อักษรธรรมล้านนา
อักษรธรรมล้านนา เป็นอักษรในตระกูลอักษรพราหฺมี อักษรธรรมล้านนามีระบบการเขียนแบบอักษรสระประกอบ (Abugida) ซึ่งใช้สำหรับเขียน ภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) ภาษาไทลื้อ และภาษาไทเขิน รวมไปถึงภาษาสำหรับพระพุทธศาสนาคือ ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต อักษรธรรมล้านนาแต่เดิมเรียกว่า ตัวธัมม์ หรือ ตั๋วธรรม (ตัว หรือ ตั๋ว หมายถึง อักษร ส่วน ธัมม์ หรือ ธรรม หมายถึง คัมภีร์) แต่ในประเทศไทย ปัจจุบันนิยมเรียกอย่างเป็นทางการว่า อักษรธรรมล้านนา และเรียกแบบลำลองว่า ตั๋วเมือง (ใช้คู่กับ คำเมือง ซึ่งเป็นชื่อเรียกภาษาพูด) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอักษรนี้อีกหลายอย่าง เช่น อักษรไทธรรม (Tai Tham script) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกในระบบคอมพิวเตอร์ หรือ อักษรไทลื้อเก่า ซึ่งใช้เรียกในเมืองสิบสองปันนา ประเทศจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนได้มีการประดิษฐ์อักษรแบบใหม่สำหรับภาษาไทลื้อ ซึ่งเรียกว่าอักษรไทลื้อใหม่
อักษรธรรมล้านนา | |
---|---|
"ตัวธัมม์" เมื่อเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา | |
ชนิด | |
ช่วงยุค | คริสศตวรรษที่ 13-ปัจจุบัน |
ทิศทาง | ซ้ายไปขวา |
ภาษาพูด | ภาษาไทยถิ่นเหนือ, ภาษาไทลื้อ, ภาษาไทเขิน |
อักษรที่เกี่ยวข้อง | |
ระบบแม่ | |
ระบบลูก | ไทลื้อใหม่ |
ISO 15924 | |
ISO 15924 | Lana (351), Tai Tham (Lanna) |
ยูนิโคด | |
ยูนิโคดแฝง | Tai Tham |
ช่วงยูนิโคด | U+1A20-U+1AAF |
[a] ต้นกำเนิดเซมิติกของอักษรพราหมีไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล | |
ในประเทศลาวและภาคอีสานของไทย อักษรธรรมล้านนาได้รับการดัดแปลงรูปแบบให้เข้ากับภาษาลาว นิยมเรียกอักษรรูปแบบนี้ว่า โตธรรมลาว หรือ โตธรรมอีสาน และใช้สำหรับงานเขียนเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นสำคัญ ส่วนอักษรธรรมล้านนาแบบดั้งเดิมนั้น ทางฝ่ายลาวจะนิยมเรียกว่า อักษรยวน หรือ อักษรโยน ซึ่งเป็นชื่อที่เชื่อมโยงกับอาณาจักรโยนกเชียงแสน ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งของชาวไทยวน (ชาวล้านนา)
เนื่องจากนโยบายชาตินิยมของรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยอดีต ทำให้ไม่มีการสอนอักษรธรรมล้านนาในระบบโรงเรียนอย่างเป็นทางการอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้รู้อักษรธรรมล้านนาในไทยในปัจจุบันมักมีจำกัดอยู่เฉพาะในแวดวงของพระสงฆ์ นักวิชาการ ช่างศิลป์พื้นเมือง และหมอพื้นบ้าน เท่านั้น ไม่เป็นที่รับรู้ของบุคคลทั่วไปมากนัก อย่างไรก็ดี ในเมืองเชียงตุงและเขตรัฐฉานประเทศเมียนมาร์ ยังพบว่ามีการใช้อักษรธรรมล้านนาในชีวิตประจำวันอยู่อย่างแพร่หลาย
พยัญชนะ
แก้อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะ 43 ตัว แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือ พยัญชนะในวรรค (ᨻ᩠ᨿᩢᨬ᩠ᨩᨶᨶᩲᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼), พยัญชนะอวรรค (ᨻ᩠ᨿᩢᨬ᩠ᨩᨶᩋᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼), และ พยัญชนะเพิ่ม โดยพยัญชนะในวรรคและพยัญชนะอวรรค เป็นกลุ่มอักขระที่วิวัฒนาการมาจากอักษรมอญโบราณซึ่งใช้สำหรับการเขียนภาษาบาลีและสันสกฤต ในทำนองเดียวกับอักษรเทวนาครี อักษรปัลลวะ และ อักษรพม่า พยัญชนะในวรรคจะแบ่งได้เป็น 5 วรรค (ᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼) คือ วรรค ᨠ (ก), วรรค ᨧ (จ), วรรค ᨭ (ฏ), วรรค ᨲ (ต), วรรค ᨷ (ป) ส่วนพยัญชนะเพิ่มนั้น เป็นพยัญชนะที่ประดิษฐ์ขึ้นเพิ่มเติมสำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท ซึ่งแต่เดิมจะไม่พบในภาษาบาลี อนึ่ง ในพจนานุกรม มักจัดเอาตัว ᩂ (ฤ) และ ᩄ (ฦ) เข้าไว้ในหมวดพยัญชนะด้วย โดยมีลำดับถัดมาจากอักษร ᩁ (ร) และ ᩃ (ล) ตามลำดับ แต่กระนั้น อักษรทั้งสองตัวนี้แท้จริงแล้วถือว่าเป็นอักขระแทนพยางค์ (syllabary) ไม่ใช่พยัญชนะแท้ นอกจากนี้อักษรธรรมล้านนายังมีพยัญชนะรูปพิเศษเช่น ᩕ- (ร ควบ) ᩔ (สฺส) ᨬ᩠ᨬ (ญฺญ) ᩓ (แล) เป็นต้น อีกด้วย
ตารางพยัญชนะ
แก้อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะ 43 ตัว ได้แก่ พยัญชนะในวรรค 25 ตัว พยัญชนะอวรรค 10 ตัว และ พยัญชนะเพิ่ม 8 ตัว อย่างไรก็ดี อักษรไทยที่ปรากฏเป็นการปริวรรต (ถ่ายอักษร) เท่านั้น เสียงจริงของอักษรแสดงไว้ในสัทอักษร ซึ่งอาจจะออกเสียงต่างไปจากอักษรไทย
