พระเจ้าอีริคที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
พระเจ้าอีริคที่ 1 | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก | |||||
เหรียญที่สลักพระพักตร์ของกษัตริย์อีริคที่ 1 | |||||
พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก | |||||
ครองราชย์ | 1104 – 1134 | ||||
ก่อนหน้า | โอลาฟที่ 1 | ||||
ถัดไป | นีลส์ | ||||
ประสูติ | ราว ค.ศ. 1060 สแลงเงอรัป, เดนมาร์ก | ||||
สวรรคต | 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1103 แพฟอส, ไซปรัส | (43 ปี)||||
ฝังพระศพ | มหาวิหารไชโซฟอลิติสซา, แพฟอส, ไซปรัส | ||||
คู่อภิเษก | บอดิล ทูร์โกต์สแด็ทเทอร์ | ||||
พระราชบุตร |
| ||||
| |||||
ราชวงศ์ | แอสตริดเซน | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าสเวนที่ 2 แห่งเดนมาร์ก | ||||
พระราชมารดา | ไม่ปรากฎนาม | ||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
พระเจ้าอีริคที่ 1 แห่งเดนมาร์ก[1] (ราว ค.ศ. 1060 - 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1103) ทรงเป็นที่รู้จักในพระสมัญญานามว่า อีริค คนดี[2][3][4] (เดนมาร์ก: Erik Ejegod) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์กต่อจากรัชสมัยของพระเจ้าโอลาฟที่ 1 แห่งเดนมาร์ก พระเชษฐา พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในพระราชโอรสของพระเจ้าสเวนที่ 2 แห่งเดนมาร์ก พระราชมารดาของพระองค์ไม่ปรากฎหลักฐาน พระองค์อภิเษกสมรสกับบอดิล ทูร์โกต์สแด็ทเทอร์
พระราชประวัติ
[แก้]ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระเจ้าอีริคที่ 1 | |
---|---|
ตราประจำพระอิสริยยศ | |
การทูล | Hans Majestæt (ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท) |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | Deres Majestæt (พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ) |
เจ้าชายอีริคประสูติที่เมืองสแลงเงอรัปในเกาะเชลลันด์เหนือ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก ในช่วงรัชกาลของพระเจ้าคนุตที่ 4 แห่งเดนมาร์ก พระเชษฐาต่างมารดา เจ้าชายทรงเป็นผู้สนับสนุนพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพระชนม์มาได้ในช่วงการก่อกบฏต่อต้านกษัตริย์คนุตที่ 4 เจ้าชายอีริคยังคงประทับอยู่ในที่ดินของราชวงศ์ โดยไม่ได้ตามเสด็จกษัตริย์คนุตที่ 4 ไปยังโบสถ์นักบุญอัลบันในโอเดนเซ ที่ซึ่งกษัตริย์ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ เจ้าชายอีริคเสด็จออกจากที่ดินและหนีไปยังเกาะเชลลันด์ ก่อนที่จะเสด็จไปยังสคาเนียต่อ ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเดนมาร์ก พระเชษฐาต่างมารดาองค์หนึ่งของพระองค์ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์เดนมาร์ก คือ พระเจ้าโอลาฟที่ 1 แห่งเดนมาร์ก แต่ก็ครองราชย์ในช่วงเวลาสั้นๆ สุดท้ายเจ้าชายอีริคได้รับเลือกเป็นพระมหากษัตริย์โดยสภาขุนนางในปีค.ศ. 1095 กษัตริย์อีริคทรงเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ประชาชนและความอดอยากที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์โอลาฟได้ยุติลง หลายคนมองว่ากษัตริย์อีริคทรงเป็นกษัตริย์ที่มีความชอบธรรมที่สุดของเดนมาร์ก
นักพงศาวดารในยุคกลางอย่าง แซ็กโซ แกรมมาติคัส และตามตำนานได้ให้ภาพกษัตริย์อีริคที่ 1 เป็น "เพื่อนผู้แข็งแกร่ง" ผู้ดึงดูดใจสามัญชนคนธรรมดา พระองค์สามารถประทับอยู่กับที่ได้แม้ว่าชายสี่คนจะพยายามเคลื่อนย้ายตัวพระองค์ก็ตาม กษัตริย์อีริคทรงเป็นผู้มีศิลปะในการพูด ผู้คนต่างพยายามที่จะตั้งใจฟังพระองค์ หลังจากประชุมสภาขุนนางเสร็จ พระองค์จะทรงพระดำเนินไปรอบๆ พื้นที่เพื่อพบปะประชาชนชายหญิงและเด็กๆ ที่บ้านของพวกเขา พระองค์มีชื่อเสียงในฐานะเป็นคนที่เสียงดัง ชื่นชอบงานเลี้ยงและมีพระชนม์ชีพส่วนพระองค์ที่ค่อนข้างสำมะเลเทเมา แม้มีการสันนิษฐานว่าพระองค์ทรงสนับสนุนการรวมศูนย์อำนาจที่พระมหากษัตริย์ แต่พระองค์ก็พยายามทำพระองค์เป็นนักการทูตเจรจาเพื่อไม่ต้องปะทะกับเหล่าขุนนาง พระองค์มีชื่อเสียงในทางที่ทรงโหดเหี้ยใกับเหล่ากองโจรและโจรสลัด
