ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทะเลทรายอาตากามา"
ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: uz:Atakama |
ล →top: แทนที่แม่แบบ, replaced: {{lang-es| → {{langx|es| |
||
(ไม่แสดง 12 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 9 คน) | |||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{เพิ่มอ้างอิง}} |
{{เพิ่มอ้างอิง}} |
||
[[ไฟล์:Atacama1.jpg|ทะเลทรายอาตากามา|thumb|250px|right]] |
[[ไฟล์:Atacama1.jpg|ทะเลทรายอาตากามา|thumb|250px|right]] |
||
'''ทะเลทรายอาตากามา''' ({{ |
'''ทะเลทรายอาตากามา''' ({{langx|es|Desierto de Atacama}}) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ[[ประเทศเปรู]]ไปถึงตอนเหนือของ[[ประเทศชิลี]] เป็นระยะทางกว่า 960 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 180,000 ตารางกิโลเมตร โดยสูงเฉลี่ย 610 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล [[ทะเลทราย]]แห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดของโลก<ref>{{Cite web |url=http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/0308/feature3/ |title=Parts of Chile's Atacama Desert haven't seen a drop of rain since recordkeeping began. Somehow, more than a million people squeeze life from this parched land. |access-date=2009-06-19 |archive-date=2007-12-18 |archive-url=https://web.archive.org/web/20071218212813/http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/0308/feature3/ |url-status=dead }}</ref><ref>{{Cite web |url=http://www.extremescience.com/DriestPlace.htm |title=สำเนาที่เก็บถาวร |access-date=2009-06-19 |archive-date=2009-04-08 |archive-url=https://web.archive.org/web/20090408100840/http://www.extremescience.com/DriestPlace.htm |url-status=dead }}</ref><ref>{{Cite web |url=http://quest.nasa.gov/challenges/marsanalog/egypt/AtacamaAdAstra.pdf |title=สำเนาที่เก็บถาวร |access-date=2009-06-19 |archive-date=2012-06-06 |archive-url=https://www.webcitation.org/68Cu1UYk4?url=http://quest.nasa.gov/challenges/marsanalog/egypt/AtacamaAdAstra.pdf |url-status=dead }}</ref> ประกอบไปด้วยแอ่งดินเค็มแห้งแล้งหลายแอ่งติดต่อกัน แม้ว่าเกือบจะไม่มีพืชขึ้นเลย แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วย[[ไนเตรต]] [[ทองแดง]] [[ไอโอดีน]] และ[[บอแรกซ์]] เมืองในทะเลทรายอย่างเช่นเมืองกาลามาประสบภาวะแล้งจัดยาวนานกว่า 400 ปี ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปี ค.ศ. 1971 |
||
ในอดีต ทะเลทรายแห่งนี้เคยกลายเป็นชนวนเหตุของการก่อสงครามระหว่างโบลิเวียกับชิลี ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโบลิเวีย แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ทำให้ชิลีตัดสินใจใช้กำลังประหัตประหารหักเอาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากรบพุ่งกันมาอย่างยาวนานในที่สุดทัพชิลีก็เป็นฝ่ายกำชัย ได้ยึดครองทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเมืองท่า[[อันโตฟากัสตา]] (Antofagasta) ส่วนโบลิเวียก็ต้องถอยร่นยังในที่ตั้งอันสูงชันอย่างเช่นในปัจจุบัน สงครามแย่งชิงทะเลทรายในครั้งนั้นถูกเรียกว่า[[สงครามแปซิฟิก (ค.ศ. |
ในอดีต ทะเลทรายแห่งนี้เคยกลายเป็นชนวนเหตุของการก่อสงครามระหว่างโบลิเวียกับชิลี ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโบลิเวีย แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ทำให้ชิลีตัดสินใจใช้กำลังประหัตประหารหักเอาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากรบพุ่งกันมาอย่างยาวนานในที่สุดทัพชิลีก็เป็นฝ่ายกำชัย ได้ยึดครองทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเมืองท่า[[อันโตฟากัสตา]] (Antofagasta) ส่วนโบลิเวียก็ต้องถอยร่นยังในที่ตั้งอันสูงชันอย่างเช่นในปัจจุบัน สงครามแย่งชิงทะเลทรายในครั้งนั้นถูกเรียกว่า[[สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก (ค.ศ. 1879–1884)|สงครามแปซิฟิก]] |
||
== สภาพภูมิศาสตร์ == |
== สภาพภูมิศาสตร์ == |
||
พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายอาตากามาถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายเป็นที่ราบสูงที่ลาดชันขนานไปกับแนว[[เทือกเขาแอนดีส]]ซึ่งเป็นเทือกเขาสูงตะหง่านที่ทอดยาวไปตามไหล่[[ทวีปอเมริกาใต้]] ส่วนด้านตะวัน |
พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายอาตากามาถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายเป็นที่ราบสูงที่ลาดชันขนานไปกับแนว[[เทือกเขาแอนดีส]]ซึ่งเป็นเทือกเขาสูงตะหง่านที่ทอดยาวไปตามไหล่[[ทวีปอเมริกาใต้]] ส่วนด้านตะวันตกติดกับ[[มหาสมุทรแปซิฟิก]] ในทะเลทรายมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ในขณะที่บางพื้นที่ของทะเลทรายกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีฝนตกลงเลย การที่มีปริมาณฝนตกลงในพื้นที่ดังกล่าวเพียงจำนวนน้อยทำให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนระอุที่สุดของโลก ในอาณาบริเวณของทะเลทรายเต็มไปด้วยทราย เกลือ และกระแสลาวา |
||
ความแห้งแล้งและความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกับทะเลทรายอาตากามาเกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือการที่มีเทือกเขาสูงตะหง่านขวางกั้นอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ลมและฝนไม่สามารถฝ่าปราการธรรมชาติเข้ามาถึงดินแดนแห่งนี้ได้ และแม้อีกฟากจะติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า แอนติไซโคลน (anticyclone) ซึ่งแทบจะไม่มีพายุพัดผ่าน ความร้อนระอุจึงถูกทับถมลงบนพื้นทรายโดยไม่มีปัจจัยให้ผ่อนคลายหรือระบายออกเลย ปัจจัยสำคัญทั้งสองประการเสริมให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กระนั้น ทะเลทรายอาตากามาก็ใช่ว่าจะขาดความชุ่มชื้นเอาเสียเลย เพราะสายลมตะวันตกยังได้พัดพาไอระเหิดระเหยจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาสู่ทะเลทรายบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นเพียงไอชุ่มฉ่ำเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนพื้นทรายอันแห้งผากแห่งนี้ |
ความแห้งแล้งและความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกับทะเลทรายอาตากามาเกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือการที่มีเทือกเขาสูงตะหง่านขวางกั้นอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ลมและฝนไม่สามารถฝ่าปราการธรรมชาติเข้ามาถึงดินแดนแห่งนี้ได้ และแม้อีกฟากจะติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า แอนติไซโคลน (anticyclone) ซึ่งแทบจะไม่มีพายุพัดผ่าน ความร้อนระอุจึงถูกทับถมลงบนพื้นทรายโดยไม่มีปัจจัยให้ผ่อนคลายหรือระบายออกเลย ปัจจัยสำคัญทั้งสองประการเสริมให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กระนั้น ทะเลทรายอาตากามาก็ใช่ว่าจะขาดความชุ่มชื้นเอาเสียเลย เพราะสายลมตะวันตกยังได้พัดพาไอระเหิดระเหยจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาสู่ทะเลทรายบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นเพียงไอชุ่มฉ่ำเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนพื้นทรายอันแห้งผากแห่งนี้ |
||
บรรทัด 12: | บรรทัด 12: | ||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
||
⚫ | |||
{{ทะเลทราย}} |
{{ทะเลทราย}} |
||
⚫ | |||
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์เปรู]] |
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์เปรู]] |
||
บรรทัด 20: | บรรทัด 21: | ||
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์อเมริกาใต้]] |
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์อเมริกาใต้]] |
||
[[หมวดหมู่:ทะเลทรายในทวีปอเมริกาใต้|อาตากามา]] |
[[หมวดหมู่:ทะเลทรายในทวีปอเมริกาใต้|อาตากามา]] |
||
⚫ | |||
[[af:Atacamawoestyn]] |
|||
[[ar:أتاكاما]] |
|||
[[be:Пустыня Атакама]] |
|||
[[be-x-old:Атакама]] |
|||
[[bg:Атакама]] |
|||
[[bn:আতাকামা মরুভূমি]] |
|||
[[bs:Atacama]] |
|||
[[ca:Desert d'Atacama]] |
|||
[[cs:Atacama]] |
|||
[[da:Atacamaørkenen]] |
|||
[[de:Atacamawüste]] |
|||
[[el:Ατακάμα]] |
|||
⚫ | |||
[[eo:Atakamo]] |
|||
[[es:Desierto de Atacama]] |
|||
[[et:Atacama]] |
|||
[[eu:Atacamako basamortua]] |
|||
[[fa:بیابان آتاکاما]] |
|||
[[fi:Atacama]] |
|||
[[fr:Désert d'Atacama]] |
|||
[[gd:Atacama]] |
|||
[[gl:Deserto do Atacama]] |
|||
[[he:מדבר אטקמה]] |
|||
[[hi:अटाकामा मरुस्थल]] |
|||
[[hr:Atacama]] |
|||
[[hu:Atacama-sivatag]] |
|||
[[hy:Ատակամա անապատ]] |
|||
[[id:Gurun Atacama]] |
|||
[[is:Atacama]] |
|||
[[it:Deserto di Atacama]] |
|||
[[ja:アタカマ砂漠]] |
|||
[[ka:ატაკამა]] |
|||
[[kk:Атакама]] |
|||
[[kn:ಅಟಕಾಮಾ ಮರುಭೂಮಿ]] |
|||
[[ko:아타카마 사막]] |
|||
[[ku:Atacama]] |
|||
[[lt:Atakama]] |
|||
[[lv:Atakamas tuksnesis]] |
|||
[[mk:Атакама]] |
|||
[[ml:അറ്റക്കാമ മരുഭൂമി]] |
|||
[[ms:Gurun Atacama]] |
|||
[[nl:Atacama (woestijn)]] |
|||
[[nn:Atacama]] |
|||