นอกจากนี้ ในทำนองเดียวกับอักษรมอญและเขมร อักษรธรรมล้านนายังมีพยัญชนะรูปตัวเชิง ซึ่งเป็นรูปของพยัญชนะที่ใส่ไว้ใต้พยัญชนะหรือสระ เรียกว่า หาง (ᩉᩣ᩠ᨦ) ตัวซ้อน (ᨲ᩠ᩅᩫᨪᩬ᩶ᩁ) ตัวห้อย (ᨲ᩠ᩅᩫᩉᩬ᩠ᨿ᩶) หรือ ตัวเสียบ (ᨲ᩠ᩅᩫᩈ᩠ᨿᨷ) พยัญชนะตัวเชิงใส่ไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวสะกดหรือห้ามไม่ให้พยัญชนะตัวข่ม (อักษรที่อยู่ด้านบนของตัวเชิง) ออกเสียงอะ (ในกรณีที่เขียนภาษาบาลีสันสกฤต) เช่น ᨻᩩᨴ᩠ᨵ (พุทฺธ) จะอ่านเป็น ปุ๊ด-ทะ ไม่อ่านว่า ปุ๊ด-ต๊ะ-ทะ นอกจากนี้ ตัวเชิงของอักษร ᩅ (ว) ᨿ (ย) และ ᩋ (อ) ยังใช้เป็นรูปสระได้ด้วย ทั้งนี้ พยัญชนะในวรรคและอวรรคจะมีตัวเชิงทุกตัว และโดยทั่วไปก็มีลักษณะคล้ายเดิมกับพยัญชนะปกติ ยกเว้นบางตัวซึ่งเปลี่ยนรูปไป เช่น ตัวเชิงของ ᨮ (ฐ) ᨻ (พ) ᨷ (บ) ᨶ (น) ᨾ (ม) ᨿ (ย) ᩁ (ร) ᩋ (อ) อย่างไรก็ดี อักษรบางตัวเช่น ᩃ (ล) ᨷ (บ) ᩁ (ร) อาจจะมีรูปตัวเชิงมากกว่าหนึ่งแบบ ซึ่งตัวเชิงแต่ละแบบอาจมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันในแต่ละปริบทหรือตามความนิยม ตัวอย่างเช่น รูป ◌᩠ᨷ จะใช้ในกรณีที่เป็นตัวสะกด ส่วนรูป ◌ᩝ จะใช้ในกรณีที่เป็นคำสะกดแบบพิเศษ เช่น ᨣᩴ᩵ᩝ (ก็บ่) ส่วนพยัญชนะเพิ่ม (ซึ่งแสดงในแถวตารางสีเหลือง) จะไม่มีรูปตัวเชิงแต่อย่างใดเนื่องจากประดิษฐ์ขึ้นภายหลัง อนึ่ง ในการป้อนอักขระอักษรธรรมด้วยระบบยูนิโคด จะสามารถแปลงพยัญชนะเป็นรูปตัวเชิงได้ด้วยการป้อนสัญลักษณ์ สะกด (รหัสอักขระ U1A60) (◌᩠) ซึ่งในขณะที่ป้อน จะปรากฏเป็นสัญลักษณ์กากบาทอยู่ใต้อักษร[4]
ในส่วนของมาตราตัวสะกด อักษรธรรมล้านนาก็มีแม่ตัวสะกดเช่นดียวกับอักษรไทย คือ แม่กก แม่กบ แม่กด แม่กง แม่กม แม่เกย และ แม่เกอว โดยนิยมเรียกว่า แม่กัก แม่กับ แม่กัด แม่กัง แม่กัม แม่กัย และ แม่กัว อย่างไรก็ดีจะมีความแตกต่างจากอักษรไทยเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ตัว ᨫ (ฌ) ในอักษรธรรมล้านนาสามารถเป็นตัวสะกดในมาตราแม่กดได้ แต่กับอักษรไทยจะทำเช่นนี้ไม่ได้ อนึ่งอักษรธรรมล้านนาสามารถจัดหมวดหมู่ไตรยางศ์ได้ในทำนองเดียวกับอักษรไทยและอักษรลาว
วรรค | อักษร | รูปตัวเชิง | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คำอ่าน | สัทอักษร | พยัญชนะต้น | ตัวสะกด | พยัญชนะต้น | ตัวสะกด | พยัญชนะต้น | ตัวสะกด | |||||
|
ᨠ | ◌᩠ᨠ | ก๋ะ | [kǎ] | ก | แม่กก | k | k | [k] | [k̚] | สูง | |
ᨡ | ◌᩠ᨡ | ข๋ะ | [xǎ], [kʰǎ] | ข | แม่กก | x, kh | k | [x], [kʰ] | [k̚] | สูง | ||
ᨢ | — | ฃ๋ะ | [xǎ] | ฃ | แม่กก | x, kh | — | [x] | [k̚] | สูง | ||
ᨣ | ◌᩠ᨣ | ก๊ะ | [ka᷇] | ค | แม่กก | k | k | [k] | [k̚] | ต่ำ | ||
ᨤ | — | คะ, ฅะ | [xa᷇] | ฅ | แม่กก | x, kh | — | [x] | [k̚] | ต่ำ | ||
ᨥ | ◌᩠ᨥ | ฆะ | [xa᷇], [kʰa᷇] | ฆ | แม่กก | x, kh | k | [x], [kʰ] | [k̚] | ต่ำ | ||
ᨦ | ◌᩠ᨦ | งะ | [ŋa᷇] | ง | แม่กง | ng | ng | [ŋ] | [ŋ] | ต่ำ | ||
2. วรรค จ | ᨧ | ◌᩠ᨧ | จ๋ะ | [t͡ɕǎ] | จ | แม่กด | j, c | t | [t͡ɕ] | [t̚] | สูง | |
ᨨ | -᩠ᨨ | ส๋ะ, ฉ๋ะ | [sǎ], [t͡ɕʰǎ] | ฉ | - | s, ch | — | [s], [t͡ɕʰ] | — | สูง | ||
ᨩ | -᩠ᨩ | จ๊ะ | [t͡ɕa᷇] | ช | แม่กด | j, c | t | [t͡ɕ] | [t̚] | ต่ำ | ||
ᨪ | — | ซะ | [sa᷇] | ซ | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | ต่ำ | ||
ᨫ | , | -᩠ᨫ | ซะ, ชะ, ฌะ | [sa᷇], [t͡ɕʰa᷄] | ฌ | แม่กด | s, ch | t | [s], [t͡ɕʰa᷄] | [t̚] | ต่ำ | |
ᨬ | -᩠ᨬ | ญะ
(เสียงนาสิก) |
[ɲa᷇] | ญ | แม่กน | ny, y | n | [ɲ], [j][b] | [n] | ต่ำ | ||
3. วรรค ฏ | ᨭ | -᩠ᨭ | ระฏ๋ะ | [lǎ.tǎ] | ฏ, ฎ | แม่กด | t | t | [t] | [t̚] | สูง | |
ᨮ | , | -᩠ᨮ , -ᩛ | ระฐ๋ะ | [lǎ.tʰǎ] | ฐ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | สูง | |
ᨯ | -᩠ᨯ | ระฑะ, ด๊ะ | [dǎ] | ฑ, ด | แม่กด | d, th[c] | t | [d], [tʰ][c] | [t̚] | กลาง | ||
ᨰ | -᩠ᨰ | ระฒะ | [lǎ.tʰa᷇] | ฒ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | ||
ᨱ | -᩠ᨱ | ระณะ | [lǎ.na᷇] | น | แม่กน | n | n | [n] | [n] | ต่ำ | ||
4. วรรค ต | ᨲ | -᩠ᨲ | ต๋ะ | [tǎ] | ต | แม่กด | t | t | [t] | [t̚] | สูง | |
ᨳ | -᩠ᨳ | ถ๋ะ | [tʰǎ] | ถ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | สูง | ||
ᨴ | -᩠ᨴ | ต๊ะ | [ta᷇] | ท | แม่กด | t | t | [t] | [t̚] | ต่ำ | ||
ᨵ | -᩠ᨵ | ธะ | [tʰa᷇] | ธ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | ||
ᨶ | -᩠ᨶ | นะ | [na᷇] | น | แม่กน | n | n | [n] | [n] | ต่ำ | ||
5. วรรค ป | ᨷ | -᩠ᨷ , -ᩝ | บ๋ะ | [bǎ] | บ | แม่กบ | b | p | [b][d] | [p̚] | กลาง | |
-᩠ᨷ | ป๋ะ[e] | [pǎ] | ป | แม่กบ | p | p | [p][e][5][6] | [p̚] | สูง[6][5] | |||
ᨸ | – | ป๋ะ | [pǎ] | ป | แม่กบ | p | p | [p] | [p̚] | สูง | ||
ᨹ | -᩠ᨹ | ผ๋ะ | [pʰǎ] | ผ | - | ph | – | [pʰ] | – | สูง | ||
ᨺ | – | ฝ๋ะ | [fǎ] | ฝ | แม่กบ | f | – | [f] | – | สูง | ||
ᨻ | -᩠ᨻ , -ᩛ | ป๊ะ | [pa᷇] | พ | แม่กบ | p | p | [p] | [p̚] | ต่ำ | ||
ᨼ | – | ฟะ | [fa᷇] | ฟ | แม่กบ | f | p | [f] | [p̚] | ต่ำ | ||
ᨽ | -᩠ᨽ | ภะ | [pʰa᷇] | ภ | แม่กบ | ph | p | [pʰ] | [p̚] | ต่ำ | ||
ᨾ | -᩠ᨾ , -ᩜ | มะ | [ma᷇] | ม | แม่กม | m | m | [m] | [m] | ต่ำ | ||
6. อวรรค | ᨿ | -᩠ᨿ | ญะ
(เสียงนาสิก) |
[ɲa᷇] | ย | แม่เกย | ny, y | – | [ɲ], [j][b] | – | ต่ำ | |
ᩀ | – | ยะ, อยะ | [jǎ] | อย | - | y | – | [j] | – | กลาง | ||
ᩁ | -᩠ᩁ , -ᩕ | ระ, ละ, ฮะ | [la᷇] | ร, ล, ฮ | แม่กน | r,[g] l, h | n | [r],[c] [l],[c] [h] | [n] | ต่ำ | ||
