในครอบครัวของฉัน และฉันก็อยากส่งต่อแรงบันดาลใจนี้ไปยังผู้หญิงคนอื่นๆ ตั้งแต่นั้นมา และด้วย Women@Apple ฉันก็บรรลุเป้าหมายนั้น ส่วนในด้านอาชีพการทำงาน ฉันก็ได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ เช่น การจัดการทีม การสื่อสาร การนำเสนอ และความมั่นใจ ซึ่งเป็นชุดทักษะที่เกี่ยวโยงกับทีมวิศวกรที่ฉันดูแลอยู่ หรือจะว่าไปก็ทีมอื่นๆ ด้วยน่ะล่ะ
“บางครั้งฉันก็ถามตัวเองว่า 'อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ฉันอยากไปอยู่ตรงจุดไหนนะ ตอนนี้ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ตัวเองพร้อมเมื่อเวลานั้นมาถึง’ ”
“เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทีมวิศวกรของเรา ซึ่งทำให้มีตำแหน่งว่างเกิดขึ้น มีคนเข้ามาถามฉันว่าอยากจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำไหม ด้วยประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันสั่งสมมากับ DNA ฉันรู้เลยว่าฉันพร้อมแล้ว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คนอื่นรู้ว่าฉันพร้อมแล้วเช่นกัน ผู้จัดการคนใหม่ของฉันให้การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของฉันใน Women@Apple อย่างเต็มที่มาโดยตลอด และอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยก็คือ การที่ฉันมีเป้าหมายด้านอาชีพชัดเจน
“ฉันบอกว่าฉันหวังว่าจะได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้นำ และผู้จัดการก็พูดว่า 'เธอมีทักษะนั้นอยู่แล้ว ฉันเคยเห็นตอนที่เธอทำงาน DNA' ”
“สมาชิก DNA ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านอาชีพ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในระดับใดในทีมหรือใน DNA และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำ ตัวอย่างเช่น เราได้จัดการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีเตรียมตัวสำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานกันอย่างเปิดเผย และสมาชิกทุกคนของเราก็ได้รับมุมมองเชิงลึกด้านอาชีพการงานจากการสัมภาษณ์ผู้นำหญิงเก่งๆ ของ Apple
“DNA เป็นสถานที่ดีๆ ที่ผู้คนเข้ามารับแรงบันดาลใจจากผู้ที่ก้าวหน้าไปไกลในเส้นทางอาชีพของตนเองแล้ว”
“แม้แต่กิจกรรม Coffee Chat ที่เปิดกว้างของเรา คุณจะได้พบปะพูดคุยกับคนอื่นๆ เกี่ยวกับประเด็นสำคัญๆ ของผู้หญิง หรือเพศไหนก็ตาม ทั้งในที่ทำงานและชีวิตส่วนตัว และถ้าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับ DNA มากขึ้นในฐานะผู้นำ ก็มีบทบาทผู้นำมากมายให้ลองพิจารณา ฉันรอดูอยู่นะว่าผู้นำคนถัดๆ ไปของ Women@Apple จะทำสิ่งดีๆ อะไรให้กับผู้หญิงที่ Apple บ้างค่ะ”
Shirleena สมาชิก Black@Apple“ผู้ให้คำปรึกษา DNA ของฉันบอกว่าฉันควรจะทำสิ่งนี้ เพราะทำให้ดึงศักยภาพที่ดีที่สุดในตัวออกมาได้”
เมื่อปี 2015 Shirleena ทำงานพาร์ทไทม์ที่ Apple Store ในเมืองเชฟฟิลด์ สหราชอาณาจักร พร้อมทั้งเรียนปริญญาหลักสูตรสังคมวิทยาไปด้วย 5 ปีต่อมา เธอได้เป็น Global Program Manager ทีม Apple Music, Podcasts และ Beats by Dre เธอให้เหตุผลว่า ที่เธอได้รับโอกาสในการทำงานในฝัน เป็นเพราะประสบการณ์ที่เธอมีกับ Black@Apple
“ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่ก็เป็นสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี จากนั้นการเข้าร่วม Black@Apple ทำให้ฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองในขณะทำงานได้มากขึ้น นั่นคือตอนที่ฉันตระหนักว่า 'Shirleena ตอนนี้เธออยู่ในโลกใหม่แล้ว เธอกำลังนำวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความรู้ด้านสังคมวิทยาที่ได้ร่ำเรียนมามาปรับใช้กับ DNA อยู่นะ’ หลังจากนั้น เมื่อฉันได้รับการทาบทามให้เป็นผู้นำของ Black@Apple ฉันก็ตอบรับข้อเสนอทันที
“DNA ช่วยให้ฉันตระหนักรู้ว่า 'Shirleena นี่เป็นโอกาสของเธอ เธอเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้' ”
“ในช่วงของโรคระบาด ฉันเปลี่ยนมาประชุมออนไลน์กับชุมชน Black@Apple ของเรา ท่ามกลางความวุ่นวายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั่วโลก จาก 5 คนก็เพิ่มขึ้นเป็นหลาย 10 คน จากนั้นก็เป็นร้อยๆ คน หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเรียกร้องให้ฉันจัดการประชุมชุมชน Apple รอบพิเศษ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากภูมิภาคของเรากว่า 1,700 คน บทสนทนาของพวกเราในครั้งนั้นมีเนื้อหาสาระที่ลึกซึ้งมาก ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็รู้สึกอิ่มเอมใจมากๆ เพราะสามารถนำงานที่ฉันทำกับ DNA มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
“หลังจากการประชุมจบลง ผู้ให้คำปรึกษา Black@Apple ของฉันคนหนึ่งก็บอกว่า ‘วันนี้ คำพูดของคุณกินใจทุกคนเลยนะ’ ”
“งานที่ฉันทำให้กับ DNA นำพาฉันมาพบ Career Experience ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ฉันได้ทำงานในส่วนอื่นของ Apple เป็นเวลา 6 เดือน โครงการนี้ช่วยให้ฉันพิสูจน์ตัวเองกับทีมอื่น หลังจากจบโครงการ มีตำแหน่งหนึ่งที่เปิดรับอยู่ เป็นการทำงานกับพิธีกร Apple Music เจ๋งๆ คนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก ฉันเลยมั่นใจว่าทุกคนที่รู้ว่าตำแหน่งนี้เปิดจะต้องมาสมัครเพื่อให้ได้ทำงานกับเขาอย่างแน่นอน ฉันคิดว่า 'ไม่มีทางที่คุณแม่ชาวอังกฤษผิวดำที่มีความบกพร่องด้านการอ่านอย่างฉันจะได้รับการคัดเลือกแน่ๆ'
“ตอนที่ฉันได้งานนี้ ฉันจำได้ว่าฉันพูดกับครอบครัวไว้ว่า 'ว้าว นี่ล่ะพลังผลักดันของ DNA พลังผลักดันของ Black@Apple’ ”
“เมื่อมีคนเข้ามาถามฉันเกี่ยวกับการเติบโตที่ Apple คำถามแรกที่ฉันถามกลับไปก็คือ 'คุณเป็นสมาชิกของ DNA ไหนอยู่หรือเปล่า' เพราะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณค้นหาสิ่งที่คุณชื่นชอบหลงใหลได้มากที่สุด อาจเป็นงานที่คุณทำเพื่อชุมชนนั้น เช่น การส่งเสริมการยอมรับความแตกต่างและความหลากหลาย การติดต่อสื่อสาร การจัดการโปรเจ็กต์ หรือการพัฒนาคนก็ได้ หรือคุณอาจจะอยากแค่พบปะพูดคุยกับผู้คนที่มีประสบการณ์และภูมิปัญญาในแวดวงอาชีพและวัฒนธรรมของคุณ ผู้คนที่สามารถช่วยให้คุณทำในสิ่งที่คุณรักได้ บางคนที่ฉันรู้จักใน Black@Apple บอกฉันว่า ขณะที่เขากำลังพยายามไต่เต้าบนเส้นทางอาชีพ เขาก็บอกกับตัวเองว่า 'ถ้า Shirleena ทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน’ ”
