ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปอดช้ำ"
ล Pulmonary contusion ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ปอดช้ำ: 158,000 search result from google |
ล แทนที่ ‘(?mi)\{\{Link FA\|.+?\}\}\n?’ ด้วย ‘’: เลิกใช้ เปลี่ยนไปใช้วิกิสนเทศ |
||
(ไม่แสดง 6 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 5 คน) | |||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{Infobox Disease |
{{Infobox Disease |
||
| Name = Pulmonary contusion |
| Name = ปอดช้ำ<br><small>(Pulmonary contusion)</small> |
||
| Image = Pulmonary contusion CT arrow.jpg |
| Image = Pulmonary contusion CT arrow.jpg |
||
| Caption = ภาพ[[CT scan|ซีทีสแกน]]แสดงให้เห็นบริเวณที่ |
| Caption = ภาพ[[CT scan|ซีทีสแกน]]แสดงให้เห็นบริเวณของเนื้อปอดที่ช้ำ(ศรแดง)และกระดูกซี่โครงหัก (ศรฟ้า) |
||
| DiseasesDB = |
| DiseasesDB = |
||
| ICD10 = {{ICD10|S|27|3|s|20}} |
| ICD10 = {{ICD10|S|27|3|s|20}} |
||
บรรทัด 13: | บรรทัด 13: | ||
| MeshID = |
| MeshID = |
||
}} |
}} |
||
''' |
ภาวะ'''ปอดช้ำ''' ({{lang-en|pulmonary contusion}}) เป็นภาวะซึ่งมี[[contusion|การฟกช้ำ]]ของ[[ปอด]] เกิดจาก[[chest trauma|การบาดเจ็บต่อทรวงอก]]ทำให้มีการบาดเจ็บต่อ[[หลอดเลือดฝอย]]จนมีเลือดและสารน้ำคั่งใน[[เนื้อเยื่อ]]ปอด สารน้ำส่วนเกินเหล่านี้จะรบกวน[[gas exchange|กระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซของปอด]] จนอาจทำให้ระดับ[[ออกซิเจน]]ใน[[เลือด]]น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ภาวะนี้แตกต่างจากภาวะ[[pulmonary laceration|ปอดฉีกขาด]]ซึ่งเป็นการบาดเจ็บของปอดอีกแบบหนึ่ง ตรงที่ภาวะปอดช้ำจะไม่มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อปอด |
||
ภาวะปอดช้ำส่วนใหญ่เกิดจาก[[blunt trauma|การกระแทก]]แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น [[blast injury|การบาดเจ็บจากระเบิด]] หรือ[[shock wave|คลื่นกระแทก]]ที่เกิดจาก[[penetrating trauma|การถูกทิ่มแทง]] ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งมีการใช้ระเบิดในการรบอย่างแพร่หลายนั้นทำให้ภาวะปอดช้ำที่เกิดจากแรงระเบิดเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในช่วงทศวรรษ 1960 ภาวะนี้เป็นที่รู้จักในคนทั่วไปมากขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุจราจร การใช้เข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยช่วยลดโอกาสเกิดภาวะปอดช้ำในผู้โดยสารรถยนต์ได้ |
|||
การวินิจฉัยภาวะนี้ทำได้โดยอาศัย[[การซักประวัติ|ประวัติ]]การเกิดอุบัติเหตุ [[การตรวจร่างกาย]] และ[[การถ่ายภาพรังสีทรวงอก]] [[อาการ]]และ[[อาการแสดง]]ส่วนใหญ่เป็นผลโดยตรงจากการบาดเจ็บทางกาย เช่นอาการ[[เจ็บหน้าอก]] และอาการ[[ไอเป็นเลือด]] รวมทั้งอาการที่เป็นผลจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เช่น [[cyanosis|ภาวะตัวเขียว]] การฟกช้ำที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่หายได้เองด้วยการรักษาแบบ[[supportive treatment|ประคับประคอง]]ซึ่งส่วนมากอาศัย[[การให้ออกซิเจน]]และ[[การเฝ้าสังเกตอาการ]] อย่างไรก็ดีบางครั้งก็มีความจำเป็นต้องใช้การดูแลเป็นพิเศษแบบ[[intensive care|ผู้ป่วยหนัก]] เช่น อาจต้องใช้[[mechanical ventilation|การช่วยหายใจ]] บางครั้งอาจต้อง[[การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ|ให้สารน้ำทดแทน]] ซึ่งต้องทำโดยความระมัดระวังอย่างมากเนื่องจาก[[การมีสารน้ำมากเกิน]]สามารถทำให้ภาวะ[[pulmonary edema|น้ำท่วมปอด]]นั้นแย่ลงได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต |
การวินิจฉัยภาวะนี้ทำได้โดยอาศัย[[การซักประวัติ|ประวัติ]]การเกิดอุบัติเหตุ [[การตรวจร่างกาย]] และ[[การถ่ายภาพรังสีทรวงอก]] [[อาการ]]และ[[อาการแสดง]]ส่วนใหญ่เป็นผลโดยตรงจากการบาดเจ็บทางกาย เช่นอาการ[[เจ็บหน้าอก]] และอาการ[[ไอเป็นเลือด]] รวมทั้งอาการที่เป็นผลจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เช่น [[cyanosis|ภาวะตัวเขียว]] การฟกช้ำที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่หายได้เองด้วยการรักษาแบบ[[supportive treatment|ประคับประคอง]]ซึ่งส่วนมากอาศัย[[การให้ออกซิเจน]]และ[[การเฝ้าสังเกตอาการ]] อย่างไรก็ดีบางครั้งก็มีความจำเป็นต้องใช้การดูแลเป็นพิเศษแบบ[[intensive care|ผู้ป่วยหนัก]] เช่น อาจต้องใช้[[mechanical ventilation|การช่วยหายใจ]] บางครั้งอาจต้อง[[การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ|ให้สารน้ำทดแทน]] ซึ่งต้องทำโดยความระมัดระวังอย่างมากเนื่องจาก[[การมีสารน้ำมากเกิน]]สามารถทำให้ภาวะ[[pulmonary edema|น้ำท่วมปอด]]นั้นแย่ลงได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต |
||
ความรุนแรงมีตั้งแต่เป็นไม่มากไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ การฟกช้ำเล็กๆ อาจมีผลกระทบน้อยมากหรือแทบไม่มี อย่างไรก็ดีภาวะ |
ความรุนแรงมีตั้งแต่เป็นไม่มากไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ การฟกช้ำเล็กๆ อาจมีผลกระทบน้อยมากหรือแทบไม่มี อย่างไรก็ดีภาวะปอดช้ำเป็นภาวะ[[การบาดเจ็บต่อทรวงอก]]ที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตที่พบบ่อยที่สุด พบเป็น 30-75% ของการบาดเจ็บต่อทรวงอกชนิดรุนแรงทั้งหมด ผู้ป่วยปอดช้ำมี[[อัตราการเสียชีวิต]]อยู่ที่ประมาณ 14-40% จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยบอกว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิตหรือมีภาวะ[[ทุพพลภาพ]]จากการบาดเจ็บนั้น ๆ หรือไม่ ผู้ป่วยปอดช้ำส่วนใหญ่มีการบาดเจ็บของระบบอื่นร่วมด้วย แม้ส่วนใหญ่การบาดเจ็บที่พบร่วมเหล่านี้จะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ก็เชื่อกันว่าภาวะปอดช้ำเป็นสาเหตุโดยตรงของการเสียชีวิตมากถึงประมาณ 1/4 - 1/2 ของทั้งหมด ผู้ป่วยที่เป็นเด็กมีโอกาสบาดเจ็บมากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากความยืดหยุ่นของ[[กระดูก]]ทำให้การบาดเจ็บต่อ[[ทรวงอก]]ทั้งหมดถูกถ่ายทอดไปยังเนื้อปอดโดยไม่ถูกดูดซับไปที่ผนังทรวงอก ภาวะแทรกซ้อนของภาวะปอดช้ำได้แก่[[ปอดบวม]] และ[[acute respiratory distress syndrome|กลุ่มอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน]] ซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะทุพพลภาพของระบบหายใจในระยะยาวได้ |
||
{{Chest trauma}} |
{{Chest trauma}} |
||
{{โครงแพทย์}} |
{{โครงแพทย์}} |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 25: | ||
[[Category:ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์]] |
[[Category:ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์]] |
||
[[Category:โรคของปอด]] |
[[Category:โรคของปอด]] |
||
[[de:Lungenkontusion]] |
|||
[[en:Pulmonary contusion]] |
|||
[[es:Contusión pulmonar]] |
|||
[[he:קונטוזיה ריאתית]] |
|||
[[ja:肺挫傷]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 01:21, 7 มีนาคม 2558
ปอดช้ำ (Pulmonary contusion) | |
---|---|