ᩃ | -᩠ᩃ , -ᩖ | ละ | [la᷇] | ล | แม่กน | l | n | [l] | [n] | ต่ำ | ||
ᩅ | -᩠ᩅ | วะ | [wa᷇] | ว | แม่เกอว | w | – | [w] | – | ต่ำ | ||
ᩆ | -᩠ᩆ | ศ๋ะ | [sǎ] | ศ | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | สูง | ||
ᩇ | -᩠ᩇ | ษ๋ะ | [sǎ] | ษ | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | สูง | ||
ᩈ | -᩠ᩈ , -ᩞ | ส๋ะ | [sǎ] | ส | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | สูง | ||
ᩉ | -᩠ᩉ | หะ | [hǎ] | ห | - | h | – | [h] | – | สูง | ||
ᩊ | -᩠ᩊ | ฬะ | [la᷇] | ฬ | แม่กน | l | n | [l] | [n] | ต่ำ | ||
ᩋ | , | -ᩬ | อ๋ะ | [ʔǎ] | อ | - | – | – | [ʔ] | – | กลาง | |
ᩌ | – | ฮะ | [ha᷇] | ฮ | - | h | – | [h] | – | ต่ำ |
- หมายเหตุ
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 พยัญชนะเพิ่มซึ่งประดิษฐ์ขึ้นสำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท พยัญชนะเหล่าแท้จริงจะไม่จัดอยู่ในวรรค และไม่มีรูปตัวเชิง แต่ในที่นี้จะแทรกไว้ในแต่ละวรรคเพื่อให้เทียบเคียงกับอักษรไทยได้ง่าย
- ↑ 2.0 2.1 การออกเสียงเฉพาะในภาษาไทลื้อ
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 อิทธิพลจากภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาบาลีสันสฤต
- ↑ สำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท
- ↑ 5.0 5.1 สำหรับเขียนคำที่รากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสฤต
- ↑ สำหรับเขียนคำที่มาจากภาษาตระกูลไทเท่านั้น ไม่ใช้สำหรับคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสฤต
- ↑ นิยมปริวรรตเป็นอักษร ร สำหรับอักษรไทย หรือ r สำหรับอักษรละติน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยมาตรฐานหรือภาษาบาลีสันกฤต
พยัญชนะควบ
แก้พยัญชนะต้นควบตัวละ
แก้การเขียนพยัญชนะต้นควบตัวละ (ᩃ) จะใช้รูปตัวเชิงตัวละหน้อย (◌ᩖ) หรือรูปตัวละเสียบ (-᩠ᩃ) ซ้อนไว้ใต้พยัญชนะ อย่างไรก็ตาม ในภาษาล้านนาปัจจุบันนั้น พยัญชนะควบตัวละถือเป็นพยัญชนะควบไม่แท้ เพราะจะไม่ออกเสียงควบกล้ำ ล แต่อย่างใด โดยยังคงออกเสียงตามเสียงพยัญชนะต้นเช่นเดิม เสมือนไม่มีการควบ เช่น คำว่า ᨸᩖᩦ (ปลี) หรือ ᨸᩦ (ปี) ก็ล้วนแต่ออกเสียงว่า ปี๋ ทั้งคู่
อักษร | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คำอ่าน | สัทอักษร | แบบเน้นเสียงอ่าน | แบบเน้นนิรุกติ | |||||
ᨠᩖ | ᨠ᩠ᩃ | ก๋ะ | [kǎ] | กฺล | k | kl | [k] | สูง |
ᨣᩖ | ᨣ᩠ᩃ | ก๊ะ | [ka᷇] | คฺล | k | kl | [k] | ต่ำ |
ᨸᩖ | ᨸ᩠ᩃ | ป๋ะ | [pǎ] | ปฺล | p | pl | [p] | สูง |
ᨹᩖ | ᨹ᩠ᩃ | ผ๋ะ | [pʰǎ] | ผฺล | ph | phl | [pʰ] | สูง |
ᨻᩖ | ᨻ᩠ᩃ | ป๊ะ | [pa᷇] | พฺล | p | pl | [p] | ต่ำ |
ᨽᩖ | ᨽ᩠ᩃ | ภะ | [pʰa᷇] | ภฺล | ph | phl | [pʰ] | ต่ำ |
ᨾᩖ | ᨾ᩠ᩃ | มะ | [ma᷇] | มฺล | m | ml | [m] | ต่ำ |
พยัญชนะต้นควบระโรง (ระโฮง)
แก้อักษร | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|
คำอ่าน | สัทอักษร | แบบเน้นเสียงอ่าน | แบบเน้นนิรุกติ | ||||
ᨠᩕ | ข๋ะ, ฃ๋ะ | [xǎ], [kʰǎ] | กฺร | kh, x | kr | [x] | สูง |
ᨡᩕ | ข๋ะ, ฃ๋ะ | [xǎ], [kʰǎ] | ขฺร | kh, x | khr | [x] | สูง |
ᨣᩕ | คะ, ฅะ | [xa᷇], [kʰa᷇] | คฺร | kh, x | khr | [x] | ต่ำ |
ᨧᩕ | จะหล๋ะ[7] | [t͡ɕa.lǎ] | จฺร | chl, jl | chr, jr | [t͡ɕa.l] | สูง |
จ๋ะ | [t͡ɕʰǎ] | ch, j | [t͡ɕʰ] | ||||
ᨩᩕ | จะ[8] | [t͡ɕa] | ชฺร | ch, j | chr, jr | [t͡ɕʰ] | ต่ำ |
ᨪᩕ | ซะละ[9] | [sa᷇.la᷇] | ซฺร | sl | sr | [sa᷇.l] | ต่ำ |
ᨲᩕ | ถะหล๋ะ | [tʰa.lǎ] | ตฺร | thl | tr | [tʰa.l] | สูง |
ถ๋ะ | [tʰǎ] | th | [tʰ] | ||||
ᨴᩕ | ทะละ | [tʰa᷇.la᷇] | ทฺร | thl | thr | [tʰa᷇.l] | ต่ำ |
ทะ | [tʰa᷇] | th | [tʰ] | ||||
ᨷᩕ | ผ๋ะ | [pʰǎ] | ปฺร | ph | pr | [pʰ] | สูง |
ᨹᩕ | ผ๋ะ[10] | [pʰǎ] | ผฺร | ph | phr | [pʰ] | สูง |
ᨻᩕ | พะ | [pʰa᷇] | พฺร | ph | phr | [pʰ] | ต่ำ |
ᩈᩕ | สะหล๋ะ | [sa.lǎ] | สฺร | sl | sr | [sa.l] | สูง |
ᩆᩕ | ศะหล๋ะ | [sa.lǎ] | ศฺร | sl | sr | [sa.l] | สูง |
พยัญชนะต้นควบตัววะ
แก้อักษร | ชื่ออักษร | การปริวรรต | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
---|---|---|---|---|---|---|
คำอ่าน | สัทอักษร | อักษรไทย | อักษรละติน | |||
ᨠ᩠ᩅ | กว๋ะ | [kwǎ] | กว | kw | [kw] | สูง |
ᨡ᩠ᩅ | ขว๋ะ, ฃว๋ะ | [xwǎ] | ขว | khw, xw | [xw] | สูง |
ᨢ᩠ᩅ | ขว๋ะ, ฃว๋ะ | [xwǎ] | ฃว | khw, xw | [xw] | สูง |
ᨣ᩠ᩅ | กว๊ะ | [kwa᷇] | คว | kw | [kw] | ต่ำ |
ᨤ᩠ᩅ | ควะ, ฅวะ | [xwa᷇] | ฅว | khw, xw | [xw] | ต่ำ |
ᨦ᩠ᩅ | งวะ | [ŋwa᷇] | งว | ngw | [ŋw] | ต่ำ |
ᩉ᩠ᨦ᩠ᩅ | หฺงวะ | [ŋwǎ] | หฺงว | ngw | [ŋw] | สูง |
ᨧ᩠ᩅ | จว๋ะ | [t͡ɕwǎ] | จว | jw, chw | [t͡ɕw] | สูง |
ᨩ᩠ᩅ | จว๊ะ | [t͡ɕwa᷇] | ชว | jw, chw | [t͡ɕw] | ต่ำ |
ᨪ᩠ᩅ | ซวะ | [swa᷇] | ซว | sw | [sw] | ต่ำ |
ᨯ᩠ᩅ | ดว๋ะ | [dwǎ] | ดว | dw | [dw] | กลาง |
ᨲ᩠ᩅ | ตว๋ะ | [twǎ] | ตว | tw | [tw] | สูง |
ᨴ᩠ᩅ | ตว๊ะ | [tʰwa᷇] | ทว | thw | [tʰw] | ต่ำ |