การทำงานอาสาสมัคร
ชุมชนที่นี่ช่วยเหลือสนับสนุนชุมชนทุกที่
ชุมชน DNA ภายใน Apple ก่อให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะลงทุนลงแรงพัฒนาชุมชนภายนอก Apple มากขึ้น คุณสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมอาสาสมัคร ไม่ว่าจะในประเทศหรือรอบโลก ที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายกับตัวเองและคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
Matthew สมาชิก Pride@Apple“เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่มนุษย์คนหนึ่งมอบให้กับมนุษย์อีกคนอย่างแท้จริง”
DNA แต่ละกลุ่มประกอบขึ้นจากความหลากหลายภายใต้อัตลักษณ์ที่มีร่วมกัน แต่ Pride@Apple อาจเป็น DNA เดียวที่สะกดความหลากหลายออกมาเป็นตัวอักษร LGBTQ+ ให้เห็นกันชัดๆ สำหรับ Matthew ประธานร่วมของ Pride@Apple ในสหราชอาณาจักรนั้น เขาจะต้องไม่ลืมคำนึงถึงมนุษย์ทุกกลุ่มในคำย่อนั้น
“Pride@Apple ในสหราชอาณาจักรได้ร่วมมือกับ Point of Pride องค์กรที่จัดทำโครงการยืนยันเพศสภาพเพื่อสนับสนุนคนข้ามเพศ เราได้ตั้งจุดให้บริการข้อมูลสำหรับพนักงานทุกคนที่ Apple Store ทุกสาขาในสหราชอาณาจักร รวมทั้งสำนักงานในกรุงลอนดอน ผู้คนสามารถเรียนรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับประสบการณ์ของคนข้ามเพศได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที จากนั้นก็เขียนข้อความให้กำลังใจ ซึ่ง Point of Pride จะส่งไปพร้อมกับชุดเสริมรูปร่างบริจาค เรารู้ว่าข้อความส่วนตัวเหล่านี้จะมีความหมายเป็นพิเศษในบริบทของห้วงเวลานั้น
“คำตอบที่ได้ยินบ่อยที่สุดจากผู้ที่เราช่วยเหลือสนับสนุนคือ ‘ไม่มีเคยมีใครคิดถึงฉันมาก่อนเลย’ ”
“นอกเหนือจากการเขียนข้อความให้กำลังใจแล้ว เรายังทราบอีกว่าการตั้งจุดง่ายๆ เช่นนี้ยังจะมีประโยชน์อื่นๆ อีก นั่นคือ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชุมชน Pride@Apple ของเรา เพิ่มจำนวนพันธมิตรในที่ทำงาน และสร้างความรู้สึกของการมีจุดประสงค์ร่วมกันในสถานที่ทำงานต่างๆ ของ Apple นอกจากนี้ Apple ยังบริจาคเงินสมทบตามชั่วโมงทำงานอาสาสมัคร พวกเราจึงได้ช่วยองค์กร Point of Pride ระดมทุนไปในตัวด้วยเช่นกัน
"DNA ของเราได้ให้อะไรมากมาย ซึ่งมีพลังมหาศาลมากๆ"
“พนักงานที่ Apple ได้เรียนรู้ว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเป็นตัวของตัวเองขณะทำงานได้อย่างแท้จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและระดับความสบายใจของแต่ละคนด้วย ผมรู้ดีว่าว่าตัวเองได้รับสิทธิพิเศษในหลายๆ ด้าน และ Pride@Apple ก็ช่วยให้ผมใช้สิทธิพิเศษนั้นเพื่อทำความดี เปิดประตูโอกาสให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาจรู้สึกว่าตนเองถูกมองข้ามในอดีต วัฒนธรรมของ Apple มีส่วนช่วยให้ผมตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ ความหวังของเราคือ การที่ทุกคนที่นี่รู้สึกว่าตนเองมีพลังที่จะช่วยเหลือสนับสนุนใครก็ตามในชุมชนของเรา แม้กระทั่งผู้ที่อยู่นอก Apple”
