ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทะเลทรายอาตากามา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
FoxBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: ta:அட்டகாமா பாலைவனம்
JasperBot (คุย | ส่วนร่วม)
top: แทนที่แม่แบบ, replaced: {{lang-es| → {{langx|es|
 
(ไม่แสดง 23 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 19 คน)
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เพิ่มอ้างอิง}}
{{รอการตรวจสอบ}}
[[ไฟล์:Atacama1.jpg|ทะเลทรายอาตากามา|thumb|250px|right]]
[[ไฟล์:Atacama1.jpg|ทะเลทรายอาตากามา|thumb|250px|right]]
'''ทะเลทรายอาตากามา''' (Atacama Desert) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ[[ประเทศเปรู]]ไปถึงตอนเหนือของ[[ประเทศชิลี]] เป็นระยะทางกว่า 960 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 180,000 ตารางกิโลเมตรโดยสูงเฉลี่ย 610 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล [[ทะเลทราย]]แห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดของโลก<ref>http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/0308/feature3/</ref><ref>http://www.extremescience.com/DriestPlace.htm</ref><ref>http://quest.nasa.gov/challenges/marsanalog/egypt/AtacamaAdAstra.pdf</ref> ประกอบไปด้วยแอ่งดินเค็มแห้งแล้งหลายแอ่งติดต่อกัน แม้ว่าเกือบจะไม่มีพืชขึ้นเลย แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วย[[ไนเตรต]] [[ทองแดง]] [[ไอโอดีน]] และ[[บอแรกซ์]] เมืองในทะเลทรายอย่างเช่นเมืองกาลามาประสบภาวะแล้งจัดยาวนานกว่า 400 ปี ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปี ค.ศ. 1971
'''ทะเลทรายอาตากามา''' ({{langx|es|Desierto de Atacama}}) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ[[ประเทศเปรู]]ไปถึงตอนเหนือของ[[ประเทศชิลี]] เป็นระยะทางกว่า 960 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 180,000 ตารางกิโลเมตร โดยสูงเฉลี่ย 610 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล [[ทะเลทราย]]แห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดของโลก<ref>{{Cite web |url=http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/0308/feature3/ |title=Parts of Chile's Atacama Desert haven't seen a drop of rain since recordkeeping began. Somehow, more than a million people squeeze life from this parched land. |access-date=2009-06-19 |archive-date=2007-12-18 |archive-url=https://web.archive.org/web/20071218212813/http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/0308/feature3/ |url-status=dead }}</ref><ref>{{Cite web |url=http://www.extremescience.com/DriestPlace.htm |title=สำเนาที่เก็บถาวร |access-date=2009-06-19 |archive-date=2009-04-08 |archive-url=https://web.archive.org/web/20090408100840/http://www.extremescience.com/DriestPlace.htm |url-status=dead }}</ref><ref>{{Cite web |url=http://quest.nasa.gov/challenges/marsanalog/egypt/AtacamaAdAstra.pdf |title=สำเนาที่เก็บถาวร |access-date=2009-06-19 |archive-date=2012-06-06 |archive-url=https://www.webcitation.org/68Cu1UYk4?url=http://quest.nasa.gov/challenges/marsanalog/egypt/AtacamaAdAstra.pdf |url-status=dead }}</ref> ประกอบไปด้วยแอ่งดินเค็มแห้งแล้งหลายแอ่งติดต่อกัน แม้ว่าเกือบจะไม่มีพืชขึ้นเลย แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วย[[ไนเตรต]] [[ทองแดง]] [[ไอโอดีน]] และ[[บอแรกซ์]] เมืองในทะเลทรายอย่างเช่นเมืองกาลามาประสบภาวะแล้งจัดยาวนานกว่า 400 ปี ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปี ค.ศ. 1971