ᨶ᩠ᩅ | นวะ | [nwa᷇] | นว | nw | [nw] | ต่ำ |
ᩀ᩠ᩅ | ยว๋ะ, อฺยว๋ะ | [jwǎ] | อฺยว | yw | [jw] | กลาง |
ᨿ᩠ᩅ | ญวะ (เสียงนาสิก) | [ɲwa᷇] | ยว | nyw, yw, gnw | [ɲw] | ต่ำ |
ᩉ᩠ᨿ᩠ᩅ | หฺญวะ (เสียงนาสิก) | [ɲwǎ] | หฺยว, หฺญว | nyw, yw, gnw | [ɲw] | สูง |
ᩁ᩠ᩅ | ลวะ | [lwa᷇] | รว | rw, lw | [lw] | ต่ำ |
ᩃ᩠ᩅ | ลวะ | [lwa᷇] | ลว | lw | [lw] | ต่ำ |
ᩈ᩠ᩅ | สว๋ะ | [swǎ] | สว | sw | [sw] | สูง |
ᩋ᩠ᩅ | อว๋ะ | [ʔwǎ] | อว | ʔw | [ʔw] | ต่ำ |
พยัญชนะกลุ่ม ห นำ
แก้อักษรต่ำบางตัว ได้แก่ ᨦ (ง) ᨶ (น) ᨾ (ม) ᨿ (ย) ᨬ (ญ) ᩁ (ร) ᩃ (ล) ᩅ (ว) จะไม่มีคู่อักษรสูงสำหรับผันเสียงวรรณยุกต์ได้ครบ อักษรเหล่านี้เรียกว่าอักษรต่ำเดี่ยว ดังนั้นเพื่อให้สามารถผันเสียงวรรณยุกต์ได้ครบ คู่อักษรสูงของอักษรเหล่านี้จะอยู่ในรูป ᩉ (ห) นำ โดยมีอักษรตัวตามอยู่ในรูปตัวเชิง ดังแสดงในตาราง โดยสำหรับอักษร ᨬ (ญ) จะนิยมใช้รูป ᩉ᩠ᨿ (หย) แทน[11]
อักษร | ชื่ออักษร | การปริวรรต | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
---|---|---|---|---|---|---|
คำอ่าน | สัทอักษร | อักษรไทย | อักษรละติน | |||
ᩉ᩠ᨦ | หง๋ะ | [ŋǎ] | หง | ng | [ŋ] | สูง |
ᩉ᩠ᨶ | หน๋ะ | [nǎ] | หน | n | [n] | สูง |
ᩉ᩠ᨾ | หม๋ะ | [mǎ] | หม | m | [m] | สูง |
ᩉ᩠ᨿ | หญ๋ะ
(เสียงนาสิก) |
[ɲǎ] | หย, หญ | ny | [ɲ], [j][a] | สูง |
ᩉᩕ | หร๋ะ, หล๋ะ, ห๋ะ | [rǎ], [lǎ], [hǎ] | หร | r,[b] l, h | [r],[c] [l],[c] [h] | สูง |
ᩉᩖ, ᩉ᩠ᩃ | หล๋ะ | [lǎ] | หล | l | [l] | สูง |
ᩉ᩠ᩅ | หว๋ะ | [wǎ] | หว | w | [w] | สูง |
- หมายเหตุ
พยัญชนะรูปพิเศษ
แก้อักษร | ชื่ออักษร | หน่วยเสียงทางสัทอักษร | หมายเหตุ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรธรรม | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ||||
ᩓ | , | ᩃᩯᩡ, ᩃᩯ | และ, แล | lae | [lɛ̄ː] | [lɛʔ], [lɛ̄ː] | อักษร ᩃ (ล) เชื่อมกับรูปสระ ᩮ (เ) ซึ่งเขียนเป็นตัวยกไว้ด้านบน อักษร แล ยังมีรูปตัวเชิงด้วยคือ ◌᩠ᩓ จัดว่าเป็นอักขรวิธีพิเศษ สำหรับเขียนคำว่า ᨩ᩠ᩓ (ชะแล ย่อมาจาก เช่นนั้นแล) |
ᨶᩣ | ᨶᩣ | นา | naa | [nāː] | [nāː] | อักษร ᨶ (น) เชื่อมกับรูปสระ ᩣ (า). | |
ᨬ᩠ᨬ | ᨬᨬ | ญะญะ | nya nya | [ɲa᷇ʔ ɲa᷇ʔ] | [n.ɲ] | อักษร ᨱ (ณ) เชื่อมกับ ᨬ (ญ) สำหรับแทนตัว ᨬ ซ้อนสองตัว | |
ᩔ | ᩈ ᩈᩬᨦᩉᩬ᩶ᨦ | สะสองห้อง | sa song hong | [sǎː sɔ̌ːŋ hɔ᷇ːŋ] | [t̚.s], [s̚.s] | อักษร ᩈ (ส) สองตัวเชื่อมติดกัน | |
ᩕ | ᩁᩁᩰᩫ᩠ᨦ | ระโรง, ระโฮง | rarong, rahong | [la᷇.hōːŋ] | [r], [l], [ʰ] | ระโรงจะใช้เป็นเป็นตัวเชิง ᩁ (ra) เพื่อควบกล้ำ ร เช่น ᨷᩕ (ปฺร) ᨻᩕ (พฺร) ในขณะที่รูปเชิงซึ่งเป็นตัวสะกดจะใช้ -᩠ᩁ |
สระ
แก้สระลอย
แก้สระลอยคือรูปสระที่ออกเสียงได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องประสมกับพยัญชนะ สระลอยในอักษรธรรมล้านนามีใช้สำหรับเขียนภาษาบาลีสันสกฤตเป็นหลัก เว้นแต่รูปสระ ᩐᩣ (เอา) ซึ่งเป็นรูปสระพิเศษแทนคำว่า เอา ซึ่งเป็นคำภาษาตระกูลไท ไม่ใช้กับคำภาษาบาลีสันสกฤต[12]
อักษรธรรม | คำอ่าน | การปริวรรต | |||
---|---|---|---|---|---|
ถอดเสียง | สัทอักษร | อักษรไทย | อักษรละติน | ||
ᩋ | อ๋ะ | /áʔ/ | อะ | a | |
ᩋᩣ | อา | /āː/ | อา | aa | |
ᩍ | อิ๋ | /íʔ/ | อิ | i | |
ᩎ | อี | /īː/ | อี | ii | |
ᩏ | อุ๋ | /úʔ/ | อุ | u | |
ᩐ | อู | /ūː/ | อู | uu | |
ᩑ | เอ | /ēː/ | เอ | e | |
ᩒ | โอ | /ōː/ | โอ | o | |
ᩂ | ลิ, ลึ,
ลือ, เลอ |
/li/, /lɯ̄ː/,
/lɯ᷇ʔ/, /lɤː/[13] |
ฤ, ฤๅ, รึ,
รือ, ริ, เรอ[13] |
rue, ruue,
ri, roe[13] | |
ᩄ | ฦ, ฦๅ, ลึ,
ลือ, ลิ, เลอ[13] |
lue, luue,
li, loe[13] | |||
ᩐᩣ | เอา | /aw/ | เอา | aw, au, ao |
สระจม
แก้เป็นสระที่ไม่สามารถออกเสียงได้ด้วยตัวเอง ต้องนำไปผสมกับพยัญชนะก่อนจึงจะสามารถออกเสียงได้
สระเสียงสั้น (ใช้กับพยัญชนะ ᨠ) |
สระเสียงยาว (ใช้กับพยัญชนะ ᨠ) | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
สระ | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด (ᨦ)[a] | สระ | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด (ᨦ)[a] | |
สระเดี่ยว | ||||||
อะ /a/ | ᨠ, ᨠᩡ | ᨠᩢ᩠ᨦ | อา /aː/ | ᨠᩣ[b] | ᨠᩣ᩠ᨦ | |
อิ /i/ | ᨠᩥ | ᨠᩥ᩠ᨦ | อี /iː/ | ᨠᩦ | ᨠᩦ᩠ᨦ | |
อึ /ɯ/ | ᨠᩧ, ᨠᩨᩡ | ᨠᩧ᩠ᨦ, ᨠᩨ᩠ᨦᩡ | อื /ɯː/ | ᨠᩨ | ᨠᩨ᩠ᨦ | |
อุ /u/ | ᨠᩩ | ᨠᩩᨦ, ᨠᩩᨦ᩼ | อู /uː/ | ᨠᩪ | ᨠᩪᨦ, ᨠᩪᨦ᩼ | |
เอะ /e/ | ᨠᩮᩡ, ᨠᩮᩬᩡ | ᨠᩮᩢ᩠ᨦ, ᨠᩮᩬᨦᩡ | เอ /eː/ | ᨠᩮ | ᨠᩮ᩠ᨦ | |
แอะ /ɛ/ | ᨠᩯᩡ, ᨠᩯᩬᩡ | ᨠᩯᩢ᩠ᨦ, ᨠᩯᩬᨦᩡ | แอ /ɛː/ | ᨠᩯ | ᨠᩯ᩠ᨦ | |
โอะ /o/ | ᨠᩰᩡ | ᨠᩫ᩠ᨦ | โอ /oː/ | ᨠᩰ, ᨠᩮᩣ[b][c] | ᨠᩰᩫ᩠ᨦ, ᨠᩰ᩠ᨦ | |
เอาะ /ɔ/ | ᨠᩰᩬᩡ | ᨠᩬᩢᨦ, ᨠᩬᨦᩡ | ออ /ɔː/ | ᨠᩬᩴ, ᨠᩳ[d] | ᨠᩬᨦ, ᨠᩬᨦ᩼ | |
เออะ /ɤ/ | ᨠᩮᩬᩥᩡ | ᨠᩮᩥᩢ᩠ᨦ, ᨠᩮᩥ᩠ᨦᩡ | เออ /ɤː/ | ᨠᩮᩥᩬ | ᨠᩮᩥ᩠ᨦ | |
สระเสียงควบ | ||||||
เอียะ /iaʔ/ | ᨠ᩠ᨿᩮᩡ | ᨠ᩠ᨿᩢᨦ, ᨠ᩠ᨿᨦᩡ | เอีย /ia/ | ᨠᩮ᩠ᨿ | ᨠ᩠ᨿᨦ | |
เอือะ /ɯaʔ/ | ᨠᩮᩬᩥᩋᩡ | ᨠᩮᩬᩥᩢᨦ, ᨠᩮᩬᩥᨦᩡ | เอือ /ɯa/ | ᨠᩮᩬᩥᩋ | ᨠᩮᩬᩥᨦ | |
ᨠᩮᩬᩨᩋᩡ | ᨠᩮᩬᩨᩢᨦ, ᨠᩮᩬᩨᨦᩡ | ᨠᩮᩬᩨᩋ | ᨠᩮᩬᩨᨦ | |||