Belqise สมาชิก Beacon@Apple“เราบรรจุอาหารใส่กล่อง 500 กล่อง นำไปเลี้ยงผู้คนนับพัน มันสุดยอดมากๆ”
Belqise ผู้นำทีมคนหนึ่งของ Apple Store เธอเป็นสมาชิกของชุมชนมุสลิมภายใน Beacon@Apple ซึ่งเป็น DNA ที่ต้อนรับกลุ่มผู้นับถือศาสนาหลากหลายกลุ่ม Belqise และสมาชิกคนอื่นๆ ได้ร่วมมือกับ SouthAsian@Apple จัดกิจกรรมอาสาสมัคร ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเธอมากๆ
“ฉันเกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา แต่ครอบครัวของฉันอพยพมาจากอัฟกานิสถาน ญาติหลายคนยังคงอยู่ที่นั่น ฉันเครียดมากๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่กรุงคาบูลเมื่อปี 2021 ฉันรู้สึกหงุดหงิด ไม่รู้จะช่วยอย่างไร แม้ว่ากิจกรรมของเราตั้งเป้าให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมไม่จำกัดเฉพาะเชื้อชาติชาวอัฟกัน แต่ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันดี กิจกรรมนี้มอบโอกาสให้ฉันได้ทำบางสิ่งเพื่อใครบางคน หลังจากนั้น หนึ่งวันก่อนกิจกรรมจะเริ่ม ฉันพบว่ากิจกรรมนี้สำหรับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันโดยเฉพาะ ฉันก็ร้องไห้ออกมาด้วยความสุข
“ฉันคัดลอกและวางข้อความ 'ขอบคุณนะ' จนกระทั่งเต็มหน้าจอ”
“ตลอด 5 ชั่วโมงโดยประมาณ เราขนถ่ายพาเลทอาหารจำนวนมากลงจากรถบรรทุก แบ่งอาหารออกเป็นกล่องเล็กๆ เพื่อเตรียมนำไปแจกให้กับครอบครัวต่างๆ จากนั้นจึงปิดผนึกกล่องและขนขึ้นรถบรรทุกไป อาหารคัดเลือกมาให้สำหรับชุมชนชาวอัฟกันโดยเฉพาะ เช่น ถั่วแห้ง น้ำมันปรุงอาหารที่ถูกชนิด และที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ น้ำตาล ข้าวพันธุ์อัฟกันโดยเฉพาะ และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ทุกรายการที่เลือกได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ความรู้สึกหมดหนทางช่วยและความเครียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในโลกดูเหมือนจะหายไปในระหว่างที่เราทำงาน
“พวกเราทั้งเหนื่อย เหงื่อไหลไคลย้อย และเปื้อนฝุ่นกันทุกคน แต่วันนั้นก็เป็นวันที่งดงามจริงๆ ค่ะ”
“นี่เป็นกิจกรรมแบบพบหน้าครั้งแรก หลังจากที่ไม่ได้ทำเลยมาสักพักเนื่องจากโรคระบาด ช่างอบอุ่นเป็นกันเองมากกว่าครั้งไหนๆ ทุกคนทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ แม้จะมาจากคนละแผนก คนละระดับใน Apple พวกเรารู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
“งานของเรายังเป็นประโยชน์ต่อองค์กรการกุศลที่บริหารจัดการการแจกจ่ายอาหารด้วย นั่นคือ Apple ร่วมบริจาคเงินสมทบเป็นเงินเทียบเท่าแรงและเวลาที่เราทุ่มเทไปกับกิจกรรมนี้ อาจฟังดูตลกนะ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันได้รับประโยชน์มากพอๆ กับผู้คนที่เรายื่นมือไปช่วยเลย ความรู้สึกโล่งใจที่ฉันได้รับจากการที่เลิกคิดแล้วลงมือทำนั้นเป็นสิ่งที่สุดแสนจะล้ำค่า นี่คือเหตุผลที่ทำไมวันนั้นถึงสำคัญกับฉันมากๆ ค่ะ และตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน ฉันอยากทำอีก ฉันมีไอเดียช่วยเหลือชุมชนนี้อีกนับล้านเลยที่อยากลองทำ”