ในอดีต ทะเลทรายแห่งนี้เคยกลายเป็นชนวนเหตุของการก่อสงครามระหว่าง โบลิเวียกับชิลี ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโบลิเวีย แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ทำให้ชิลีตัดสินใจใช้กำลังประหัตประหารหักเอาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากรบพุ่งกันมาอย่างยาวนานในที่สุดทัพชิลีก็เป็นฝ่ายกำชัย ได้ยึดครองทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเมืองท่าอันโตฟากัสตา(Antofagasta)ส่วนโบลิเวียก็ต้องถอยร่นยังในที่ตั้งอันสูงชันอย่างเช่นในปัจจุบันสงครามแย่งชิงทะเลทรายในครั้งนั้นถูกเรียกขานว่าสงครามแปซิฟิก
ในอดีต ทะเลทรายแห่งนี้เคยกลายเป็นชนวนเหตุของการก่อสงครามระหว่างโบลิเวียกับชิลี ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโบลิเวีย แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ทำให้ชิลีตัดสินใจใช้กำลังประหัตประหารหักเอาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากรบพุ่งกันมาอย่างยาวนานในที่สุดทัพชิลีก็เป็นฝ่ายกำชัย ได้ยึดครองทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเมืองท่า[[อันโตฟากัสตา]] (Antofagasta) ส่วนโบลิเวียก็ต้องถอยร่นยังในที่ตั้งอันสูงชันอย่างเช่นในปัจจุบัน สงครามแย่งชิงทะเลทรายในครั้งนั้นถูกเรียกว่า[[สงครามมหาสมุทรแปซิฟิก (ค.ศ. 1879–1884)|สงครามแปซิฟิก]]


สภาพภูมิศาสตร์
== สภาพภูมิศาสตร์ ==
พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายอาตากาม่า ถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายถูกรายล้อมไปด้วย เทือกเขาอินดิส อันเป็นเทือกเขาสูงตะหง่านที่ทอดยาวไปตามไหล่ทวีปอเมริกาใต้ ส่วนอีกฟากหนึ่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายเต็มไปด้วยพื้นที่ที่แห้งผาก มีปริมาณน้ำฝนต่อปีเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ในขณะที่บางพื้นที่ของทะเลทรายกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีฝนตกลงเลย การที่มีปริมาณฝนตกลงในพื้นที่ดังกล่าวเพียงจำนวนน้อยทำให้ ทะเลทรายอาตากาม่า กลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนระอุที่สุดของโลกเรา ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายเป็นที่ราบสูงที่ลาดชันขนานไปกับเทือกเขาอินดีส ซึ่งทะเลทรายดังกล่าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาอินดีส ส่วนอีกด้านติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกมีละติจูดอยู่ที่30° ในอาณาบริเวณของทะเลทรายเต็มไปด้วยทราย เกลือและกระแสลาวา
พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายอาตากามาถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายเป็นที่ราบสูงที่ลาดชันขนานไปกับแนว[[เทือกเขาแอนดีส]]ซึ่งเป็นเทือกเขาสูงตะหง่านที่ทอดยาวไปตามไหล่[[ทวีปอเมริกาใต้]] ส่วนด้านตะวันตกติดกับ[[มหาสมุทรแปซิฟิก]] ในทะเลทรายมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ในขณะที่บางพื้นที่ของทะเลทรายกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีฝนตกลงเลย การที่มีปริมาณฝนตกลงในพื้นที่ดังกล่าวเพียงจำนวนน้อยทำให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนระอุที่สุดของโลก ในอาณาบริเวณของทะเลทรายเต็มไปด้วยทราย เกลือ และกระแสลาวา