อัวะ /uaʔ/ | ᨠ᩠ᩅᩫᩡ | ᨠ᩠ᩅᩢᨦ, ᨠ᩠ᩅᨦᩡ | อัว /ua/ | ᨠ᩠ᩅᩫ | ᨠ᩠ᩅᨦ, ᨠ᩠ᩅᨦ᩼ | |
สระเสียงควบตามหลักสัทศาสตร์ | ||||||
เอา /aw/ | ᨠᩮᩢᩣ,[b] ᨠᩮᩫᩢᩣ, ᨠᩳ,[e] ᨠᩪᩦ[f] | - | อาว /aːw/ | ᨠᩣ᩠ᩅ | - | |
อิว /iw/ | ᨠᩥ᩠ᩅ | - | ||||
เอ็ว /ew/ | ᨠᩮ᩠ᩅᩡ, ᨠᩮᩢ᩠ᩅ | - | เอว /eːw/ | ᨠᩮ᩠ᩅ, ᨠ᩠ᨿᩅ, ᨠ᩠ᨿᩴ | - | |
แอ็ว /ɛw/ | ᨠᩯ᩠ᩅᩡ, ᨠᩯᩢ᩠ᩅ | - | แอว /ɛːw/ | ᨠᩯ᩠ᩅ | - | |
เอียว /iaw/ | ᨠ᩠ᨿᩅ, ᨠ᩠ᨿᩴ | - | ||||
ไอ /aj/ | ᨠᩱ, ᨠᩲ, ᨠᩱ᩠ᨿ, ᨠᩱᨿ᩠ᨿ, ᨠᩮᨿ᩠ᨿ,[14] ᨠᩢ᩠ᨿ[6] | - | อาย /aːj/ | ᨠᩣ᩠ᨿ | - | |
อึย /ɯj/ | ᨠᩧ᩠ᨿ, ᨠᩨ᩠ᨿᩡ | - | อืย /ɯːj/ | ᨠᩨ᩠ᨿ | - | |
อุย /uj/ | ᨠᩩ᩠ᨿ | - | อูย /uːj/ | ᨠᩪ᩠ᨿ | - | |
โอย /oːj/ | ᨠᩰᩫ᩠ᨿ, ᨠ᩠ᩅ᩠ᨿ | - | ||||
อ็อย/ɔj/ | ᨠᩬ᩠ᨿᩡ, ᨠᩬᩢ᩠ᨿ | - | ออย /ɔːj/ | ᨠᩭ,[d] ᨠᩬ᩠ᨿ | - | |
เอย /ɤːj/ | ᨠᩮᩥ᩠ᨿ, ᨠᩮᩬᩥ᩠ᨿ, ᨠᩮᩬᩨ᩠ᨿ | - | ||||
อวย /uaj/ | ᨠ᩠ᩅ᩠ᨿ | - | ||||
เอือย /ɯaj/ | ᨠᩮᩬᩥ᩠ᨿ, ᨠᩮᩬᩨ᩠ᨿ | - | ||||
สระรูปพิเศษ | ||||||
อํ /aŋ/ | ᨠᩴ,[c] ᨠᩘ[c] | — | ||||
อำ /am/ | ᨠᩣᩴ[b] | — | ||||
|
สระพิเศษสำหรับภาษาสันสกฤต
แก้อักษรธรรมล้านนานั้นแต่หนเดิมได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้เขียนภาษาบาลีก่อนเป็นเบื้องแรก ดังนั้นจึงใช้เขียนภาษาบาลีได้อย่างราบรื่น แต่ทว่าการณ์มิได้เป็นเช่นนั้นสำหรับภาษาสันสกฤต เนื่องจากการใช้อักษรธรรมเขียนภาษาสันสกฤตนั้นได้เกิดขึ้นในสมัยหลัง และแม้โดยพื้นฐานแล้วภาษาสันสกฤตจะใกล้เคียงกับภาษาบาลีมาก แต่ก็มีเสียงสระที่เพิ่มขึ้นมาคือ สระไอ และ สระเอา เพื่อให้สามารถเขียนภาษาสันสกฤตได้ จึงมีการดัดแปลงไม้แก๋ (รูปสระแอ) สำหรับใช้แทนเสียง สระไอ และ สระเอา ในภาษาสันสกฤต ดังตารางด้านล่าง จากหลักฐานจะพบเพียงรูปสระจมของสระทั้งสองนี้เท่านั้น ไม่พบรูปสระลอย และรูปสระ ᩐᩣ ก็จะไม่นำไปใช้กับภาษาสันสฤต นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์รูปสระจมของตัว ฤ ขึ้นใช้สำหรับภาษาสันสกฤตด้วย โดยอักขระนี้อาจมีรูปลักษณ์คล้ายหางป๊ะ (◌ᩛ) หรือเขียนเป็นตัว ᩂ อยู่ใต้พยัญชนะ [13]
สระ | รูปสระจม
(จำลองการสะกดด้วยตัว ᨠ) |
---|---|
ไอ /ai/ | ᨠᩯ |
เอา /au/ | ᨠᩯᩣ |
ฤ /ṛ/ | ᨠ᩠ᩂ |
วรรณยุกต์
แก้รูปวรรณยุกต์
แก้อักษรธรรมล้านนามีรูปวรรณยุกต์หลัก ๆ คือไม้เหยาะ (ᨾᩱ᩶ᩀᩰᩬᩡ) และไม้ขอจ๊าง (ᨾᩱ᩶ᨡᩬᩴᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ) ซึ่งเทียบเท่ากับไม้เอกและไม้โทของอักษรไทย โดยไม่มีรูปที่เทียบเท่าไม้ตรีและจัตวา ทำให้การผันเสียงวรรณยุกต์มีระบบที่แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐานค่อนข้างมาก เนื่องจากภาษาล้านนามีเสียงวรรณยุกต์ถึง 6 เสียง แต่ในการเขียน จะผันเสียงโดยใช้รูปวรรณยุกต์เพียงสองรูปเท่านั้น ขณะที่ภาษาไทยมาตรฐานมีเสียงวรรณยุกต์ 5 เสียง แต่ก็มีการประดิษฐ์รูปวรรณยุกต์ให้ใช้ได้ครบทุกเสียง อนึ่ง ในภาษาไทเขิน ก็ได้มีความพยายามในการประดิษฐ์รูปวรรณยุกต์เพิ่มเติมอีก 3 รูป คือ ไม้ก๋อเหนือ (ᨾᩱ᩶ᨠᩳᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) ไม้สองเหนือ (ᨾᩱ᩶ᩈᩬᨦᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) และไม้สามเหนือ (ᨾᩱ᩶ᩈᩣ᩠ᨾᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) สำหรับใช้กับกลุ่มอักษรกลาง ᩋ (อ) ᨷ (บ) ᨯ (ด) ᩀ (อย) อย่างไรก็ตาม รูปวรรณยุกต์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่นี้ ยังจำกัดใช้เฉพาะในภาษาไทเขินแบบเชียงตุง ซึ่งมีการออกเสียงวรรณยุกต์ต่างจากภาษาล้านนาที่ใช้ในภาคเหนือของไทย ทั้งยังมีรูปแบบการใช้ที่สับสนและไม่เป็นระบบมากนัก จึงไม่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายนัก[15]
รูปวรรณยุกต์ | ชื่อเรียก | Comments | |||
---|---|---|---|---|---|
ชื่อภาษาล้านนา | ถอดเสียง | สัทอักษร | |||
᩵ | ᨾᩱ᩶ᩀᩢ᩠ᨠ, ᨾᩱ᩶ᩀᩰᩬᩡ[16] | ไม้หยัก, ไม้เหยาะ | /máj.jǎk/, /máj.jɔ́ʔ/ | เทียบได้กับไม้เอก | |
᩶ | ᨾᩱ᩶ᨡᩬᩴᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ,[16] | ไม้ขอจ๊าง | /máj.xɔ̌ː.t͡ɕáːŋ/ | เทียบได้กับไม้โท | |
ᩢ | ᨾᩱ᩶ᨪᩢ᩠ᨯ[15] | ไม้ซัด | /máj.sát/ | เป็นรูปไม้หันอากาศ แต่สามารถใช้เป็นรูปไม้โทได้เช่นกัน และมักพบใช้ปะปนกันได้โดยทั่วไป | |
᩷ | ᨾᩱ᩶ᨠᩳᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[17] | ไม้ก๋อเหนือ | /máj.kɔ̌.nɯa̯/ | ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนไม้ก๋อ (สระออ) -ᩳ ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์สามัญของอักษรกลาง เพื่อป้องกันความสับสนในการออกเสียง[15] | |
᩸ | ᨾᩱ᩶ᩈᩬᨦᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[17] | ไม้สองเหนือ | /máj.sɔ̌ːŋ.nɯa̯/ | ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนเลขสอง ᪂ ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์จัตวาของอักษรกลาง เพื่อป้องกันความสับสนในการออกเสียง[15] | |
᩹ | ᨾᩱ᩶ᩈᩣ᩠ᨾᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[17] | ไม้สามเหนือ | /máj.sǎːm.nɯa̯/ | ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนเลขสาม ᪃ ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์ของอักษรกลาง ซึ่งมีเสียงใกล้เคียงกับเสียโทในภาษาไทยมาตรฐาน[15] | |