[[no:Atacamaørkenen]] |
|||
[[pa:ਆਤਾਕਾਮਾ ਮਾਰੂਥਲ]] |
|||
[[pl:Atakama]] |
|||
[[pnb:صحرائے ایٹاکاما]] |
|||
[[pt:Deserto de Atacama]] |
|||
[[qu:Atakama]] |
|||
[[ro:Deșertul Atacama]] |
|||
[[ru:Атакама]] |
|||
[[sh:Atacama]] |
|||
[[simple:Atacama Desert]] |
|||
[[sk:Atacama]] |
|||
[[sl:Atacama]] |
|||
[[sq:Atakama]] |
|||
[[sr:Атакама]] |
|||
[[sv:Atacamaöknen]] |
|||
[[ta:அட்டகாமா பாலைவனம்]] |
|||
[[te:అటకామా ఎడారి]] |
|||
[[tr:Atacama Çölü]] |
|||
[[uk:Атакама]] |
|||
[[ur:صحرائے ایٹاکاما]] |
|||
[[uz:Atakama]] |
|||
[[vi:Hoang mạc Atacama]] |
|||
[[zh:阿他加马沙漠]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 00:54, 7 พฤศจิกายน 2567
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ทะเลทรายอาตากามา (สเปน: Desierto de Atacama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเปรูไปถึงตอนเหนือของประเทศชิลี เป็นระยะทางกว่า 960 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 180,000 ตารางกิโลเมตร โดยสูงเฉลี่ย 610 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทะเลทรายแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดของโลก[1][2][3] ประกอบไปด้วยแอ่งดินเค็มแห้งแล้งหลายแอ่งติดต่อกัน แม้ว่าเกือบจะไม่มีพืชขึ้นเลย แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไนเตรต ทองแดง ไอโอดีน และบอแรกซ์ เมืองในทะเลทรายอย่างเช่นเมืองกาลามาประสบภาวะแล้งจัดยาวนานกว่า 400 ปี ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปี ค.ศ. 1971
ในอดีต ทะเลทรายแห่งนี้เคยกลายเป็นชนวนเหตุของการก่อสงครามระหว่างโบลิเวียกับชิลี ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโบลิเวีย แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ทำให้ชิลีตัดสินใจใช้กำลังประหัตประหารหักเอาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากรบพุ่งกันมาอย่างยาวนานในที่สุดทัพชิลีก็เป็นฝ่ายกำชัย ได้ยึดครองทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเมืองท่าอันโตฟากัสตา (Antofagasta) ส่วนโบลิเวียก็ต้องถอยร่นยังในที่ตั้งอันสูงชันอย่างเช่นในปัจจุบัน สงครามแย่งชิงทะเลทรายในครั้งนั้นถูกเรียกว่าสงครามแปซิฟิก
สภาพภูมิศาสตร์
[แก้]พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายอาตากามาถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายเป็นที่ราบสูงที่ลาดชันขนานไปกับแนวเทือกเขาแอนดีสซึ่งเป็นเทือกเขาสูงตะหง่านที่ทอดยาวไปตามไหล่ทวีปอเมริกาใต้ ส่วนด้านตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในทะเลทรายมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ในขณะที่บางพื้นที่ของทะเลทรายกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีฝนตกลงเลย การที่มีปริมาณฝนตกลงในพื้นที่ดังกล่าวเพียงจำนวนน้อยทำให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนระอุที่สุดของโลก ในอาณาบริเวณของทะเลทรายเต็มไปด้วยทราย เกลือ และกระแสลาวา
ความแห้งแล้งและความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกับทะเลทรายอาตากามาเกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือการที่มีเทือกเขาสูงตะหง่านขวางกั้นอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ลมและฝนไม่สามารถฝ่าปราการธรรมชาติเข้ามาถึงดินแดนแห่งนี้ได้ และแม้อีกฟากจะติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า แอนติไซโคลน (anticyclone) ซึ่งแทบจะไม่มีพายุพัดผ่าน ความร้อนระอุจึงถูกทับถมลงบนพื้นทรายโดยไม่มีปัจจัยให้ผ่อนคลายหรือระบายออกเลย ปัจจัยสำคัญทั้งสองประการเสริมให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กระนั้น ทะเลทรายอาตากามาก็ใช่ว่าจะขาดความชุ่มชื้นเอาเสียเลย เพราะสายลมตะวันตกยังได้พัดพาไอระเหิดระเหยจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาสู่ทะเลทรายบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นเพียงไอชุ่มฉ่ำเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนพื้นทรายอันแห้งผากแห่งนี้
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Parts of Chile's Atacama Desert haven't seen a drop of rain since recordkeeping began. Somehow, more than a million people squeeze life from this parched land". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-18. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-08. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-06-06. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.