ความแห้งแล้งและความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกับทะเลทรายอาตากาม่า เกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือการที่มีเงื่อมเขาสูงตะหง่านของยอดเขาอินดิสที่มีความสูงถึง 6,885 เมตร (22,590 ฟุต) ขวางกั้นอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ ลมและฝนไม่สามารถฝ่าปราการธรรมชาติเข้ามาถึงดินแดนแห่งนี้ได้ แม้อีกฟากจะติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า anticyclone แทบจะไม่มีพายุไซโคลนพัดผ่านในบริเวณแถบนี้เลย ปัจจัยสำคัญทั้งสองประการเสริมให้ทะเลทรายอาตากาม่า กลายเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งและร้อนระอุมากที่สุดในโลกเรา ความร้อนระอุที่ถูกทับถมลงบนพื้นทรายโดยไม่มีปัจจัยให้ผ่อนคลายหรือระบายออกเลย แต่กระนั้น ทะเลทรายอาตากาม่า ก็ใช่ว่าจะขาดความชุ่มชื้นเอาเสียเลย เพราะสายลมตะวันตกยังได้พัดพาไอระเหิดระเหยจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาสู่ทะเลทรายบางเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นเพียงระไอชุ่มฉ่ำเพียงเล็กน้อยแต่ก็มากพอให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนพื้นทรายอันแห้งผากแห่งนี้
ความแห้งแล้งและความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกับทะเลทรายอาตากามาเกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือการที่มีเทือกเขาสูงตะหง่านขวางกั้นอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ลมและฝนไม่สามารถฝ่าปราการธรรมชาติเข้ามาถึงดินแดนแห่งนี้ได้ และแม้อีกฟากจะติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า แอนติไซโคลน (anticyclone) ซึ่งแทบจะไม่มีพายุพัดผ่าน ความร้อนระอุจึงถูกทับถมลงบนพื้นทรายโดยไม่มีปัจจัยให้ผ่อนคลายหรือระบายออกเลย ปัจจัยสำคัญทั้งสองประการเสริมให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กระนั้น ทะเลทรายอาตากามาก็ใช่ว่าจะขาดความชุ่มชื้นเอาเสียเลย เพราะสายลมตะวันตกยังได้พัดพาไอระเหิดระเหยจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาสู่ทะเลทรายบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นเพียงไอชุ่มฉ่ำเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนพื้นทรายอันแห้งผากแห่งนี้


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง}}

{{commons|Atacama Desert}}


{{ทะเลทราย}}
{{ทะเลทราย}}
{{โครงภูมิศาสตร์}}


[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์เปรู]]
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์เปรู]]
บรรทัด 20: บรรทัด 21:
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์อเมริกาใต้]]
[[หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์อเมริกาใต้]]
[[หมวดหมู่:ทะเลทรายในทวีปอเมริกาใต้|อาตากามา]]
[[หมวดหมู่:ทะเลทรายในทวีปอเมริกาใต้|อาตากามา]]
{{โครงภูมิศาสตร์}}

[[af:Atacamawoestyn]]
[[ar:أتاكاما]]
[[be:Атакама]]
[[be-x-old:Атакама]]
[[bg:Атакама (пустиня)]]
[[bn:আতাকামা মরুভূমি]]
[[bs:Atacama]]
[[ca:Desert d'Atacama]]
[[cs:Atacama]]
[[da:Atacamaørkenen]]
[[de:Atacamawüste]]
[[el:Ατακάμα]]
[[en:Atacama Desert]]
[[eo:Atakamo]]
[[es:Desierto de Atacama]]
[[et:Atacama]]
[[eu:Atacamako basamortua]]
[[fa:آتاکاما]]
[[fi:Atacama]]
[[fr:Désert d'Atacama]]
[[gd:Atacama]]
[[gl:Deserto do Atacama]]
[[he:מדבר אטקמה]]
[[hi:अटाकामा मरुस्थल]]
[[hr:Atacama]]
[[hu:Atacama-sivatag]]
[[hy:Ատակամա անապատ]]
[[id:Gurun Atacama]]
[[is:Atacama]]
[[it:Deserto di Atacama]]
[[ja:アタカマ砂漠]]
[[ka:ატაკამა]]
[[kn:ಅಟಕಾಮಾ ಮರುಭೂಮಿ]]
[[ko:아타카마 사막]]
[[ku:Atacama]]
[[lt:Atakama]]
[[mk:Атакама]]
[[ml:അറ്റാക്കമ മരുഭൂമി]]
[[ms:Gurun Atacama]]
[[nl:Atacama (woestijn)]]
[[nn:Atacama]]
[[no:Atacamaørkenen]]
[[pl:Atakama]]
[[pnb:صحرائے ایٹاکاما]]
[[pt:Deserto de Atacama]]
[[qu:Atakama]]
[[ro:Deșertul Atacama]]
[[ru:Атакама]]
[[sh:Atacama]]
[[simple:Atacama Desert]]
[[sk:Atacama]]
[[sl:Atacama]]
[[sq:Atakama]]
[[sr:Атакама]]
[[sv:Atacamaöknen]]
[[ta:அட்டகாமா பாலைவனம்]]
[[te:అటకామా ఎడారి]]
[[tr:Atacama Çölü]]
[[uk:Атакама]]
[[ur:صحرائے ایٹاکاما]]
[[vi:Hoang mạc Atacama]]
[[zh:阿他加马沙漠]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 00:54, 7 พฤศจิกายน 2567