๋ | - | – | - | ยืมจากอักษรไทยรูปไม้จัตวา สำหรับใช้ในภาษาไทเขิน เทียบได้กับไม้สองเหนือ[15] | |
้ | - | – | - | ยืมจากอักษรไทยรูปไม้โท สำหรับใช้ในภาษาไทเขิน เทียบได้กับไม้สามเหนือ[15] |
การผันวรรณยุกต์
แก้ภาษาไทยถิ่นเหนือสามารถผันได้ 6 เสียง (จริงๆแล้วมีทั้งหมด 7 หรือ 8 เสียง แต่ในแต่ละท้องถิ่นจะใช้เพียง 6 เสียงเท่านั้น) การผันจะใช้การจับคู่กันระหว่างอักษรสูงกับอักษรต่ำจึงทำให้ต้องใช้วรรณยุกต์เพียง 2 รูปเท่านั้น คือ เอก กับ โท (เทียบภาษาไทยกลาง) เช่น
การที่มีรูปวรรณยุกต์เพียง 2 รูปนี้ทำให้เกิดปัญหากับอักษรกลาง คือ ไม่สามารถแทนเสียงได้ครบทั้ง 6 เสียง ดังนั้นจึงอาจอนุโลมให้แต่ละรูปศัพท์แทนการออกเสียงได้ 2 เสียง
เสียงวรรณยุกต์สำเนียงเชียงใหม่มี 6 เสียง คือ เสียงจัตวา, เสียงเอก, เสียงโทพิเศษ, เสียงสามัญ, เสียงโท, และเสียงตรี[18]
เสียงวรรณยุกต์ | ตัวอย่าง | การถอดรหัสเสียง | การออกเสียง | ความหมายในภาษาไทย | |
---|---|---|---|---|---|
เสียงจัตวา | ขา | ᨡᩣ | /xǎː/ | [xaː˩˦] | ขา |
เสียงเอก | ข่า | ᨡ᩵ᩣ | /xàː/ | [xaː˨˨] | ข่า |
เสียงโทพิเศษ | ข้า | ᨡ᩶ᩣ | /xa᷇ː/ | [xaː˥˧] | ฆ่า |
เสียงสามัญ | ฅา | ᨤᩣ | /xaː/ | [xaː˦˦] | หญ้าคา |
เสียงโท | ไฮ่ | ᩁᩱ᩵ | /hâjː/ | [hajː˦˩] | ไร่ |
เสียงตรี | ฟ้า | ᨼ᩶ᩣ | /fáː/ | [faː˦˥˦] | ฟ้า |
การแสดงเสียงวรรณยุกต์
แก้การแสดงเสียงวรรณยุกต์ของคำเมืองสำเนียงเชียงใหม่
เสียงวรรณยุกต์ | คำเป็น สระยาว | คำเป็น สระยาว ไม้เอก | คำเป็น สระยาว ไม้โท | คำตาย สระสั้น | คำตาย สระยาว |
---|---|---|---|---|---|
อักษรสูง | เสียงจัตวา | เสียงเอก | เสียงโทพิเศษ | เสียงจัตวา | เสียงเอก |
อักษรกลาง | เสียงสามัญ | เสียงเอก | เสียงโทพิเศษ | เสียงจัตวา | เสียงเอก |
อักษรต่ำ | เสียงสามัญ | เสียงโท | เสียงตรี | เสียงตรี | เสียงโท |
ตัวเลข
แก้อักษรธรรมมีตัวเลขสองชุด ชุดแรกคือ "เลขในธรรม" นิยมใช้กับงานเขียนเรื่องทางธรรมะหรืองานเขียนภาษาบาลี อีกชุดคือ "เลขโหรา" ซึ่งนิยมใช้ในงานเขียนเรื่องทางโลกย์ เช่น ตำราโหร เลขยันต์ วรรณกรรม ฯลฯ
อารบิก | 0 | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เลขโหรา | ᪀ | ᪁ | ᪂ | ᪃ | ᪄ | ᪅ | ᪆ | ᪇ | ᪈ | ᪉ |
เลขในธรรม | ᪐ | ᪑ | ᪒ | ᪓ | ᪔ | ᪕ | ᪖ | ᪗ | ᪘ | ᪙ |
อักขระวิธีพิเศษ
แก้อักขระวิธีพิเศษ คือการสะกดคำโดยใช้รูปพิเศษที่ไม่ตรงกับหลักอักขรวิธี โดยส่วนมากมักเป็นไปในลักษณะของการสะกดคำแบบย่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้รูปตัวเชิงซึ่งไม่ตรงกับอักขรวิธีปกติ มักมีจุดประสงค์เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนคำที่ใช้บ่อย และมักจะพบคำประเภทนี้ได้ทั่วไปในงานเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา ตัวอย่างที่พบบ่อยเช่นคำว่า ᨧᩢ᩠ᨠ (จัก) ซึ่งมักจะย่อเป็น ᨧᩢ (จั) ทั้งนี้ ในบางครั้งอาจมีการประดิษฐ์สัญลักษณ์พิเศษขึ้นมาแทนคำ เช่น สัญลักษณ์ ᪠ (เวียง) แทนคำว่า เวียง หรือ เมือง โดยตัวอย่างของอักขระวิธีพิเศษ จะแสดงไว้ในตารางดังนี้
อักขรวิธีพิเศษ | อักขรวิธีปกติ | ปริวรรตอักษรไทย | ความหมาย |
---|---|---|---|
ᨧᩢ | ᨧᩢ᩠ᨠ | จัก | จะ |
ᨣᩴᩝ | ᨣᩴ᩵ᨷᩴ᩵ | ค็บ่ | ก็ไม่ |
ᨣ᩠ᨯᩦ | ᨣᩴ᩵ᨯᩦ | ค็ดี | ก็ดี |
ᨷ᩠ᨯᩦ | ᨷᩴ᩵ᨯᩦ | บ่ดี | ไม่ดี |
ᩓ᩠ᩅ | ᩃᩯ᩠ᩅ᩶ | แล้ว | แล้ว |
ᨻᩱ᩠ᨾᩣ | ᨻᩱᨾᩣ | ไพมา | ไปมา |
᪠ | ᩅ᩠ᨿᨦ | เวียง | เวียง |
᪭ᩣ | ᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ | ช้าง | ช้าง |
᪒᪂ | ᨡᩮᩢ᩶ᩣᨡᩬᨦᨦᩮᩥ᩠ᨶᨤᩣᩴ | เข้าของเงินฅำ | ทรัพย์สินเงินทอง |
ᨡᨲᨯᨾ | ᨡᩮᩢ᩶ᩣᨲᩬᨠᨯᩬᨠᨾᩱ᩶ | เข้าตอกดอกไม้ | ข้าวตอกดอกไม้ |
ผังยูนิโคด
แก้อักษรธรรมล้านนาได้รับการบรรจุลงในยูนิโคดตั้งแต่รุ่น 5.2 ดังนั้นจึงสามารถใช้อักษรธรรมล้านนาในคอมพิวเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยช่วงรหัสของอักษรอื่นดังเช่นที่เคยทำกันในอดีตอีกต่อไป
ผังยูนิโคดสำหรับอักษรธรรมล้านนาอยู่ในช่วง U+1A20–U+1AAF:
Tai Tham[1][2] Official Unicode Consortium code chart (PDF) | ||||||||||||||||
0 | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | A | B | C | D | E | F | |
U+1A2x | ᨠ | ᨡ | ᨢ | ᨣ | ᨤ | ᨥ | ᨦ | ᨧ | ᨨ | ᨩ | ᨪ | ᨫ | ᨬ | ᨭ | ᨮ | ᨯ |
U+1A3x | ᨰ | ᨱ | ᨲ | ᨳ | ᨴ | ᨵ | ᨶ | ᨷ | ᨸ | ᨹ | ᨺ | ᨻ | ᨼ | ᨽ | ᨾ | ᨿ |
U+1A4x | ᩀ | ᩁ | ᩂ | ᩃ | ᩄ | ᩅ | ᩆ | ᩇ | ᩈ | ᩉ | ᩊ | ᩋ | ᩌ | ᩍ | ᩎ | ᩏ |
U+1A5x | ᩐ | ᩑ | ᩒ | ᩓ | ᩔ | ᩕ | ᩖ | ᩗ | ᩘ | ᩙ | ᩚ | ᩛ | ᩜ | ᩝ | ᩞ | |
U+1A6x | ᩠ | ᩡ | ᩢ | ᩣ | ᩤ | ᩥ | ᩦ | ᩧ | ᩨ | ᩩ | ᩪ | ᩫ | ᩬ | ᩭ | ᩮ | ᩯ |
U+1A7x | ᩰ | ᩱ | ᩲ | ᩳ | ᩴ | ᩵ | ᩶ | ᩷ | ᩸ | ᩹ | ᩺ | ᩻ | ᩼ | ᩿ | ||
U+1A8x | ᪀ | ᪁ | ᪂ | ᪃ | ᪄ | ᪅ | ᪆ | ᪇ | ᪈ | ᪉ | ||||||
U+1A9x | ᪐ | ᪑ | ᪒ | ᪓ | ᪔ | ᪕ | ᪖ | ᪗ | ᪘ | ᪙ | ||||||
U+1AAx | ᪠ | ᪡ | ᪢ | ᪣ | ᪤ | ᪥ | ᪦ | ᪧ | ᪨ | ᪩ | ᪪ | ᪫ | ᪬ | ᪭ | ||
หมายเหตุ
|
ฟอนต์