ภาพซีทีสแกนแสดงให้เห็นบริเวณของเนื้อปอดที่ช้ำ(ศรแดง)และกระดูกซี่โครงหัก (ศรฟ้า) | |
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก | |
ICD-10 | S27.3 |
ICD-9 | 861.21, 861.31 |
ภาวะปอดช้ำ (อังกฤษ: pulmonary contusion) เป็นภาวะซึ่งมีการฟกช้ำของปอด เกิดจากการบาดเจ็บต่อทรวงอกทำให้มีการบาดเจ็บต่อหลอดเลือดฝอยจนมีเลือดและสารน้ำคั่งในเนื้อเยื่อปอด สารน้ำส่วนเกินเหล่านี้จะรบกวนกระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซของปอด จนอาจทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ภาวะนี้แตกต่างจากภาวะปอดฉีกขาดซึ่งเป็นการบาดเจ็บของปอดอีกแบบหนึ่ง ตรงที่ภาวะปอดช้ำจะไม่มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อปอด
ภาวะปอดช้ำส่วนใหญ่เกิดจากการกระแทกแต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การบาดเจ็บจากระเบิด หรือคลื่นกระแทกที่เกิดจากการถูกทิ่มแทง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งมีการใช้ระเบิดในการรบอย่างแพร่หลายนั้นทำให้ภาวะปอดช้ำที่เกิดจากแรงระเบิดเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในช่วงทศวรรษ 1960 ภาวะนี้เป็นที่รู้จักในคนทั่วไปมากขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุจราจร การใช้เข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยช่วยลดโอกาสเกิดภาวะปอดช้ำในผู้โดยสารรถยนต์ได้
การวินิจฉัยภาวะนี้ทำได้โดยอาศัยประวัติการเกิดอุบัติเหตุ การตรวจร่างกาย และการถ่ายภาพรังสีทรวงอก อาการและอาการแสดงส่วนใหญ่เป็นผลโดยตรงจากการบาดเจ็บทางกาย เช่นอาการเจ็บหน้าอก และอาการไอเป็นเลือด รวมทั้งอาการที่เป็นผลจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เช่น ภาวะตัวเขียว การฟกช้ำที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่หายได้เองด้วยการรักษาแบบประคับประคองซึ่งส่วนมากอาศัยการให้ออกซิเจนและการเฝ้าสังเกตอาการ อย่างไรก็ดีบางครั้งก็มีความจำเป็นต้องใช้การดูแลเป็นพิเศษแบบผู้ป่วยหนัก เช่น อาจต้องใช้การช่วยหายใจ บางครั้งอาจต้องให้สารน้ำทดแทน ซึ่งต้องทำโดยความระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากการมีสารน้ำมากเกินสามารถทำให้ภาวะน้ำท่วมปอดนั้นแย่ลงได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
ความรุนแรงมีตั้งแต่เป็นไม่มากไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ การฟกช้ำเล็กๆ อาจมีผลกระทบน้อยมากหรือแทบไม่มี อย่างไรก็ดีภาวะปอดช้ำเป็นภาวะการบาดเจ็บต่อทรวงอกที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตที่พบบ่อยที่สุด พบเป็น 30-75% ของการบาดเจ็บต่อทรวงอกชนิดรุนแรงทั้งหมด ผู้ป่วยปอดช้ำมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 14-40% จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยบอกว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิตหรือมีภาวะทุพพลภาพจากการบาดเจ็บนั้น ๆ หรือไม่ ผู้ป่วยปอดช้ำส่วนใหญ่มีการบาดเจ็บของระบบอื่นร่วมด้วย แม้ส่วนใหญ่การบาดเจ็บที่พบร่วมเหล่านี้จะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ก็เชื่อกันว่าภาวะปอดช้ำเป็นสาเหตุโดยตรงของการเสียชีวิตมากถึงประมาณ 1/4 - 1/2 ของทั้งหมด ผู้ป่วยที่เป็นเด็กมีโอกาสบาดเจ็บมากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากความยืดหยุ่นของกระดูกทำให้การบาดเจ็บต่อทรวงอกทั้งหมดถูกถ่ายทอดไปยังเนื้อปอดโดยไม่ถูกดูดซับไปที่ผนังทรวงอก ภาวะแทรกซ้อนของภาวะปอดช้ำได้แก่ปอดบวม และกลุ่มอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะทุพพลภาพของระบบหายใจในระยะยาวได้