ทะเลทรายอาตากามา

ทะเลทรายอาตากามา (สเปน: Desierto de Atacama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเปรูไปถึงตอนเหนือของประเทศชิลี เป็นระยะทางกว่า 960 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 180,000 ตารางกิโลเมตร โดยสูงเฉลี่ย 610 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทะเลทรายแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดของโลก[1][2][3] ประกอบไปด้วยแอ่งดินเค็มแห้งแล้งหลายแอ่งติดต่อกัน แม้ว่าเกือบจะไม่มีพืชขึ้นเลย แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไนเตรต ทองแดง ไอโอดีน และบอแรกซ์ เมืองในทะเลทรายอย่างเช่นเมืองกาลามาประสบภาวะแล้งจัดยาวนานกว่า 400 ปี ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปี ค.ศ. 1971

ในอดีต ทะเลทรายแห่งนี้เคยกลายเป็นชนวนเหตุของการก่อสงครามระหว่างโบลิเวียกับชิลี ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโบลิเวีย แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ ทำให้ชิลีตัดสินใจใช้กำลังประหัตประหารหักเอาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากรบพุ่งกันมาอย่างยาวนานในที่สุดทัพชิลีก็เป็นฝ่ายกำชัย ได้ยึดครองทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเมืองท่าอันโตฟากัสตา (Antofagasta) ส่วนโบลิเวียก็ต้องถอยร่นยังในที่ตั้งอันสูงชันอย่างเช่นในปัจจุบัน สงครามแย่งชิงทะเลทรายในครั้งนั้นถูกเรียกว่าสงครามแปซิฟิก

สภาพภูมิศาสตร์

[แก้]

พื้นที่โดยทั่วไปของทะเลทรายอาตากามาถูกปกคลุมไปด้วยแอ่งดินสลับกับผืนทรายราบเรียบ ดูเวิ้งว้างและทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลทรายเป็นที่ราบสูงที่ลาดชันขนานไปกับแนวเทือกเขาแอนดีสซึ่งเป็นเทือกเขาสูงตะหง่านที่ทอดยาวไปตามไหล่ทวีปอเมริกาใต้ ส่วนด้านตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในทะเลทรายมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ในขณะที่บางพื้นที่ของทะเลทรายกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีฝนตกลงเลย การที่มีปริมาณฝนตกลงในพื้นที่ดังกล่าวเพียงจำนวนน้อยทำให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนระอุที่สุดของโลก ในอาณาบริเวณของทะเลทรายเต็มไปด้วยทราย เกลือ และกระแสลาวา

ความแห้งแล้งและความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกับทะเลทรายอาตากามาเกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือการที่มีเทือกเขาสูงตะหง่านขวางกั้นอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ลมและฝนไม่สามารถฝ่าปราการธรรมชาติเข้ามาถึงดินแดนแห่งนี้ได้ และแม้อีกฟากจะติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า แอนติไซโคลน (anticyclone) ซึ่งแทบจะไม่มีพายุพัดผ่าน ความร้อนระอุจึงถูกทับถมลงบนพื้นทรายโดยไม่มีปัจจัยให้ผ่อนคลายหรือระบายออกเลย ปัจจัยสำคัญทั้งสองประการเสริมให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก แต่กระนั้น ทะเลทรายอาตากามาก็ใช่ว่าจะขาดความชุ่มชื้นเอาเสียเลย เพราะสายลมตะวันตกยังได้พัดพาไอระเหิดระเหยจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาสู่ทะเลทรายบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นเพียงไอชุ่มฉ่ำเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนพื้นทรายอันแห้งผากแห่งนี้

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Parts of Chile's Atacama Desert haven't seen a drop of rain since recordkeeping began. Somehow, more than a million people squeeze life from this parched land". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-18. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-08. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.
  3. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-06-06. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.