แก้ในปัจจุบันนี้ โปรแกรมสำหรับทำงานเอกสารที่สำคัญเช่น ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ และไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ ยังรองรับระบบการป้อนอักษรธรรมแบบยูนิโค้ดได้อย่างไม่สมบูรณ์[19] ทำให้เกิดการใช้งานฟอนต์อักษรธรรมแบบนอกระบบยูนิโคด (non-Unicode) อย่างแพร่หลาย ฟอนต์อักษรธรรมที่เผยแพร่โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภาและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เองก็เป็นฟอนต์นอกระบบยูนิโคด ทั้งนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาการไม่รองรับของโปรแกรมต่าง ๆ ดั้งที่กล่าวมา และเพื่อให้ฟอนต์สามารถแสดงผลข้อความอักษรธรรมจากบันทึกโบราณได้ โดยบันทึกเหล่านี้มักประกอบด้วยอักษรพิเศษและสัญลักษณ์ที่ช่วงรหัสยูนิโคดของอักษรไทธรรม (Tai Tham) ยังไม่รองรับ [20][21] ฟอนต์อักษรธรรมนอกระบบยูนิโคดมักใช้ช่วงรหัสยูนิโคดของอักษรไทยและอักษรละตินประสมกันสำหรับแสดงผล เพื่อแก้ปัญหาการไม่รองรับอักษรธรรมในระบบไมโครซอฟท์ออฟฟิศ อย่างไรก็ตาม ฟอนต์เหล่านี้อาจมีปัญหาในการแสดงผลบนเว็บเบราว์เซอร์หรือคอมพิวเตอร์ที่ไม่รองรับฟอนต์ดังกล่าว โดยอาจเกิดปัญหาการแสดงผลเป็นภาษาต่างดาวได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาฟอนต์อักษรธรรมแบบยูนิโคดขึ้นอย่างแพร่หลายเพื่อใช้สำหรับแสดงผลบนเว็บไซต์และเพื่อการสื่อสารผ่านสมาร์ทโฟน โดยฟอนต์ Noto Sans Tai Tham ซึ่งจัดทำโดยกูเกิล ได้กลายเป็นฟอนต์เริ่มต้นสำหรับแสดงผลอักษรธรรมในระบบแมคโอเอสและไอโอเอส[22] กระนั้น ฟอนต์ดังกล่าวในรุ่นปัจจุบันยังคงมีปัญหา กล่าวคือยังแสดงผลอักษรธรรมล้านนาได้ไม่ถูกต้อง และมีรูปทรงที่อ่านยาก
รายการฟอนต์อักษรธรรมที่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว ได้จัดรวบรวมไว้ในตารางข้างล่างนี้
ชื่อฟอนต์ | ระบบการป้อน | รูปลักษณะอักษร | ตระกูลฟอนต์ | ผู้จัดสร้าง (พร้อมลิงก์หน้า) | |
---|---|---|---|---|---|
ยูนิโคด[a] | นอกระบบยูนิโคด[b] | ||||
A Tai Tham KH New V3 | ใช่ | ไม่ | ไทเขิน | ไม่มีเชิง | Arloka Tai Tham Unicode group |
A Tai Tham LN | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | Arloka |
Chiangsaen Alif | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | ไม่มีเชิง | Alif Silapachai |
CR Insom Lanna | ใช่ | ใช่ | ล้านนา | มีเชิง | Worawut Thanawatanawanich |
Hariphunchai | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | TragerStudio, Richard Wordingham |
Kotthabun | ใช่ | ไม่ | ลาว | มีเชิง | Theppitak Karoonboonyanan Tai Tham Unicode group |
Lanna Alif | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | ไม่มีเชิง | Alif Silapachai |
Lamphun | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | Richard Wordingham |
LN Mon Saen | ไม่ | ใช่ | ไทเขิน | มีเชิง | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (page link), Pichai Saengboon |
LN Tilok | ไม่ | ใช่ | ล้านนา | มีเชิง | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (page link), Pichai Saengboon |
LN Wat Inda | ไม่ | ใช่ | ไทเขิน | มีเชิง | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (page link), Pichai Saengboon |
Noto Sans Tai Tham | ใช่ | ไม่ | ไทเขิน | ไม่มีเชิง | Google Fonts |
Pali-Kotthabun | เฉพาะภาษาบาลี | ใช่ | ลาว | มีเชิง | Worawut Thanawatanawanich, Theppitak Karoonboonyanan |
Pali-Tilok | เฉพาะภาษาบาลี | ใช่ | ล้านนา | มีเชิง | Worawut Thanawatanawanich, Pichai Saengboon |
Payap Lanna | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | SIL International |
RST-ISAN | ไม่ | ใช่ | ลาว | มีเชิง | สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (page link) |
RST-LANNA | ไม่ | ใช่ | ล้านนา | มีเชิง | สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (page link) |
Tai Tham BXL | ใช่ | ไม่ | ไทลื้อ | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
Tai Tham Kammattana | ใช่ | ไม่ | ไทเขิน | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
Tai Tham Kasem | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
Tai Tham Kruba Promma | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
Tai Tham Nang Kham | ใช่ | ไม่ | ไทเขิน | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
Tai Tham Sripanyawut | ใช่ | ไม่ | ล้านนา | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
Tai Tham Thatdaokham | ใช่ | ไม่ | ไทลื้อ | มีเชิง | Tai Tham Unicode group |
VS Tham Lanxang | ใช่ | ใช่ | ลาว | มีเชิง | Worawut Thanawatanawanich |
- หมายเหตุ
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 Diringer, David (1948). Alphabet a key to the history of mankind. p. 411.