ในช่วงที่พระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสันตะปาปาที่กรุงโรม พระองค์ทรงวิ่งเต้นให้กษัตริย์คนุตที่ 4 พระเชษฐาของพระองค์ให้ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ และมีการตั้งมุขมณฑลแก่อาณาจักรเดนมาร์ก (ที่ลุนด์ในแคว้นสคาเนีย) แทนที่จะอยู่ภายใต้อาร์กบิชอปแห่งมุขมณฑลฮัมบวร์ค-เบรเมิน บิชอปอัสเชอร์ ทอร์คิลสันเป็นอาร์กบิชอปแห่งลุนด์คนแรก
กษัตริย์อีริคทรงประกาศที่สภาวีบอร์กว่า พระองค์ตัดสินใจที่จะเสด็จแสวงบุญที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะมีการวิงวอนจากข้าราชบริพารไม่ให้พระองค์เสด็จไป แต่ก็ไม่มีใครห้ามพระองค์ได้ กษัตริย์ทรงแต่งตั้งเจ้าชายฮารัลด์ เคสจา พระโอรสนอกสมรส กับบิชอปอัสเชอร์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
กษัตริย์อีริคและพระราชินีบอดิลทรงจัดขบวนเสด็จขนาดใหญ่ผ่านจากรัสเซียไปยังคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งพระองค์ได้เป็นพระราชอาคันตุกะของจักรพรรดิไบแซนไทน์ และที่นั่นเอง พระองค์ทรงพระประชวร แต่ก็ยังเสด็จไปยังไซปรัสต่อ พระองค์เสด็จสวรรคตที่แพฟอสในไซปรัส เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1103 สมเด็จพระราชินีทรงมีรับสั่งให้ฝังพระบรมศพที่นั่น พระองค์จึงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จแสวงบุญหลังจากเยรูซาเลมถูกพิชิตในช่วงสงครามครูเสดครั้งที่ 1[5] สมเด็จพระพันปีหลวงบอดิลก็ทรงพระประชวรเช่นกัน แต่พระนางสามารถเสด็จถึงกรุงเยรูซาเลม และสิ้นพระชนม์ พระศพของพระนางถูกฝังที่เชิงภูเขามะกอกในหุบผาโจซาฟัต
พระโอรสธิดา
[แก้]กษัตริย์อีริคและพระราชินีบอดิลทรงมีพระโอรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย 1 พระองค์คือ เจ้าชายคนุต ลาวาร์ด เจ้าชายฮารัลด์ เคสจาเป็นพระเชษฐาต่างมารดาของเจ้าชายคนุต พระองค์ทรงมีพระโอรสนอกสมรสอีกสองพระองค์คือ พระเจ้าอีริคที่ 2 แห่งเดนมาร์ก และเจ้าชายเบเนดิกต์ และพระธิดานอกสมรสอีก 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงรังน์ฮิลด์ (พระชนนีในพระเจ้าอีริคที่ 3 แห่งเดนมาร์ก)[6]
เจ้าชายคนุต ลาวาร์ด เป็นเจ้าชายเดนมาร์กที่กล้าหาญและทรงได้รับความนิยม แต่เจ้าชายถูกลอบปลงพระชนม์ในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1131 โดยพระนัดดาของกษัตริย์อีริคที่ 1 คือ พระเจ้ามักนุสที่ 1 แห่งสวีเดน พระโอรสในพระเจ้านีลส์แห่งเดนมาร์ก ซึ่งมองว่าเจ้าชายคนุตเป็นคู่แข่งในการแย่งชิงราชบัลลังก์ การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายคนุต เกิดก่อนที่พระโอรสของพระองค์จะประสูติคือ พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งจะได้เป็นพระมหากษัตริย์เดนมาร์กในช่วงปีค.ศ. 1157 - 1182 กษัตริย์อีริคที่ 1 จึงทรงเป็นบรรพบุรุษของเหล่าพระมหากษัตริย์เดนมาร์กในสมัยต่อๆ มา
ดูเพิ่ม
[แก้]- พระเจ้าซิเกิร์ดแห่งนอร์เวย์ ผู้ร่วมสงครามครูเสดในปีค.ศ. 1107
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Sifakis, Carl (1984). The Dictionary of Historic Nicknames. Facts on File Publications. ISBN 0-87196-561-5.
- ↑ Dunham, Samuel Astley (1839). The cabinet cyclopaedia: History of Denmark, Sweden, and Norway, Vol. 2. Longman, Orme, Brown, Green & Longmans and John Taylor.
- ↑ Eiríkr, Magnússon; Morris, William (1905). The Saga Library, Vol. 6. B. Quaritch.
- ↑ Vigfússon, Guðbrandur; Sæmunder, Edda; Powell, Frederick York (1883). Corpus Poeticvm Boreale: The Poetry of the Old Northern Tongue, from the Earliest Times to the Thirteenth Century, Vol. 2. Clarendon Press.
- ↑ "Denmark and Cyprus pay tribute to 12th century king". Reuters. 26 March 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-20. สืบค้นเมื่อ 2008-03-27.
- ↑ Huitfeldt, Arild. Danmarks Riges Krønike
ก่อนหน้า | พระเจ้าอีริคที่ 1 แห่งเดนมาร์ก | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าโอลาฟที่ 1 | พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก (ค.ศ. 1095 - ค.ศ. 1103) |
พระเจ้านีลส์ |