- ↑ Hartmann, John F. (1986). "The spread of South Indic scripts in Southeast Asia". Crossroads: An Interdisciplinary Journal of Southeast Asian Studies. 3 (1): 6–20. JSTOR 40860228.
- ↑ Penth, Hans (1986). "On the History of Thai scripts" (PDF).
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - ↑ Chew, P., Saengboon, P., & Wordingham, R. (2015). "Tai Tham: A Hybrid Script that Challenges Current Encoding Models". Presented at the Internationalization and Unicode Conference (IUC 39).
- ↑ 5.0 5.1 The Lanna Dictionary. Chiang Mai: Chiang Mai Rajabhat University. 2007. pp. 305–314. ISBN 9789747793567.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Rungruangsri, Udom (2004). พจนานุกรมล้านนา-ไทย ฉบับแม่ฟ้าหลวง (Revised ed.). Chiang Mai: Chiang Mai University. ISBN 9789746851756.
- ↑ พจนานุกรมภาษาล้านนา ᨻᨧᨶᩣᨶᩩᨠᩕᩫ᩠ᨾᨽᩣᩇᩣᩃ᩶ᩣ᩠ᨶᨶᩣ (2nd ed.). เชียงใหม่: สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. 2007. p. 106. ISBN 9789747793567.
- ↑ วิเชียรเขียว, อรุณรัตน์ (1996). พจนานุกรมศัพท์ล้านนาเฉพาะคำที่ปรากฏในใบลาน (ภาษาThai). เชียงใหม่: สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์. p. 201. ISBN 9747047772.
{{cite book}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ วิเชียรเขียว, อรุณรัตน์ (1996). พจนานุกรมศัพท์ล้านนาเฉพาะคำที่ปรากฏในใบลาน (ภาษาThai). เชียงใหม่: สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์. p. 225. ISBN 9747047772.
{{cite book}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ วิเชียรเขียว, อรุณรัตน์ (1996). พจนานุกรมศัพท์ล้านนาเฉพาะคำที่ปรากฏในใบลาน (ภาษาThai). เชียงใหม่: สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์. p. 440. ISBN 9747047772.
{{cite book}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Watcharasastr, Boonkid (2005). แบบเรียนภาษาเมืองล้านนา ᨷᩯ᩠ᨷᩁ᩠ᨿᩁᨽᩣᩇᩣᨾᩮᩬᩨᨦᩃ᩶ᩣ᩠ᨶᨶᩣ. Chiang Mai: Thara Thong Publishing. p. 20. ISBN 9748547205.
- ↑ Watcharasastr, Boonkid (2005). แบบเรียนภาษาเมืองล้านนา ᨷᩯ᩠ᨷᩁ᩠ᨿᩁᨽᩣᩇᩣᨾᩮᩬᩨᨦᩃ᩶ᩣ᩠ᨶᨶᩣ. Chiang Mai: Thara Thong Publishing. p. 24. ISBN 9748547205.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 13.5 นาคสุข, ยุทธพร (4 สิงหาคม 2563). "อักษรธรรมล้านนาที่ประดิษฐ์ขึ้นเพิ่มเติมเพื่อใช้เขียนภาษาสันสกฤต". Humanities & Social Sciences. 37: 297–344.
- ↑ Watcharasastr, Boonkid (2005). แบบเรียนภาษาเมืองล้านนา ᨷᩯ᩠ᨷᩁ᩠ᨿᩁᨽᩣᩇᩣᨾᩮᩬᩨᨦᩃ᩶ᩣ᩠ᨶᨶᩣ. Chiang Mai: Thara Thong Publishing. p. 178. ISBN 9748547205.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 15.5 15.6 Owen, R. Wyn (2017). "A description and linguistic analysis of the Tai Khuen writing system". Journal of the Southeast Asian Linguistics Society. 10 (1): 140–164. hdl:10524/52403.
- ↑ 16.0 16.1 Rungruangsri, Udom (2004). พจนานุกรมล้านนา-ไทย ฉบับแม่ฟ้าหลวง (Revised ed.). Chiang Mai: Chiang Mai University. ISBN 9789746851756.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 Buddhism Summer Curriculum Level 1 Book 2 (ᩉᩖᩢᨠᩈᩪᨲ᩠ᨲ᩼ᨻᩕᨻᩩᨴ᩠ᨵᩈᩣᩈᨶᩣᨽᩣ᩠ᨣᩁᩬ᩶ᩁ ᨩᩢ᩠᩶ᨶ ᪑ ᩃᩮ᩠᩵ᨾ ᪒). Vol. 2. Bangkok: Mahachulalongkornrajavidyalaya University Press. 2010. สืบค้นเมื่อ 3 August 2022.
- ↑ Gedney, William J., and Thomas J. Hudak. William J. Gedney's Tai Dialect Studies: Glossaries, Texts, and Translations. Ann Arbor, MI: Center for South and Southeast Asian Studies, The University of Michigan, 1997. Print.
- ↑ "Creating and supporting OpenType fonts for the Universal Shaping Engine". Microsoft technical documentation. 16 June 2022. สืบค้นเมื่อ 5 August 2022.
- ↑ "Lanna Fonts (ฟอนต์ล้านนา)". The Center for the Promotion of Arts and Culture, Chiang Mai University. สืบค้นเมื่อ 5 August 2022.
- ↑ "Six fonts for ancient scripts (ชุดแบบอักษรหรือฟอนต์อักษรโบราณ ๖ ชุด)". The Royal Society of Thailand. สืบค้นเมื่อ 5 August 2022.
- ↑ "System Fonts". Apple Developer. สืบค้นเมื่อ 5 August 2022.
อ่านเพิ่ม
แก้- Khamjan, Mala (มาลา คำจันทร์). Kham Mueang Dictionary(พจนานุกรมคำเมือง). Chiang Mai: bookworm, 2008. ISBN 978-974-8418-55-1.
- "Lanna script". Complete information from traditional sources. Sky Knowledge. สืบค้นเมื่อ 2018-07-15.
- Owen, R. Wyn. 2017. A description and linguistic analysis of the Tai Khuen writing system. Journal of the Southeast Asian Linguistics Society 10.1, 140-164.
- Trager, Ed. (2014). Hariphunchai Tai Tham Font Project.
- Wordingham, Richard. Lamphun glyphs (A page with specimen of the font Lamphun). Retrieved 15 May 2019.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- ISO/IEC 10646:2003/Amd.5:2008 Universal Multiple-Octet Coded Character Set (UCS) -- Amendment 5: AMENDMENT 5: Tai Tham, Tai Viet, Avestan, Egyptian Hieroglyphs, CJK Unified Ideographs Extension C, and other characters
- รูปและการออกเสียงของอักษรล้านนา (อังกฤษ)
- สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- Download Font Lanna